อาธิปไม่ได้ตอบคำถามฉัน กลับถามฉันว่า “ไปไหนมา” น้ำเสียงเย็นชาและติดอารมณ์โกรธนิด ๆ
“ไปบริษัทมา” พูดจบ ฉันก็เดินไปที่ห้องครัว และพูดต่อว่า “เดี๋ยวฉันทำอาหารให้กินนะคะ”
วันนี้ตอนอยู่โรงพยาบาล นัชชาเล่นแรงขนาดนั้น ฉันว่าเขาคงไม่ได้กกินอะไร พอนึกถึงเรื่องนี้ ฉันก็รู้สีกว่าสิ่งที่ฉันกำลังจะทำนี้คือส่วนเกินจริง ๆ ฉันกำลังจะไปจากเขาแล้ว ยังจะมาห่วงเรื่องกินข้าวของเขาอีก
แต่จะว่าไปแล้ว ยังไงเขาก็เป็นคนที่ฉันรักมานาน ถึงจะเลิกกันแล้ว ก็ไม่ควรทำให้เจ็บช้ำกัน มีบุญวาสนาต่อกันแค่นี้ เลิกรากันดี ๆ ก็ได้
ฉันกำลังต้มเส้นหมี่ แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเหมือนข้างหลังมีอะไรแปลก ๆ ฉันเลยหันห้าไปดู พอหันไปเห็นใบหน้าของอาธิปโผล่ขึ้นมา สีหน้าเฉยชา
“มี…มีไรป่าวคะ” ปกติสายตาที่เขามองฉันมีแต่ความเฉยชา หรือไม่ก็ความเกลียดชัง แต่วันนี้เหมือนอารมณ์ของเขาซับซ้อนมาก ฉันแบบทำตัวไม่ถูกเลยในขณะนั้น ฉํนเลยตื่นเต้นไปหมด
เขาไม่พูดไม่จา ฉันจึงคิดไปเองว่าเขาคงไม่อยากคุยกับเรา ก็เลยเงียบ ทำเส้นหมี่ให้เขาต่อ เสร็จแล้วฉันก็ยกไปที่โต๊ะให้เขา และบอกเขาว่า “ตู้เย็นที่บ้านไม่มีอะไรให้กินแล้ว มีแค่ไข่ ก็กินง่าย ๆ ไปก่อนละกันนะคะ”
ทีแรกฉันว่าจะขึ้นไปอาบน้ำข้างบนก่อน แต่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า “เรื่องชีวิตคู่ก็ง่าย ๆ ได้เหรอ”
ฉันตะลึงใจ ทันใดนั้น รู้สึกเจ็บใจมาก ถ้าปกติฉันจะเงียบไป แต่ตอนนี้ไม่รู้ฉันเป็นอะไร อยู่ ๆ ก็น้ำตาจะไหล ฉันมองหน้าเขา แล้วพูดว่า “ถึงจะไม่ได้ แต่เราก็อยู่ทนอยู่กันมาสองปีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อาธิปคะ ฉันตกลงหย่าค่ะ” ฉันเอาสัญญาหย่าที่เซ็นไว้เรียบร้อยแล้วนั้นออกมาจากกระเป๋า วางไว้ต่อหน้าเขา พูดแบบเสียใจว่า “ฉันเซ็นชื่อให้แล้ว นี่ค่ะ เราสองคนหาเวลาไปจดทะเบียนหย่ากันที่สำนักงานทะเบียนหน่อยละกันนะคะ”
ฉันพูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจออกมาเลยทีเดียว ฉันหายใจเข้าลึก ๆ เก็บอารมณ์เสียใจไว้ มองใบหน้าที่หล่อเท่แต่เย็นชานั้น และพูดต่อว่า “เรื่องลูก คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะทำให้คุณกับนัชชาพอใจแน่นอนค่ะ”
คนเราตัดสินใจทำอะไรแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบกับผลที่เกิดตามมาให้ได้
ฉันไม่ได้ไปมองใบหน้าที่พยายามเก็บความโกรธนั้นต่อ ฉันหันตัวจะขึ้นห้อง วันนี้น่าจะครั้งสุดท้ายที่เราได้คุยกันสองต่อสอง
ทันใดนั้น ข้อมือฉันถูกเขาจับไว้อย่างรุนแรง “จัดการเหรอ” อาธิปพูดขึ้นมา เสียงของเขาพยายามเก็บอารมณ์โกรธไว้ เหมือนอีกนิดก็จะระเบิด
ฉันรู้ว่าเขาโกรธ ฉันก็ไม่ได้หันหน้าไป พยายามเก็บอาการเสียใจไว้ และบอกเขาว่า “ฉันจะจัดการให้เรียบร้อย จะไม่ให้เรื่องของลูกไปทำร้ายนัชชาแน่นอนค่ะ”
“ดารัณ!!!” ความโกรธของเขากำลังจะควบคุมไม่อยู่ มือที่เขาจับไว้นั้นเจ็บจนเริ่มชาไม่รู้สึกตัว “เธอคิดจะทำอะไร หย่ากันฉันเหรอ ไปทำแท้งลูก แล้วก็หนีไปง่าย ๆ เหรอ”
“แล้วจะเอาอะไรกับฉันอีก” ฉันมองหน้าเขา น้ำตาที่ฉันพยายามเก็บไว้นั้นเริ่มเอาไม่อยู่ “ฉันยังทำอะไรได้อีกบ้างคะ อาธิปอยากจะหย่ากับฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอคะ ตอนนี้ฉันกำลังทำให้คุณได้สมหวังแล้ว ฉันทำแบบนี้ผิดตรงไหนคะ”
สายตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไปอีกอารมณ์นึง แต่ลึกล้ำเหลือเกิน
“เธอคิดว่าตัวเองฉลาดมากเหรอ” เขาหัวเราะ นิ้วมือที่เรียวยาวของเขาจับคางฉันไว้ ฉันเจ็บ เลยคิดจะดิ้นตัวออก เขากลับเพิ่มแรงเข้า เราสองคนตัวชิดกัน ถึงขนาดได้ยินเสียงหายใจซึ่งกันละกัน “ลูกที่อยู่ในท้องเธอเป็นลูกของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของเขา”
“ฉันไม่มีสิทธิ์เหรอคะ” ฉันหัวเราะ มองหน้าเขาแล้วพูดแบบโกรธแค้นว่า “แล้วนัชชามีสิทธิ์เหรอคะ”
เขาหลิ่วตาลง และฉันก็รู้สึกถุงความเย็นชาของเขา เขาพูดว่า “ดารัณ เธอกำลังท้าฉันเหรอ”