ฉันรู้สึกว่าเหมือนเขาเอามือมาลูกหน้าท้องฉัน ไม่รู้ว่าเขาทำเพื่ออะไร ฉันเลยขยับตัวเพื่อปฏิเสธให้เขาลูบหน้าท้องฉัน
และเขาก็อุ้มฉันขึ้นที่นอน ฉันง่วงมากอยู่แล้ว พอได้ขึ้นที่นอนปุ๊บ ฉันก็นอนสลบเลย
วันรุ่งขึ้น
อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อคืนดื่มเมา ตอนนี้ฉันรู้สึกมึนหัวมาก นั่งอยู่บนเตียงเหม่อลอยไปตั้งนาน มือถือดังขึ้นหลายรอบ แต่ฉันก็ไม่ได้อ่าน
พอฟื้นตัวหน่อยแล้วฉันถึงจะหยิบมือถือมาเช็คดู เห็นเป็นข้อความของน้ำทิพย์
“นายแบบเมื่อคืนเป็นไงบ้าง ทุกอย่างราบรื่นมะ”
ฉันจับหน้าผาก ไม่รู้จะว่าเธอยังไงดีแล้ว ก็เลยพิมพ์ไปไม่กี่คำว่า “แม่คุณเอย แกไม่รู้หรือว่าหลังจากทำแท้งหนึ่งเดือน ห้ามมีอะไรกัน”
ฉันเพิ่งส่งข้อความไปไม่นาน น้ำทิพย์ก็โทรมาหาฉัน
ฉันรับสายขึ้นมา ฝั่งโน้นก็ตะโกนมาว่า “เชี่ย!! ทำไมแกไม่บอกตั้งแต่แรก เมื่อวานฉันอุตส่าห์ให้ทิปเด็กไปตั้งเยอะ”
ฉันยืดตัวนิดหน่อย แล้วก็ลุกขึ้นลงจากเตียงไปเปิดผ้าม่าน และบอกน้ำทิพย์ว่า “ไว้วันหลังพาแกไปช็อปปิ้ง ซื้อของที่แกชอบให้แก เมื่อคืนฉันเจอนัชชาที่ผับ”
น้ำทิพย์ตะลึงใจ และบอกว่า “อีนางเอกแอ๊บแบ๊วนั่นทำตัวใสบริสุทธิ์ไม่ใช่เหรอ มันไปสถานที่แบบนั้นทำไม”
“อาธิปและคนอื่น ๆ ก็ไปด้วย” ฝนตกมาหลายวัน วิวข้างบ้านสวยขึ้นเยอะเลย
น้ำทิพย์ถอนหายใจ และบอกว่า “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องมันแล้ว แกวางแผนว่าจะย้ายไปจากเจียงเฉิงเมื่อไรเหรอ”
พูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็ปวดหัว “อาธิปยังไม่ได้เซ็นสัญญาหย่าเลย เรื่องที่บริษัทฉันก็ไม่จัดการไม่ลงตัว”
น้ำทิพย์ก็ “อืม” และหยุดพูดสักครู่ แล้วจึงพูดต่อว่า “ถ้าแกจัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อยเมื่อไรแล้วแกบอกฉันด้วยนะ ไม่กี่วันนี้ฉันจะไปเที่ยวดูเมืองจิ้งเฉิงหน่อย ดูว่าย่านไหนเหมาะสำหรับเปิดผับ แล้วฉันก็จะกลับมาขายผับที่นี่”
ฉันสะอึกสะอื้นนิดนึง “ไทม์บาร์ แกก็ทำมาหลายปีแล้ว แกขายไปแบบนี้ ไม่เสียดายเหรอ” เธอจะขายกิจการที่ตัวทุ่มเทดูแลมาตั้งนานไปเพื่อฉันคนเดียว ฉันรู้สึกเกรงใจ
“ไม่”เธอพูดขึ้นมา และรู้สึกคุยกับฉันไม่รู้เรื่อง เลยพูดต่อว่า “สิ่งของพวกนี้เป็นแค่สิ่งเปลือกนอก จะไปเสียดายอะไรล่ะ และอีกอย่าง ย้ายไปจิ้งเฉิงแล้ว ฉันก็เปิดร้านใหม่ได้”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็เกิดความสนใจกับเรื่องของฉันขึ้นมา ถามฉันว่า “แล้วแกอ่ะ ลาออกจากงานแล้วจะไปทำอะไรที่จิ้งเฉิงจ๊ะ”
ฉันตะลึงใจ เรื่องนี้ฉันยังไม่ทันได้คิดเลยจริง ๆ ไว้จัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ลงตัว ท้องก็โตขึ้นแล้ว ท้องใหญ่ขนาดนั้น จะไปหางานทำก็คงจะไม่ค่อยสะดวก
“น่าจะพักผ่อนก่อนสักพัก่อนแหละ” ไว้คลอดลูกแล้ว ฉันก็ต้องดูแลเลี้ยงลูกไปสักพักก่อน ก็ต้องรอให้ลูกโตขึ้นหน่อยถึงจะออกไปหาอะไรทำได้
“เออ จริงด้วย!!”เธอก็เห็นด้วย แล้วพูดต่อว่า “แกอยู่กับอาธิปมาหลายปี เหนื่อยเหน็ดมาหลายปี ก็ควรจะพักผ่อนไปสักพักก่อน ไม่ต้องห่วงนะ หลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันเก็บเงินได้พอสมควร พอสำหรับเราสองคนใช้จ่ายแล้วแหละ”
ฉันหัวเราะ และบอกว่า “เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ถึงฉันจะหย่ากับอาธิป แต่ฉันก็ยังมีเงินที่เก็บไว้อยู่” บ้านหลังนี้เป็นสมบัติที่อาก๋งเหลือไว้ให้ ถึงแม้ว่าหลังจากหย่ากันแล้ว อาธิปจะยกบ้านหลังนี้ให้ฉัน ฉันก็ไม่น่าจะขายต่อ ส่วนเรื่องหุ้นที่บริษัท ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะจัดการกับมันยังไงดี
คุยเล่น ๆ กับน้ำทิพย์ไปสักพัก และฉันก็วางสายน้ำทิพย์ไป แล้วก็เดินไปยืนกอกอกไว้หน้าต่าง และชมวิวข้างนอก
ชีวิตในอนาคตจะดำรงไปยังไงต่อ เรื่องนี้ต้องวางแผนให้ดีจริง ๆ
อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่าอากาศในห้องหนาวขึ้นมา ฉันลูกแขนวนไปมา และคิดจะหันตัวไปหยิบเสื้อคลุม พอหันตัวปุ๊บ ก็เห็นอาธิปยืนอยู่ข้างหลังฉันแบบกะทันหัน
ฉันตกใจหมด “คุณ….ไม่ได้ไปที่บริษัทหรือคะ” ฉันไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร ที่ฉันคุยกันกับน้ำทิพย์เมื่อกี้ เขาได้ยินหมดแล้วหรือเปล่า
เขาจ้องมองมาที่ฉัน สายตาเศร้า ๆ และเย็นชา ถามฉันว่า “คิดจะไปอยู่ที่ไหน”