เสียงกู้ฉางซินดูเหมือนจะเยาะเย้ย “พูดแบบนี้ไม่ดีเลย พี่สาวคนดีของหนูเป็นคนยากจนมาตลอด คงไม่ชินกับการใช้ชีวิตแบบสะใภ้คนรวย ถ้าทำใจไม่ได้แล้วจากไปจะทำยังไง?”
“ฮ่า ไม่ใช่ของของมัน มันจะกล้าเอาได้ยังไง?และอีกอย่างพ่อก็ไม่ยอมให้มันแย่งของของลูกไปหรอก ของของลูกยังไงก็เป็นของลูก ลูกอยู่ต่างประเทศให้สบายใจเถอะ ปีหน้าลูกก็ได้กลับมาแล้ว ทุกอย่างจะยังเป็นเหมือนตอนก่อนที่ลูกจะไป”
กู้หงเซินพูดปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล แต่น้ำเสียงที่พูดกับกู้ฉางชิงช่างแต่งงต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อกู้ฉางซินได้ยินก็พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “นั้นก็ดี แต่ว่าพ่อคะ พ่อต้องช่วยหนูจับตาดูอย่าให้พี่เธอท้องนะคะ ที่เฟิงจิงเหยารีบกลับไปก็เพราะนายท่านเร่งรัดให้รีบมีลูก หนูไม่ต้องการให้หนูกลับไปแล้วมีลูกติดออกมา”
“ลูกสบายใจได้ พ่อรับรองว่าจะไม่เป็นแบบนั้นเด็ดขาด!”
กู้หงเซินยังคงพูดปลอบโยนเธอ แล้วก็เห็นกู้ฉางชิงเดินเข้ามาจากด้านนอก จึงรีบพูดว่า:“เอาล่ะ พ่อวางแล้วนะ!ลูกอยู่ต่างประเทศก็ดูแลตัวเองให้ดีดีล่ะ”
พูดจบก็วางสาย กู้ฉางชิงกำลังเดินเข้ามา เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“นั่งสิ!”
เมื่อกู้ฉางชิงเห็นท่าทีที่เปลียนไปของกู้หงเซิน ก็รู้สึกเยาะหยันอยู่ในใจ
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพี่น้องท้องเดียวกัน ถึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันมาก
แต่เธอก็ยังแสร้งทำเป็นใจกว้าง ลากเก้าอี้ออกมานั่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า เรียกหนูมามีเรื่องอะไร?”
แบบนี้ค่อยดูเหมือนกู้ฉางซินหน่อย มีเพียงแค่แววตาที่ไม่เหมือนกัน
กู้ฉางเซินกระพริบตาลง ใบหน้ายังคงไม่เปลี่ยน มือข้างหนึ่งกดยาเม็ดสีขาวไว้แล้วดันไปให้เธอ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีใบหน้าเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
กู้ฉางชิงยิ้มด้วยความขมขื่น แล้วถามว่า “นี่คือะไร?”
“เฟิงจิงเหยากลับมาแล้ว ผู้ชาย หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความความต้องการเรื่องแบบนั้น อย่าลืมกินยาให้ตรงเวลา ถ้าแกปล่อยให้ท้อง แกกับแม่ของแกใครก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดี!”
น้ำเสียงของกู้หงเซินเย็นชา ราวกับว่าคนที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่ลูกสาวของเขา และไม่มีเลือดมีเนื้อ
กู้ฉางชิงยิ้มถากถาง “คิดไม่ถึงว่าคุณจะคิดถึงเรื่องนี้”
“อันนี้นำเข้ามาจากต่างประเทศ สามารถควบคุมใก้แกได้ครึ่งปี”
กู้หงเซินไม่สนใจคำพูดถากถางของกู้ฉางซิน และพูดต่อว่า “ลุฏเขยคนดีของฉันกลับมาแล้ว ถึงเวลาแล้วที่พ่อตาอย่างฉัน ต้องไปเจอเขาหน่อยแล้ว อีกเดี๋ยวฉันกับแกก็บ้านตระกูลเฟิงด้วยกัน แกก็คงจะรู้นะว่าต้องทำยังไง?”
กู้ฉางชิงเลิกคิ้วขึ้น กู้หงเซินยังจะลำเอียงอยู่อีก
เพื่อกู้ฉางซินแล้วไม่นับว่าเป็นการพาเธอเข้าไป ตอนนี้ยังจะต้องใช้เส้นสายพ่อตาอีก
นี่คือไม่ไว้ใจเธอหรอ?
……
ที่ห้องทำงานประธานเฟิงซื่อกรุ๊ป
เฟิงจิงเหยานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน จมอยู่กับการจัดการกองเอกสารบนโต๊ะทำงาน
ซูยี่เดินเข้ามาดูจากด้านนอก และอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาด้วยความเป็นห่วง “ท่านประธาน ร่างกายของคุณเพิ่งจะดีขึ้น ทำไมไม่หยุดพักผ่อนก่อนครับ?เอกสารพวกนี้ไม่ใช่เอกสารเร่งด่วน ไว้คุณค่อยอนุมัติในภายหลังก็ได้”
“ร่างกายฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่จำเป็นต้องพักผ่อน”
เฟิงจิงเหยาตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น
ซู่ยี่ก็จนปัญญา
ยุ่งทั้งวัน สมแล้วกับที่เป็นคนบ้างาน
ดีที่คุณนายบอกให้เขาพักผ่อนดีดี!
เฟิงจิงเหยาจริงๆก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว
ถึงแม้ว่าอาการของเขาจะกำเริบเป็นครั้งคราว แต่ครั้งนี้คงไม่มีอาการข้างเคียง
และนี่ เป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับกู้ฉางซิน!
ยังคงจำตอนที่เขาตกอยู่ในภวังค์ได้ เขาคว้า ‘สิ่งเดียว’ ที่เขายึดมั่นได้โดยไม่รู้ตัว คือการได้แอบอิงบนตัวกู้ฉางซิน เขารู้สึกได้ถึงความมั่นคงที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เฟิงจิงเหยาอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่ามันเป็นปาฏิหาริย์
มันเป็นเรื่องบังเอิญ?
ตัวกู้ฉางซิน จะมีความสามารถแบบนี้ได้ยังไง?
แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆล่ะ……
เฟิงจิงเหยาวางแผนว่าคืนนี้จะกลับไปลองทดสอบอีกครั้ง!
……
ตอนแปดโมงเย็น กู้ฉางชิงอยู่บ้านเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ ประตูห้องก็ถูกเคาะจากด้านนอก
เธอเปิดประตูอย่างสงสัยและเห็นเฟิงจิงเหยายืนตระหง่านอยู่นอกประตู
ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก โดยมีเสื้อสูทพับแขน เน็กไทหลวมๆ คอเสื้อปลดกระดุมออกสองเม็ด เผยให้เห็นลูกกระเดือกและกระดูกไหปลาร้า เสื้อเขิ้ตขาวสะอาด กางเกงสแล็คสีดำ สูงยาวเข่าดี เห็นแล้วยากที่จะหักห้ามใจ
กุ้ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะตะลึงและแปลกใจ “คุณกลับมาแล้ว?”
เฟิงจิงเหยา‘อืม’ แล้วมองไปที่ตัวเธอ
กู้ฉางชิงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมยังเปียกชื้นอยู่ เธอใส่ชุดแบบคนหัวโบราณ แค่คอเสื้อก็ยังเผยให้เห็นผิวขาว ตัวเธอมีกลิ่นหอมฟุ้งหลังอาบน้ำ โชยมาปะทะหน้าจนเข้าสู่จมูกของเฟิงจิงเหยา
เขาอดไม่ได้ที่จะสลัดความคิดของเขาไปชั่วขณะ ในสมองคิดไปถึงฉากคืนที่เขาเพิ่งกลับมาที่ประเทศจีน……
ความหลงไหลชั่วข้ามคืน กลิ่นหอมยังตราตรึง ทำให้เขาไม่อาจหักใจจากไป
เฟิงจิงเหยาหลับตาลงโดยไม่ได้ตั้งใจ เอามือมาขวางประตูห้องไว้ จากนั้นก็จับเอวของกู้ฉางชิง แล้วผลักเธอติดกำแพง
กู้ฉางชิงไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ต้องตกตะลึง เพราะถูกผลกติดกำแพง
เธออยู่ใกล้มากๆกับแผ่นหน้าอกของเขา สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ และยังดวงตาที่ดำขลับเหมือนหยกนิลคู่นั้นอีก
“คุณ……จะทำอะไร?”
กู้ฉางชิงมองเขาด้วยความประหม่า ลมหายใจหยุดนิ่ง
เฟิงจิงเหยาไม่ได้พูดอะไร ในความเงียบเธอรู้สึกถึงสัมผัสที่นุ่มนวลจากมือของเขา ราวกับว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกสงบอยู่เลย
เป็นไปได้ไหมว่าต้องปิดไฟถึงจะรู้สึกได้?
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกับลังเล
กู้ฉางชิงเห็นเขาเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง หัวใจก็แทบจะหลุดออกมา
เรื่องคืนนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และยังชัดเจนอยู่ในหัวเธอ มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?
เป็นไปได้ไหม…
ในขณะที่เธอกำลังคิดนั้น ไฟในห้องก็ดับลงทันที
ความมืดในห้องทำให้กู้ฉางชิงตกใจ สิ่งแรกที่แว็บเข้ามาในหัวคือเห็ตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อคืนวานนี้
“นี่……”
เธออ้าปากจะพูด แต่จู่ๆก็ถูกโอบกอดไว้
เฟิงจิงเหยาเริ่มหายใจถี่ขึ้น กู้ฉางชิงกลัวจนหัวใจแทบหยุดเต้น “เฟิงจิงเหยา คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เฟิงจิงเหยาไม่พูดอะไร แต่เขายังมีสติอยู่
ความมืดตรงหน้าทำให้เขาดูเหมือนตกอยู่ในวังวนแห่งความมืด
น้ำวนราวกับสัตว์ประหลาดอ้าปากกว้างจะกลืนกินเขา
แต่มีเสียงเรียกของผู้หญิงคนหนึ่งดังอยู่ของหูเขา อุณหภูมิร่างกายของเธอส่งผ่านมาอย่างอบอุ่น
‘ปึง’——
ไฟในห้องก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
กู้ฉางชิงผลักเฟิงจิงเหยาออกไปอย่างประหม่า เพราะกลัวว่าจะมีบางอย่างผิดปกติกับเขา “เฟิงจิงเหยา คุณเ็นยังไงบ้าง?อย่าทำให้ฉันตกใจสิ?”
เฟิงจิงเหยาเหงื่อออกเต็มหน้าผาก สีหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วพููดอย่างแผ่วเบาว่า:“ไม่เป็นอะไร”
กู้ฉางชิงถอนหายใจ แล้วพูดว่า:“คุณทำอะไร จู๋ๆก็ปิดไฟ?ถ้าเกิดเรื่องขึ้นอีกจะทำยังไง?”
เฟิงจิงเหยาพูดว่า:“ผมบังเอิญไปถูกมัน ผมไม่เป็นอะไร”
กู้ฉางชิงไม่เชื่อ “ไม่เป็นอะไรจริงๆนะ?”
เธอสังเกตอาการเขาอย่างละเอียด จนเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร จึงถอนหายใจออก
เฟิงจิงเหยาไม่พูดอะไร แต่ในหัวเต็มไปด้วยความคิด
ในที่สุดเขาก็แน่ใจแล้วว่า ผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลต่อเขาจริงๆ