“เธอยังโอเคนะ?”
พอเห็นสองคนนั้นจากไป เฟิงจิงเหยาพึ่งคิดจะไปเป็นห่วงและมองไปที่กู้ฉางชิง
วันนี้โชคดีนะที่วันนี้เขามาเจอพอดี ไม่งั้นเธอคงจะถูกรังแกจนแย่แน่
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้”
กู้ฉางชิงถาม “แล้วคุณหละ? ทำไมกลับมากะทันหันแบบนี้?”
“มาเอาเอกสาร!” เฟิงจิงเหยาเขย่ากุญแจรถที่อยู่ในมือ
“งั้นคุณก็ไปทำธุระเลย !” กู้ฉางชิงพยักหน้า หายใจเข้าลึกๆ และก้มลงไปเก็บเศษแจกันที่เรี่ยราดเต็มพื้น
เฟิงจิงเหยาไม่อยากให้เธอเก็บ เขาขมวดคิ้วขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงถอนหายใจของกู้ฉางชิง
พอมองอีกครั้ง มือของเธอถูกเศษแจกันบาด เลือดที่หยดลงไปในแจกันสีเขียวอมน้ำเงินมันบาดตามาก
เธออึ้งไปครู่หนึ่ง
เฟิงจิงเหยาถอยหลังกลับมา ดึงเธอออก และพูดกับคนใช้ที่ยังอึ้งกับเหตุการณ์อยู่ข้างๆ “ยังไม่ไปเอากล่องพยาบาลมาอีก”
“ค่ะ!” คนใช้รีบไปเอากล่องพยาบาลมาเลยในทันที
กู้ฉางชิงมองหน้าเฟิงจิงเหยา หัวเราะเล็กๆ “แค่แผลเล็กๆ ใช้แค่พาสเตอร์แปะไปเดี๋ยวก็หาย จะเอากล่องพยาบาลมาทำไม?”
“มันต้องฆ่าเชื้อ ถึงจะทายาได้ แผลถึงจะไม่ติดเชื้อเข้าใจมั้ย?”
เฟิงจิงเหยาพูดแบบจริงจัง เขาพูดไปพลางเอาของที่อยู่ในกล่องยาออกมา
กู้ฉางชิงเงียบ เธอไม่ใช่กู้ฉางชินซักหน่อย ไม่ต้องคุณหนูคุณนายขนาดนั้น
แต่เห็นเฟิงจิงเหยาจะทำให้แบบนี้ เธอก็เลยได้แค่ปล่อยๆไป
เฟิงจิงเหยาใช้สำลีที่มีแอลกอฮอล์แตะเบาๆอย่างระมัดระวังลงไปที่แผล
“จึก…”กู้ฉางชิงร้องเจ็บเล็กน้อย
“เจ็บมากเลยหรอ?อดทนอีกนิด เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”
เฟิงจิงเหยาหน้าตาจริงจังมาก
เขาเอาความสนใจทั้งหมดมาที่นิ้วที่ถูกบาดของเธอและค่อยๆใส่ยาลงไป
อย่างตั้งใจมาก
เพราะใกล้มากขนาดนี้ กู้ฉางชิงถึงขนาดรู้สึกถึงลมหายใจของเขาอยู่ที่นิ้ว
ในใจรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย ตั้งแต่เด็กจนโต ยังไม่มีใครตั้งใจทำอะไรให้เธอขนาดนี้เลย
เธอมองเฟิงจิงเหยาค้างโดยไม่รู้ตัว
เขาหน้าตาหล่อจริงๆ กรามที่ชัด และผิวที่นุ่มขาว หล่อเหมือนเทพบุตรที่กำลังจับนิ้วเธอและมองแผลอย่างไม่กระพริบตาเลย ริมฝีปากที่บางแต่ดูเซ็กซี่ และก็เป่าลงที่นิ้วของเธอเบาๆ
กู้ฉางชิงเหม่อลอย ทำไมคนคนนี้ มันน่ามองขนาดนี้กันนะ?
เฟิงจิงเหยาที่กำลังทำแผลอย่างตั้งใจ แต่ในใจเขาก็กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
เขาไม่ใช่ว่าไม่เคยไปตรวจสอบเรื่องของกู้ฉางชิน แต่คนนี้ที่อยู่ตรงหน้า กับสิ่งที่พวกเอกสารบอก มันเป็นคนละคนกันชัดๆ
หรือว่าเธอจะอยากดึงดูดความสนใจจากตัวเขา? พยายามเล่นละครตบตา?
เพราะตั้งแต่ที่เขากลับจีน ก็ไม่เคยเห็นเธอนอกลู่นอกทางเลย
เฟิงจิงเหยาพูดไปพลางคิดไป แต่เขากลับหยุดไปแปปหนึ่ง เขาเห็นเหมือนมีอะไรอยู่
กู้ฉางชินเธอไม่ต้องทำอะไรอยู่แล้ว มีไหมบางๆอยู่ได้ยังไง
เฟิงจิงเหยาไม่เข้าใจ และแอบสงสัยในใจ
“มีอะไรรึเปล่า?” กู้ฉางชิงเห็นเขาดูใจลอย และเขาพึ่งจะรู้สึกตัว
ยังดีที่เฟิงจิงเหยาไม่เจอไหม ไม่งั้นคงแย่แน่
“อ่อ ไม่มีอะไร เสร็จแล้ว” เฟิงจิงเหยาลุกขึ้น “ช่วงนี้ อย่าไปโดนน้ำนะ”
“ที่บริษัทยังมีงานค้างที่ไม่เสร็จ ผมไปก่อนนะ”
กู้ฉางชิงพยักหน้า เห็นเธอเชื่อฟังดี เขาเลยรีบขึ้นไปเอาเอกสารและรีบกลับบริษัท
ทางนอกหน้าต่างรถดูเร็วมาก เฟิงจิงเหยาเอาเอกสารและเหม่อลอย และพนักงานขับรถที่นั่งข้างหน้ายิ่งไม่กล้าออกเสียงเข้าไปใหญ่ กลัวจะไปตัดความคิดเพลินของเจ้านาย
พอรถของเฟิงจิงเหยาถึงหน้าบริษัท มีคนมาต้อนรับเลยโดยเฉพาะ
รีบเดินขึ้นมาต้อนรับ “ประธาน!”
เฟิงจิงเหยาพูดอืมตอบกลับ และพูดเรื่องแผนการไป พลางเดินไปจนถึงห้องทำงานของเขา ทั้งสองคนถึงได้หยุดลง
ซู่ยี่ทำตามรสชาติที่เฟิงจิงเหยาต้องการ ชงกาแฟแก้วหนึ่งไว้บนโต๊ะทำงาน
เฟิงจิงเหยาพลิกดูเอกสาร “ซู่ยี่ ครั้งที่แล้วเอกสารที่เกี่ยวกับกู้ฉางชิน มันเป็นความจริงหรอ?”
ซู่ยี่อึ้งนิดหน่อย แต่ก็ตอบไป “แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ก่อนที่นายท่านจะกลับมา คุณหญิงมีเพื่อนชั่วๆ แต่ก็น่าจะเป็นแค่พวกเพื่อนที่ดริ้งด้วยกัน แต่นอกจากนั้น…. ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
เห็นเฟิงจิงเหยาไม่พูดไม่จา เขาก็อดไม่ได้ถามไป “ประธาน? มีอะไรไม่ถูกต้องรึเปล่าครับ?”
“อ่อ ไม่มีอะไร บอกฝ่ายวางแผนคืนนี้ก่อนเลิกงาน เอาแผนการทั้งหมด มาวางไว้ที่โต๊ะทำงานฉัน”
“ครับ “ซู่ยี่ปิดประตูห้องทำงานอย่างเบาๆ
เฟิงจิงเหยาลุกขึ้นจากที่เดิม ที่หลังโต๊ะเขามีพื้นที่กว้าง เขาเอามือไว้ในเสื้อ สูดหายใจเข้า
หรือเขาคิดมากไป?
กู้ฉางชินใช่ไม่ใช่คนแรก เขาแยกออก เขารู้สึกได้
แต่ว่ายังไงความจริงก็คือความจริง
จากที่ดูแล้วเขาควรจะศึกษาคู่หมั้นของเขาดีๆแล้ว!
ตอนดึก เฟิงจิงเหยาเสร็จภารกิจทั้งหมด
รอเขากลับถึงบ้าน กู้ฉางชิงก็นอนหลับสนิทไปแล้ว
เฟิงจิงเหยาจ้องหน้าหวานๆของเธออยู่พักหนึ่งถึงจะเปลี่ยนเสื้อแล้วลงไปข้างล่าง
ข้างล่างมีคนใช้มากมายที่ยืนต้อนรับอยู่
เฟิงจิงเหยาพยักหน้า
เขาเข้าไปในห้องสมุดของเขา และผู้ดูแลบ้านพูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ “เดี๋ยวพวกแกเข้าไปทีละคน คุณชายถามอะไร ให้บอกตามความเป็นจริงทั้งหมด!”
“ค่ะ ครับ !” พวกคนใช้ขานตอบ
พวกเขาก็ได้ข่าวคุณชายมาก่อน ว่าวันนี้คุณชายจะถามเกี่ยวกับคุณหญิง ทุกคนไม่ต้องปิดบัง พูดออกมาเลย
……….
“คุณหญิงกลับดึกบ่อยๆ บางครั้งก็เมากลับมาด้วย”
“คุณหญิงชอบดื่ม บางทีอารมณ์ไม่ดี ก็จะหาคนมาด่า มาระบายอารมณ์ แผลบนหัวเนี่ย คุณหญิงเป็นคนทำ ” คนใช้คนหนึ่งชี้ไปที่แผลบนหัว
“คุณหญิงชอบพูดเสียดสีนายหญิงท่านประจำ นายหญิงท่านโกรธมากเลย”
“คุณหญิงยังชอบรังแกพวกเราด้วย ทุกครั้งที่ไปข้างนอกมาแล้วอารมณ์เสียก็จะมาลงกับพวกเราค่ะ”
“บางครั้งคุณหญิงก็ไม่กลับมานอนที่บ้านด้วยค่ะ…….”
คนพูดมามากมายแบบนี้ สีหน้าของเฟิงจิงเหยาแย่ และขมวดคิ้ว
ที่บ้านมีคนใช้เยอะขนาดนี้ กลับมีแต่คนว่าเธอทั้งหมด
คนดูแลบ้านเห็นสีหน้าเริ่มไม่ดี ก็เลยพูดขึ้น “คุณชาย?”
เฟิงจิงเหยาผสานมือ นี่เป็นความเคยชินเวลาเขาครุ่นคิด
“โอเค เรื่องของวันนี้ห้ามใครพูดออกไปแม้แต่คำเดียวเด็ดขาด”
“ครับ!” คนดูแลบ้านรีบขานรับ