ในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีแสงไฟสลัวๆ
กู้ฉางชิงนั่งจิบไวท์แดงอยู่บนโซฟาด้วยความเหนื่อยหน่าย คิ้วของเธอขมวด สีหน้าบ่งบอกถึงความเศร้า
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงแทนน้องสาวฝาแฝดของเธอ กู้ฉางซิน
ตระกูลเฟิงร่ำรวยและมีอิทธิพลมากในปักกิ่ง
และกู้ฉางซิน ก็เป็นสะใภ้ตระกูลเฟิงที่มีชื่อเสียงสมคำล่ำลือ!
เมื่อสองวันก่อน จู่ๆกู้หงเซินพ่อของเธอก็มาที่บ้าน ขอร้องให้เธอปลอมตัวเป็นน้องสาวเข้าไปอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงเป็นเวลาหนึ่งปี
กู้ฉางชิงรู้สึกว่ามันตลกไปหน่อย
ตอนเธออายุแปดขวบ พ่อของเธอทิ้งเธอและแม่ไป อีกทั้งยังพาน้องสาวฝาแฝดของเธอไปด้วย สิบกว่าปีแล้วที่ไม่แม้แต่จะถามไถ่ หรือหันมาเหลียว
คิดไม่ถึงว่าจะมาหา และขอร้องเพราะเรื่องแบบนี้!
แต่เธอก็จำเป็นต้องตอบตกลง
ทว่าแม่ของเธอป่วยหนัก จำเป็นต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก เธอหมดหนทางแล้วจริงๆ จึงยอมตอบตกลง
“จีเฟิงหยุุนที่เธอชอบ ก็คงต้องจบลงแค่นี้! จากวันนี้ไปฉันคือสะใภ้ตระกูลเฟิง”
กู้ฉางชิงพูดพึมพำ พร้อมกับยกไวท์แก้วสุดท้ายมาดื่ม
เมื่อแอลกอฮอล์เข้าปาก ความขมขื่นก็แทรกซึมเข้าสู่หัวใจ
เธอนิ่งไปสักพัก แล้วก็ค่อยๆฟื้นสติกลับมา พร้อมกับแววตาที่แน่วแน่
เพื่อแม่เธอยอมทำทุกอย่าง!
ตั้งแต่นาทีนี้ไป เธอจะรับบทเป็นกู้ฉางซิน!
แม้ว่าเธอกับกู้ฉางซินจะนิสัยแตกต่างกันมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็จะต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี
และในหนึ่งปีนี้ ฉันหวังว่าสามีของเธอจะยังอยู่ที่ยุโรป ไม่ต้องกลับมา
เมื่อถึงเวลานั้น เธอก็จะรับเงินแล้วจากไป ไม่เกี่ยวข้องกันอีก!
……….
ที่สนามบินลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ในตอนกลางคืน เครื่องบินที่มุ่งหน้าไปเกียวโต กำลังจะบินขี้น
ในห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง มีผู้ชายใบหน้าเคร่งขรึม ดูน่าเกรงขามคนหนึ่งนั่งอยู่
เขาสวมเสื้อสูทสีดำที่ตัดเย็บได้เข้ากับรูปร่างของเขาพอดี กางเกงสีดำกับขาที่สูงยาว ดูสูงสง่าผ่าเผย ยากทีีจะหักห้ามใจ
แสงไฟสาดส่องลงบนใบหน้าที่เหมือนแกะสลักให้เห็นแสงและเงา หล่อราวกับเทพบุตร เหมือนเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของพระเจ้า
เขาหลับตาลงและขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังงีบอยู่ กลิ่นอายความเยือกเย็นบนตัวเขาปกคลุมไปไกลกว่าพันลี้
แอร์โฮสเตสผ่านมาพอดี จึงปิดไฟบนหัวเขาวูบดับลง
‘ปึง’ เสียงของตกลงบนพื้น ชายคนหนึ่งตกใจตื่นแล้วก็หลับตาลง
ทันใดนั้นเขาได้ลืมตาอันเฉียบคมของเขาขึ้น
เห็นแสงเงาสลัวๆข้างในตา
ลมหายใจของเขาหยุดนิ่งอย่างฉับพลัน ราวกับว่ามีกระแสน้ำวนปรากฎขึ้นตรงหน้า มีมือยื่นออกมาเพื่อจะฉุดเขาเข้าไป
จู่ๆชายคนนั้นก็หายใจเร็วขึ้น บนหน้าผากมีเหงื่อไหลเต็มไปหมด
เขากัดฟันแน่น ตะโกนเรียกชื่อ “ซู่ยี่!!!”
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเงารูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา ส่งเสียงเรียก:“ท่านประธาน!”
ชายคนนั้นหายใจหอบ ไม่ตอบกลับ แต่ซู่ยี่รู้ว่าแบบนี้ไม่ดีแน่ จึงรีบเปิดไฟ
ไม่นานแสงไฟก็ส่องสว่างขึ้นไปทุกมุม
“ท่านประธาน?เป็นยังไงบ้างครับ?” ซู่ยี่ถามด้วยความกังวล
ไม่แปลกเลยที่เขาถามด้วยความกังวล เพราะท่านประธานของเขากลัวความมืด ไม่ใช่เพิ่งเป็นแบบนี้แค่วันสองวัน!
หน้าผากของเฟิงจิงเหยามีเส้นเอ็นปูดขึ้นมานิดหน่อย เหมือนกับว่ายังไม่รู้สึกตัว
ซู่ยี่รีบหยิบยากล่อมประสาทออกมาจากกระเป๋า เทยาออกจากขวดแล้วป้อนใส่ปาก ตามด้วยน้ำค่อยๆให้เฟิงจิงเหยาดื่ม
หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงจิงเหยาก็ฟื้นขึ้นมา ใบหน้าอันหล่อเหลาขาวซีด
ซู่ยี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก สายตาเหลือบมองไปที่แอร์โฮสเตส แล้วตะโกนว่า:“ผมบอกพวกคุณแล้วไม่ใช่หรอว่าห้ามปิดไฟในห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่ง?คุณทำไมถึงยังทำอย่างนี้?”
แอร์โฮสเตสตกใจรีบขอโทษ “ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ฉันเห็นว่าเขากำลังพักผ่อนจึงปิดไฟ ฉันไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น”
“คำขอโทษเป็นการอธิบายความผิดที่พวกคุณทำหรอ?ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับท่านประธาน คุณจะรับผิดชอบไหวไหม?” ซู่ยี่พูดอย่างร้อนรน
“ขอโทษจริงๆค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” แอร์โฮสเตสยังคงขอโทษด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องให้
ซู่ยี่ตะคอก “ถ้าไม่ใช่เครื่องบินส่วนตัวของพวกเราเสีย เราก็คงไม่ต้องมานั่งอยู่ที่นี่…..”
“ซู่ยี่ พอได้แล้ว”
เฟิงจิงเหยาพูดตัดบทซู่ยี่ด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม
ซู่ยี่ได้แต่เงียบ แล้วพูดกับแอร์โฮสเตสว่า: “ยังไม่ออกไปอีก?”
แอร์โฮสเตสรีบถอยออกไป
จนเหลือกันเพียงสองคนในห้องผู้โดยสาร ซู่ยี่ถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านประธานรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?ไปให้หมอตรวจก่อนไหม ตอนนี้ลงจากเครื่องบินยังทัน”
“ไม่ต้องหรอก” เฟิงจิงเหยาตอบ
ซู่ยี่มองเขาด้วยสายตาที่ไม่เห็นด้วย: “วันนี้คุณประชุมมาทั้งวัน ควรกลับไปพักผ่อนก่อนนะครับ”
“พักที่นี่ก็ได้”
“……ครับ” ซู่ยี่ขัดเขาไม่ได้ เลยเลือกที่จะไม่พูดต่อ ได้แต่ถามว่า “ท่านประธาน ผมไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่าน ต้องให้คุณรีบกลับไปตอนนี้ด้วย?ธุรกิจของเราอยู่ที่ต่างประเทศ จู่ๆก็สั่งให้คุณกลับไปตอนนี้ มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านหรือเปล่าครับ?”
“ที่บ้านไม่มีอะไรหรอก คุณปู่คงอยากอุ้มหลานแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นคงเขาเร่งรัดอยู่บ่อยๆ ไม่สู้ทำให้เขาสมปรารถนาไม่ดีกว่าหรอ”
เฟิงจิงเหยาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบๆ
จู่ๆซู่ยี่ก็รู้สึกฉุกคิดนิดหน่อย “นี่…ท่านประธานครับ คุณวางแผนจะมีลูกกับคุณนายจริงๆหรอ?”