นัชชาร้องไห้หนักมากจนหมดสภาพ ดูเหมือนเป็นเด็กเดินมาหลงทาง หาไม่เจอพ่อแม่ น่าสงสารเหลือเกิน
อาธิปกอดเธอเข้าวงแขนตัวเอง พร้อมปลอบใจเธอว่า “หนูจะไม่อยู่คนเดียวแน่นอน นัชชา หนูตั้งสติไว้ก่อนนะ”
นัชชามองหน้าอาธิป ตาแดงและบวมไปหมด เธอพูดต่อว่า “อย่าให้เขาคลอดลูกคนนี้ออกมานะคะ นะคะ หนูขอร้อง นะคะ พี่อาธิป ต้องให้เขาเอาลูกคนนี้ออก ไม่งั้นหนูจะฆ่าตัวตาย”
เธอพูดมาอย่างจริงจังและเด็ดขาด
อาธิปมองหน้าเธอ สายตาเขาเริ่มมีความโกรธ พูดกับนัชชาว่า “นัชชาอย่าดื้อ!”
นัชชาเห็นว่าอาธิปไม่เข้าข้างเธอ เธอจึงผลักตัวออกจากวงแขนอาธิป คว้าหยิบมีดที่วางไว้บนโต๊ะ แล้วกรีดข้อมือตัวเองอย่างรวดเร็วแบบทุกคนไม่ทันห้าม
เรื่งราวเกิดขึ้นแบบกะทันหันมาก ฉันไม่คิดว่านัชชาจะทำได้ขนาดนี้ อาธิปเขาก็คงจะคาดไม่ถึงเหมือนกัน เขาเกรงไปทั้งตัว เขารีบตั้งสติและจะอุ้มนัชชาไปส่งห้องฉุกเฉิน
แต่นัชชาจับราวเตียงไว้อย่างแน่น ๆ ไม่ยอมปล่อยมือ เธอมองหน้าอาธิปด้วยความโกรธแค้น และพูดว่า “ให้เขาคลอดลูกคนนี้ออกมาไม่ได้ !!!”
ฉันตกใจ นัชชาไม่อยากให้ฉันคลอดลูกคนนี้ ถึงขนาดต้องขู่ตายเลยเหรอ ฉันมองไปที่อาธิป ครั้งนี้ฉันไม่ได้รอดูว่าเขาจะพูดว่าไง ฉันชิงพูดก่อนเลยว่า “นัชชา เธอไม่ต้องห่วง ลูกคนนี้ ฉัน…..” ฉันพยายามเก็บอารมณ์เจ็บใจ หายใจเข้าลึก ๆ และพูดต่อว่า “ ฉันไม่เอา”
“ดารัณ!!” อาธิปของขึ้นทันที สายตาดุเดือด
“อาธิปรีบส่งเขาไปห้องฉุกเฉินเถอะ ถ้าขืนยังชักช้า เดี๋ยวเธอตายจริง ๆ คุณยิ่งทรมานมากกว่านี้อีก” ฉันบอกอาธิป และพยายามเก็บอาการเจ็บใจไว้
อาธิปเม้มปากเล็กน้อย มองฉันแบบคาดเดาไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แล้วก็รีบอุ้มนัชชาเดินออกจากห้องไป
ในห้องเงียบลงทันที ฉันมองดูเลือดที่ไหลมาจากข้อมือของนัชชา รู้สึกจ้าตาและหนาวเย็นมาก
ไข้ของฉันลดลงแล้ว แต่ก็ยังต้องให้น้ำเกลือ ฉันไม่อยากพักอยู่ในโรงพยาบาลอีกเลย จึงขอออกโรงพยาบาลเลย
หลังผ่านฝนตกหนักของเมื่อคืน เมือเจียงเฉิงเหมือนได้โฉมใหม่เลย ออกจากโรงพยาบาล ฉันยังไม่ได้กลับบ้าน จะไปที่บริษัทก่อน
มาถึงหน้าล็อบบี้ของบริษัท พนักงานต้อนรับเห็นฉันเดินเข้ามา จึงรีบเดินมาทักทายกับฉัน และบอกฉันว่า “คุณดารัณคะ ภรรยาของคุณลู่ ที่เป็นผู้การของโรงพยาบาลประชาชนมารอคุณดารัณที่ออฟฟิศแล้วค่ะ มาได้ประมาณสิบห้านาทีแล้วค่ะ”
ฉันพยักหน้า กดลิฟท์ และมองไปที่พนักงานต้อนรับ บอกเธอว่า “ให้หานซางไปเตรียมของขวัญให้ฉันหน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะฝากคุณนานลู่ไป ไม่ต้องแพงหรูมาก แต่ก็ต้องพอเหมาะสมนะ”
พนักงานต้อนรับพยักหน้า
เดินเข้าลิฟท์ กดชั้นที่ฉันจะไปแล้วก็หยิบมือถือมาโทรหาคุณกวิน เสียงเรียกสายแค่ดังขึ้นสองครั้ง คุณกวินก็รับสายพอดี “ครับ ดารัณ”
ฉันคาดไม่ถึงว่ารอบนี้คุณกวินจะเรียกชื่อฉันอย่างนี้เลย ฉันขมวดคิ้วตา และถามเขาว่า “เย็นนี้ว่างไหมคะ พบกันหน่อยได้ไหมคะ”
เขาแหมือนจะตกใจ นิ่งไว้สักครู่เดียว แล้วก็บอกว่า “ได้ครับ กี่โมงและที่ไหน”
“เดี๋ยวฉันส่งไปให้นะคะ” ถึงแล้ว ประตูลิฟท์เปิด ฉันวางสาย แล้วส่งเวลากับที่อยู่ที่นัดเจอกันเย็นนี้ส่งไปให้คุณกวิน
แล้วก็ไปที่ห้องน้ำ เติมแต่งหน้าหน่อย ถึงจะเดินเข้าออฟฟิศ
อยู่กับอาธิปมาสองปี นอกจากที่ไม่สามารถทำให้เขารักฉันได้แล้ว ฉันก็ได้ประสบการณ์มากมายในเรื่องงาน
อย่างน้อย ตอนนี้ฉันก็สามารถจัดการกับทุกปัญหาได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งแต่ก่อนยังเป็นแค่เด็กใหม่ที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ก็ถือว่ามีการพัฒนาขึ้นเยอะ
ในห้องทำงานของฉัน ผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบ สวมชุดกี่เพ้าลายดอกโบตั๋นสีจืด นั่งอยู่บนโซฟาหนังสีดี และถือมือถือไว้ในมือ เหมือนจะกำลังดูข้อความอยู่
ฉันเคาะประตูที่เปิดไว้นิดหน่อย และเดินเข้าไปในห้อง ยิ้มแล้วพูดกับคุณนายลู่ว่า “คุณนายลู่คะ ขอโทษนะคะที่มาช้าไปหน่อย พอดีรถติดนิดนึงอ่ะค่ะ”
พอเห็นฉันเข้ามา คุณนายลู่ลุกขึ้นมาจับมือฉัน และยิ้ม บอกว่า “ไม่เป็นไร ๆ ฉันก็เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นานค่ะ”