วันต่อมา
ท้องฟ้าสีคราม อากาศกำลังดี
เงาเล็กๆที่ใส่ชุดออกกำลังกายกำลังวิ่งเข้าไปในบ้านพักใหญ่ ตรงเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ
แต่ทว่าชั่วขณะหนึ่งผู้หญิงที่พันผ้าเช็ดตัวก็เดินออกมาพอดี
เขาเดินไปด้วย เช็ดผมไปด้วย
“คุณลู่”
คนรับใช้คนหนึ่งรับผ้าขนหนูมาจากมือลู่ซือยวี่
“อาหารเช้าเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณนายกำลังรอคุณอยู่”
“โอเค ฉันรู้แล้ว”ลู่ซือยวี่ยกมือขึ้น คนรับใช้คนนั้นก็ลงไปเลย
ลู่ซือยวี่เหยียบพื้นไม้เดินเข้าห้องอาหาร แสงอาทิตย์จากด้านนอกส่องเข้ามา หักเหไปทางแจกันแก้วใสที่ปักดอกไม้อยู่
“วันนี้ทำไมออกกำลังกายนานจัง?”
คุณนายเฟิงวางนิตยสารแฟชั่นในมือลง คนรับใช้ข้างๆนำอุปกรณ์รับประทานอาหารสำหรับสองคนมาจัดวางไว้บนโต๊ะ
“อากาศดีก็เลยวิ่งเพิ่มไปสองรอบค่ะ”ลู่ซือยวี่พูด“วันนี้สลัดรสชาติดี แถมยังเพิ่มสะระแหน่สดกับน้ำมะนาวอีกด้วยนะคะ”
คุณนายเฟิงเมื่อตอนยังสาวเคยไปเรียนที่ต่างประเทศ อาหารเช้าก็เลยค่อนข้างไปทางตะวันตก
ได้ฟังลู่ซือยวี่ชม ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มขึ้นมา“มีแต่หนูนี่แหละที่เข้าใจฉัน จิงเหยากับพ่อเขานี่ไม่ชอบอาหารทางตะวันตกเลย”
“นั่นไม่ใช่ยิ่งดี ไม่มีใครแย่งพวกเราเหรอคะ?”
ลู่ซือยวี่หยอกล้อไปด้วยพูดไปด้วย“คุณน้าหมิง ช่วงนี้ได้ยินมาว่า……กู้ฉางซินอยากจะเข้าร่วมงานของเฟิงซื่อกรุ๊ป พี่จิงเหยาเหมือนว่าจะเห็นด้วยไปแล้วนะคะ”
เขาพูดจบ มีดและส้อมในมือของคุณนายเฟิง ก็วางลงทับกัน เกิดเสียงจากการกระทบกันอยู่พักหนึ่ง
ในมุมของคุณนายเฟิง ลู่ซือยวี่พูดแบบนี้ คงจะรู้สถานการณ์ดีอย่างแน่นอน
“เลอะเทอะ! กู้ฉางซินนี่ก็จริงๆเลย”
หน้าอกของคุณนายเฟิงขึ้นๆลงๆ สีหน้าก็ผิดไปจากปกติ
กู้ฉางซินนั่นเป็นคนแบบไหน เป็นผู้หญิงที่รู้จักแต่ใช้ชีวิตอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ สนุกไปวันๆ
เธอให้เขาออกไปเล่นสนุกข้างนอกยังพอได้ แต่เรื่องงานนี่ไม่ไหวจริงๆ
นี่ถ้าเข้าบริษัทแล้ว คงไม่ได้สร้างแต่ความวุ่นวายให้ลูกชายเขาหรอกเหรอ?
อารมณ์โกรธนั้นปรากฏอยู่บนใบหน้าของคุณนายเฟิง ลู่ซือยวี่แกล้งถามอย่างเป็นห่วง“คุณน้าเหมย หนูพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?”
“ไม่ได้การละ ฉันต้องไปขัดขวางพวกเขา ไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำลายเขา”
คุณนายเฟิงยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาพูดไปด้วยหยิบเสื้อผ้าไปด้วย เปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ออกไปข้างนอกเลย
“คุณน้าเหมย รอหนูด้วยค่ะ”
คุณนายเฟิงวิ่งออกไปด้วยความโมโห ลู่ซือยวี่ก็นั่งไม่ลง รีบเดินตามไป
ทางด้านที่พักใหม่ กู้ฉางชิงกับเฟิงจิงเหยากำลังทานอาหารเช้ากันอยู่
ทั้งสองคนพูดคุยกันยิ้มแย้มแจ่มใส บรรยากาศเข้ากันได้อย่างลงตัว
คุณนายเฟิงเดินเข้ามาด้วยอารมณ์โมโห ทำให้ทั้งสองคนตกใจอย่างมาก
“คุณแม่ มาได้ยังไงครับ?”
เฟิงจิงเหยารีบลุกขึ้น กู้ฉางชิงรีบก็ลากเก้าอี้ให้คุณนายเฟิง
คุณนายเฟิงกลับไม่สนใจกู้ฉางชิง แล้วเดินตรงไปยังลูกชาย“จิงเหยา ลูกตั้งใจจะให้ผู้หญิงคนนี้ไปทำงานที่บริษัทลูกจริงๆเหรอ?”
เขาพูดไปด้วยมองกู้ฉางชิงอย่างเอาเรื่องไปด้วย เด็กดีอย่างเฟิงจิงเหยาทำไมถึงให้เขาไปทำงานที่บริษัท ก็คงจะไม่รู้อย่างแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้ใช้มารยาแบบไหน
กู้ฉางชิงที่ไม่รู้อะไรเลย พอได้ฟัง มิน่าล่ะจู่ๆคุณนายเฟิงก็โผล่เข้ามา
ได้ยินประโยคนี้ เฟิงจิงเหยามองเขาอย่างประหลาดใจ“คุณแม่ คุณแม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ?”
“ลูกไม่ต้องรู้หรอกว่าแม่รู้ได้ยังไง”
คุณนายเฟิงพูดอย่างโมโห“จิงเหยา แม่จะบอกลูกให้ เรื่องนี้ยังไงก็ไม่ได้ กู้ฉางชิงมีความสามารถอะไร? เขามีสิทธิ์อะไรเข้าไปทำงาน ชื่อเสียงของบริษัทไม่ต้องการแล้วใช่ไหม? ถ้าเขาเข้าไปเกรงว่าจะหาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้ลูก”
คุณนายเฟิงพ่นออกมาชุดใหญ่ ท่าทางนั่น ทำให้คนรับใช้ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ยืนอยู่ตรงด้านข้าง
ทุกคนล้วนมองกู้ฉางชิงอย่างกล้าๆกลัวๆ โดนแม่สามีของตนเองพูดต่อหน้าว่าไม่มีความสามารถ คงขายหน้าสุดๆเลย
“จิงเหยา แม่ทำไปเพราะหวังดี ลูกฟังสักหนึ่งประโยค เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ”
เห็นสีหน้าของเฟิงจิงเหยาไม่ค่อยดี คุณนายเฟิงคลายความโกรธ พูดเสียงอย่างนุ่มนวล
ความจริงแล้วเรื่องนี้โทษลูกชายไม่ได้ พูดแล้วก็มองขวางกู้ฉางชิง
“เรื่องนี้เป็นแค่การปรึกษาหารือเท่านั้น”
เฟิงจิงเหยาวางอุปกรณ์รับประทานอาหารลง พูดอย่างเย็นชา
คนที่เสนอให้กู้ฉางชิงไปทำงานที่บริษัทก็คือเขา จนถึงตอนนี้กู้ฉางชิงก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ
ยิ่งกว่านั้นเขามีพรสวรรค์ด้านการออกแบบจริงๆ
“นี่มันมีอะไรน่าปรึกษา? คนที่เฟิงซื่อกรุ๊ปต้องการล้วนเป็นคนที่มีความสามารถทั้งหมด สรุปก็คือ ฉันไม่อนุญาตให้คนไม่มีความสามารถอะไรเลยมาปะปนอยู่ในบริษัท”
คุณนายเฟิงพูดอย่างเสียงดัง ความหมายชี้ชัด
คุณนายเฟิงพูดจบ คนรับใช้พวกนั้นก็แอบเพ่งเล็งกู้ฉางชิงติดๆกัน
เมื่อก่อนคุณนายรองเป็นคนแบบไหน ทุกคนรู้ดี ช่วงเวลาในภาพความทรงจำยากนักที่จะแก้ไข
รับรู้ได้ถึงสายตาที่มอง ใบหน้าของกู้ฉางชิงเริ่มแดงระเรื่อ
“คุณแม่ ความจริงคุณแม่เข้าใจผิดแล้ว ความสามารถในการออกแบบของกู้ฉางชิงไม่เลวเลยจริงๆ”
เฟิงจิงเหยาลุกขึ้นยืน ด้านหลังมีคนรีบนำกองภาพออกแบบที่วางไว้บนโต๊ะมาให้
เขาตั้งใจมากกับงานที่บริษัท ในเมื่อคุณนายเฟิงมีความเห็นต่าง เขาก็เลยต้องนำหลักฐานออกมา
เฟิงจิงเหยาเปิดภาพออกแบบออกมาส่งให้คุณนายเฟิง“คุณแม่ดูสิครับ ทั้งหมดนี่เป็นงานที่กู้ฉางชิงทำนอกเวลา เขามีพรสวรรค์นี้ เป็นธรรมดาที่จะต้องตั้งใจพัฒนามัน”
คุณนายเฟิงยกมือขวางภาพออกแบบภาพนั้น เท่ากับว่าขวางแขนของเฟิงจิงเหยาที่ยื่นออกมาพอดี แล้วพูดอย่างหยิ่งยโส“นี่นับว่าพรสวรรค์ด้านไหนกันที่ไม่เลว”
“ซือหยีหนูมาดูหน่อย ไม่เลวจริงเหรอ?”
เขาพูดแล้วยื่นมือดึงซือหยีที่อยู่ข้างๆมา ออกแบบภาพอะไรพวกนี้ เขาคงเข้าไม่ถึงจริงๆ
แต่ลู่ซือหยีนั้นจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ที่เรียนนั้นก็เป็นสาขาออกแบบเฉพาะทาง แล้วยังเคยได้รางวัลอีกด้วย
คุณนายเฟิงมีความมั่นใจกับเขาพอสมควร แล้วความหมายนั้นยังรวมไปถึงให้เกียรติเขาอีกด้วย
สายตามองภาพออกแบบนั้นถึงมือของลู่ซือหยีแล้ว กู้ฉางชิงบิดคิ้วนิดหน่อย คุณนายเฟิงกับลู่ซือหยีเป็นคนที่ระบายความแค้นฮึดฮัดผ่านรูจมูกตลอดมา ศัตรูที่แค้นก็คนเดียวกัน
วันนี้ที่เป็นแบบนี้ ก็ไม่แน่ว่ามีลู่ซือหยีช่วยหนุนหลัง
ในใจกู้ฉางชิงยิ้มเยาะ ถ้าเขาต้องหวังให้ลู่ซือหยีพูดจาดีๆ แม่หมูคงบินได้กันหมด
พอคิดแบบนี้เขาก็ไมเกรนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เลยขยับท่าทางอะไรสักอย่างออกมา
สามารถเข้าเฟิงซื่อกรุ๊ปได้ ถึงแม้ว่าดึงดูดคนได้มาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ไปไม่ได้
อากาศภายในห้องเหมือนจะรวมตัวกันอย่างกะทันหัน ทุกคนล้วนมองไปที่ลู่ซือหยี ราวกับว่าอยากจะรู้ว่าที่กู้ฉางชิงวาดนั้นดีหรือไม่
ลู่ซือหยีกลับไม่รีบไม่ร้อน พลิกดูทีละหน้า ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงจะเอ่ย“ไม่เลวจริงๆ!”
อะไรนะ? กู้ฉางชิงประหลาดใจ สงสัยตัวเองว่าฟังผิดไปหรือไม่
ผู้หญิงคนนี้ชมตนเองเป็นเมื่อไหร่ สงสัยว่าดวงอาทิตย์คงออกทางทิศตะวันตกแล้ว
“ซือหยี!”
คุณนายเฟิงขมวดคิ้วเรียก ใช้แขนชนแล้วชนอีกกับลู่ซือหยี ไม่เข้าใจทำไมเด็กคนนี้ถึงไปช่วยพูดให้คนนอกอย่างกู้ฉางซิน
สีหน้าของเฟิงจิงเหยาที่มองไปทางลู่ซือหยีก็ผ่อนคลายลง
“แต่ว่านะ”ลู่ซือหยีพูดขึ้นมา น้ำเสียงเปลี่ยนกะทันหัน ทันใดนั้นก็ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องมา
“แต่ว่าอะไร?”เห็นหน้าเขาเคร่งขรึม เฟิงจิงเหยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ผลงานออกแบบของกู้ฉางชิง เขาเคยดูแล้ว สามารถพูดได้ว่าเพอร์เฟค
หรือว่าลู่ซือหยียังมีส่วนที่แก้ไขได้ดีกว่า?
“ก็แค่รูปแบบสไตล์นี้ดูๆไปแล้วคุ้นตามาก”ลู่ซือหยีมองกู้ฉางชิงอย่างเหยียดหยาม พูดเน้นทีละคำว่า“เหมือนกับ……ของก๊อปปี้!”