สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 6 ไม่ควรมีความสัมพัธ์ที่ไม่ชัดเจนกับชายอื่น

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เพราะเป็นความต้องการของเฟิงจิงเหยา ดังนั้นกู้ฉางชิงจึงยากที่จะปฏิเสธ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสามคนก็มาถึงตึกเชียนซี

ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนที่ออกแบบให้มีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยทีการตกแต่งทัศนียภาพด้านนอกเป็นสวนระดับไฮเอนด์ ส่วนด้านในตึกชั้นพิเศษนี้มีก็กลิ่นอายความโบราณอยู่ เผยให้เห็นความคลาสสิคและหรูหราเป็นตัวเลือกอันดับแรกต้นของบรรดาทายาทตระกลูสูงศักดิ์และลูกหลานคนรวย สำหรับใช้ในการพบปะสังสรรค์กัน

ไม่เพียงเท่านั้น อาหารของที่นี่ล้วนเป็นฝีมือของเชฟระดับนานาชาติ หากต้องการจอง ต้องจองก่อนล่วงหน้าสามเดือน

กู้ฉางชิงเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับที่นี่ แต่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก ในใจเธอค่อนข้างระมัดระวังตัว

ลู่ซือยวี่เดินนำหน้าด้วยความคุ้นชินทาง ระหว่างทางก็ยิ้มและพูดคุยกับเฟิงจิงเหยา

“พี่จิงเหยาไม่ได้กลับมาเป็นปีแล้ว คงจะคิดถึงที่นี่ใช่ไหมค่ะ?เมื่อก่อนพวกเรามาทานอาหารที่นี่กันบ่อยๆ”

เฟิงจิงเหยาไม่ได้เก็บมาใส่ใจแล้วตอบกลับว่า:“ก็เป็นแค่ที่ที่ไว้ทานอาหารไม่เห็นมีอะไรเลย มีอะไรให้ต้องคิดถึงล่ะ?”

จริงๆแล้วลู่ซือยวี่ต้องการที่จะแสดงถึงความสัมพันธ์อันสนิทสนมของตัวเองกับเฟิงจิงเหยา เพื่อให้กู้ฉางซินโมโห แล้วก็แสดงนิสัยที่แท้จริงของเธอออกมา

คิดไม่ถึงว่าเฟิงจิงเหยาจะใช้คำพูดฆ่าเธอให้ตาย

ใบหน้าของเธออดกลั้นไว้ไม่ได้ แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งแล้วพูดว่า:“ที่พี่พูดก็ถูก ต่างประเทศก็มีสถานที่ดีๆมากมาย แต่ว่าคราวนี้พี่จิงเหยาต้องลองทานอาหารของตึกเชียนซี หัวหน้าเชฟคนใหม่ของพวกเขามีวิธิการทำอาหารที่รสชาติดีกว่าเมื่อก่อน พี่จิงเหย่าน่าจะชอบนะคะ”

พูดไปพูดมา ทั้งสามคนก็เดินมาถึงห้องรับรอง

ที่นั่งที่นี่ มีฉากกั้นแยกเป็นสองส่วน โต๊ะใหญ่ นั่ง7-8คนก็เหลือเฟือ แต่พวกเขามีแค่สามคน

หลังจากที่นั่งก็มีพนังงานมารับออเดอร์

ลูซือยวี่ไม่แม้แต่จะถาม ก็สั่งอาหารไปแล้วสามสี่อย่าง

กู้ฉางชิงนั่งดูเมนูเงียบๆ เธอเหลือบไปเห็นราคาอาหาร แต่ละเมนูมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ในใจเธอรู้สึกปั่นป่วน

นี่สินะโลกของคนรวย!อาหารมื้อเดียวสามารถเป็นค่าใช้จ่ายของเธอได้หลายเดือนเลย

ในใจเธอแทบจะกระอัก แต่ก็ต้องทำเป็นนิ่งสงบ สุดท้ายก็ไม่ได้สั่ง ยื่นเมนูให้เฟิงจิงเหยา “คุณสั่งเถอะ”

เฟิงจิงเหยายังไม่ทันได้อ้าปาก ลู้ซือยวี่ก็พูดว่า:“อาหารที่พี่จิงเหยาชอบทาน เมื่อตะกี้ฉันสั่งให้แล้วนะคะ และก็มีเมนูใหม่อีกสองสามอย่าง คณหนูกู้ต้องลองทานเยอะๆหน่อยนะคะ คงยากกว่าจะได้มาอีก!”

ทำไมกู้ฉางชิงจะไม่เข้าใจความหมายที่เธอสื่อ

เธอกำลังบอกว่าตัวเธอเองนั้น รู้ใจเฟิงจริงเหยามากแค่ไหน!

กู้ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ แต่ก็ไม่กระโตกกระตาก แล้วตอบกลับว่า:“คุณหนูลู่ช่างมีน้ำใจจริงๆ จิงเหยาโชคดีมีวาสนามากที่มีน้องสาวแบบคุณ”

ลู่ซือยวี่ตอนแรกก็รู้สึกพอใจ แต่พอได้ใจคำว่า‘น้องสาว’ สีหน้าก็เปลี่ยน

สัิงเธอเกลียดที่สุดก็คือคนอื่นใช้สองคำนี้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับเฟิงจิงเหยา

‘น้องสาว’ อะไร?เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลย!

ให้ตายสิกู้ฉางซิน ที่แท้ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน!

ลู่ซือยวี่กัดฟันด้วยความโกรธ สัมผัสความเย็นชาได้จากสายตาของเธอ

วันนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จะต้องกระฉากหน้ากากจอมปลอมของเธอออกมาต่อหน้าเฟิงจิงเหยาให้ได้!

ไม่นานอาหารที่ทั้งสามคนสั่งก็มา

ลู่ซือยวี่กระตือรือร้นที่จะแนะนำเมนูพิเศษของห้องอาหารให้กับเฟิงจิงเหยา กู้ฉางชิงทานอาหารของตัวเองโดยไม่พูดอะไร

ระหว่างนั้น เธอลองชิมปลานึ่ง รสชาติใช้ได้เลย จึงคีบให้เฟิงจิงเหยาชึ่นหนึ่ง เป็นการทำตามหน้าที่ที่‘ภรรยา’ ควรทำ

“อันนี้รสชาติใช้ได้ ไม่มีกลิ่นคาวเลย คุณลองชิมดู”

เฟิงจิงเหยาอึ้งและผงะคิ้ว

ลู่ซือยวี่ก็เช่นกัน ใบหน้าเกิดความดีอกดีใจที่คนอื่นเกิดความโชคร้าย

ควรรู้นะว่าเฟิงจริงเหยาเป็นคนรักความสะอาดอย่างรุนแรง ปกติเสื้อผ้าที่เปื้อนสกปรก เขายังต้องทิ้งด้วยความรังเกียจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตะเกียบที่เปื้อนน้ำลายของคนอื่น

เธอคิดไว้ล่วงหน้าถึงฉากที่เฟิงจิงเหยาโยนชามนั่นทิ้ง

แน่นอนว่าเฟิงจิงเหยาจ้องมองเนื้อปลาชิ้นนั้น และขมวดคิ้วอยู่นาน ในที่สุดก็ขยับ……

เพียงแต่ไม่ได้เป็นไปตามที่ลู่ซือยวี่คิดไว้ว่าจะโยนชามนั่นทิ้ง แต่ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเธอ เขาค่อยๆหยิบชิ้นปลาขึ้นมาแล้วใส่เข้าปาก

ลู่ซือยวี่สีหน้าตะลึง มือก็คีบตะเกียบไม่อยู่จนตกลงมาบนโต๊ะ

กู้ฉางงชิงเหลือบมองเธอ ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมีท่าทีอย่างนั้น

เฟิงจิงเหยาทำเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น และยังคงกินต่อ

ลู่ซือยวี่แอบกำหมัดแน่น อดไม่ได้ที่จะด่าว่าในใจ

นังสารเลว!นังสารเลว!

ผ่านไปไม่นาน เธอก็ต้องระงับความโกรธอีกครั้ง สายตามองไปทางประตูของห้องอาหาร

ประจวบเหมาะ มีผู้ชายใส่ชุดสูท เดินเข้ามาจากด้านนอก

เขาหน้าตาหล่อมาก ดูสง่างามไม่ธรรมดา สายตาท่าทางดูเป็นคนไม่จริงจัง

ลู่ซือยวี่เห็นคนที่เดินมา แล้วก็ยิ้มมุมปาก สายตาเหลือบมองไปที่กู้ฉางชิง และแอบพูดว่า:“คราวนี้ ฉันจะดูสิว่าเธอจะแก้ตัวยังไงอีก!”

ในขณะที่กำลังคิด ชายคนนั้นก็เดินมาถึงข้างหน้าเธอ แล้วพูดด้วยความประหลาดใจกับกู้ฉางชิงว่า:“ฉางซิน บังเอิญจัง ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่”

กู้ฉางชิงตกตะลึงแล้วเงยหน้ามองคนคนนั้น

ในตอนแรกเธอก็สงสัย จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นใคร

เขาเป็นเพื่อนของกู้ฉางซินที่ชือชวี่จือยวี้ คุณชายใหญ่ตระกูลชวี่ ปกติก็เอ้อระเหยลอยชาย ไม่หยิบจับทำการใดๆ มักจะไปตามสถานที่บันเทิงใหญ่ๆ

ก่อนหน้านี้กู้ฉางซินวันวันไม่ค่อยอยู่บ้าน ก็จะออกไปเที่ยวกับคนพวกนี้ เป็นพวกเพื่อนกะเลวกะลาด

กู้ฉางชิงก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอเขาที่นี่ ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ทำได้เพียงตอบกลับว่า:“อือ บังเอิญจัง ”

ชวี่จือยวี้ไม่ได้สังเกตว่าเธอมีท่าทีแปลกๆ ยิ้มแล้วเอามือมาวางบนไหล่ของเธอและพูดว่า:“เป็นยังไงบ้าง?คืนนี้ออกไปเที่ยวสนุกกันไหม?ฉันเพิ่งได้เหล้าชุดใหม่มา เธอต้องชอบรสชาติของมันแน่ๆ อยากดื่มเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เมาไม่กลับดีไหม?”

กู้ฉางชิงปัดมือเขาออก แล้วพูดว่า:“คุณกรุณามีมารยาทด้วย!”

ชวี่จือยวี้ตกตะลึง มองเธอด้วยสีหน้างงๆ :“คุณเป็นอะไรไป?ปกติไม่เห็นคุณจะพูดแบบนี้ ทำไมวันนี้ถึงมีท่าทีรุนแรง?ไม่สบายรึเปล่า?”

พูดจบก็ยื่นมืออกไปอีกครั้ง เพื่อจะคลำที่หน้าผากกู้ฉางชิง

แต่สุดท้ายก็ยื่นออกไปได้เพียงครึ่งเดียว ก็มีคนเอามือมาคว้าไว้ โดยออกแรงบิดไปด้านหลังอย่างแรง

หลังจากนั้น ‘ก๊อก’ เสียงกระดูกดัง……

ชวี่จือยวี้เจ็บจนร้องออกมาด้วยความโกรธว่า:“ใคร?”

เหตุการณ์เมื่อตะกี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่ทันได้โต้ตอบ

กู้ฉางชิงเห็นอย่างชัดเจน

เป็นเฟิงจิงเหยาที่ลงมือ!

ในตอนนี้เขาสีหน้าเย็นชา ใช้มือเดียวกดชวี่จือยวี้ไว้ แววตาเยือกเย็น แล้วพูดว่า:“ครั้งต่อไปถ้ายังกล้าแตะต้องเธออีก คงไม่ใช่แค่นี้แน่ ผมจะจัดการมือคุณ!”

พูดจบเขาก็ปล่อยมือชวี่จือยวี้ และใช้แรงเขาผลักเขาออกไป

ชวี่จือยวี้ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ร่วงลงกับพื้น

และในตอนนี้เอง เขาก็เพิ่งจะรู้ว่าคนตรงหน้าเขาเป็นใคร

เฟิงจงเหยา!!!

โอรสสวรรค์ของตระกูลเฟิง ปกติเขาจะทำอะไรเงียบๆ สไตล์ที่เข้มงวด มีอำนาจในมือมาก เกือบ 80% ของเส้นทางเศรษฐกิจในเกียวโตอยู่ในกำมือของเขา

ชวี่จือยวี้เหงื่อแตกพลั่ง

เมื่อนึกถึงตัวเองต่อหน้าเฟิงจิงเหยา ที่วางมือบนไหล่กู้ฉางซินตะกี้ เขาก็ตัวสั่นอยุ่ในใจ

“เฟิง……ประธานเฟิง ต้องขอโทษด้วยครับ เมื่อตะกี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผม……ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมกับฉางซินแค่ล้อเล่นกันเฉยๆ……”

เขาพยายามอธิบาย แต่สิ่งที่เขาพูดมันยิ่งทำให้เข้าใจผิด

กู้ฉางชิงได้ยินแล้วก็กัดฟัน อยากที่จะปิดปากเขาซะ

เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วและจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละ แล้วพูดว่า:“ภายในหนึ่งนาที รีบออกไปให้พ้นสายตาฉันซะ!”

ชวี่จือยวี้ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก แล้วรีบลุกขึ้นจากพื้น วิ่งหนีไปอย่างเร่งรีบ

หลังจากที่เขาไป บรรยากาศในเหตุการณ์ก็กลายเป็นน้ำแข็ง

กู้ฉางชิงไม่กล้าปริปาก กลัวว่าอารมณ์ของเฟิงจิงเหยาจะระเบิดออกมา

ลู่ซือยวี่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกสะใจ

ในที่สุดก็ทำให้พี่จิงเหยาเห็นธาตุแท้ของนังสารเลวนี่ได้ ไม่เสียแรงที่เธอลงทุนเรียกให้ชวี่จือยวี้มาที่นี่!

จากวันนี้ไปเธอเชื่อว่าพี่จิงเหยาจะไม่ถูกกู้ฉางซินหลอกอีก!

ดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามที่เธอคิดไว้ เฟิงจิงเหยาหันมามองกู้ฉางชิง

สายตาของเขาเยือกเย็น แล้วพูดตักเตือนว่า “กู้ฉางซิน ฉันไม่สนว่าก่อนหน้านี้อยู่ข้างนอกเธอจะมั่วยังไง แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว เธอก็ช่วยประพฤติตัวให้เหมาะสมหน่อย คนแบบไหนควรคบหา คนแบบไหนไม่ควรคบหา เธอรู้แก่ใจตัวเองดี ไม่ควรออกไปข้างนอกกับผู้ชายคนอื่น ทำให้ตระกูลเฟิงต้องแปดเปื้อน!เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ฉันหวังว่ามันจะไม่เกิดขึึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง!”

หลังจากพูดจบ เขาก็สะบันแขนเสื้อเดินหนีไป

ลู่ซือยวี่เห็นแบบนี้แล้ว ก็รีบหิ้วกระเป๋าพร้อมกับพูดว่า:“พี่จิงเหยา พี่รอฉันด้วย”

จากนั้นก็รีบเดินตามเขาผ่านกู้ฉางชิงไป เธอแสดงออกว่าเธอชนะด้วยการยิ้มมุมปาก

กู้ฉางชิงมองทั้งสองคนเดินตามกันไป แล้วถอนหายใจ

เธอก็ไม่คิดว่าชวี่จือยวี้จะโผล่มา แล้วทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท