“อะไรนะ? ไม่น่าจะใช่นะ ไม่กี่วันมานี้ฉันเห็นคุณนายรองแก้งานอยู่แต่ในบ้าน”
“อันนี้ใครจะไปรู้ล่ะ? สมัยนี้อินเทอร์เน็ตเข้าถึงง่ายจะตาย”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจสินะ”
“ฉันก็นึกว่าคุณนายรองเปลี่ยนไปแล้วซะอีก”
ผู้คนต่างพากันวิเคราะห์ตาม เฟิงจิงเหยาหยิบภาพออกแบบที่ซ้อนกันนั้น มาพลิกดูทีละใบ
ดูไปดูมาก็ไม่พบร่องรอยอะไร เขานั้นนับว่าเคยดูงานแปลนออกแบบพวกนี้มาไม่น้อย และไม่เคยเห็นแปลนที่คล้ายกันกับแบบนี้มาก่อน
“ซือหยี เธอดูผิดหรือเปล่า?”
เฟิงจิงเหยายังคงไม่เชื่อ ไม่กี่วันมานี้เขาได้รู้ระดับการออกแบบของกู้ฉางชิง
คุณนายเฟิงมีเสียงเฮอะไปที “ซือหยีเรียนด้านนี้เฉพาะทาง แน่นอนว่าไม่มีทางผิดหรอก คนอย่างเขาน่ะ จิงเหยาลูกยังจะกล้าให้เข้าบริษัทอีกเหรอ?”
ภายในห้องเงียบกริบ ทุกสายตาที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนล้วนแต่มองไปทางกู้ฉางชิง
หัวคิ้วกู้ฉางชิงกระตุกแล้วกระตุกอีก ยิ้มเยาะให้ลู่ซือหยี“คุณลู่ทำไมถึงพูดแบบนี้? คุณดูแค่ผ่านตาก็บอกว่าฉันก๊อปปี้”
เขารู้อยู่แล้วลู่ซือหยีจะพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้อย่างไร?
ก็แค่คาดไม่ถึงว่าเขาจะรอตนเองอยู่ที่นี่
“กู้ฉางซิน ฉันไม่ได้มีเจตนาจะใส่ร้ายหรอกนะ ก็แค่มันเหมือนมากจริงๆ ไม่เชื่อเธอก็ดูสิ”
ลู่ซือหยีพูดไปด้วย ใช้โทรศัพท์เข้าสู่ระบบบนเว็บต่างประเทศไปด้วย
เว็บนี้มีชื่อเสียงมากในวงการการออกแบบเสื้อผ้า เป็นเว็บที่มีอำนาจอย่างมากในมิลาน นักออกแบบทุกคนบนโลกล้วนมารวมตัวกันที่นี่
สามารถโชว์ศักยภาพที่นี่ได้นั้นก็มีแค่คนที่โดดเด่นขึ้นมาจากเหล่านักออกแบบ
ครั้งนี้สามารถจับจุดอ่อนของกู้ฉางชิงได้ ลู่ซือหยีสะใจจนอยากจะระเบิดออกมา
ลู่ซือหยีพูดอย่างมีหลักฐาน เฟิงจิงเหยาและคุณนายเฟิงก็เข้ามาใกล้ๆ
คนรับใช้พวกนั้นมองไปทางกู้ฉางชิง ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง ช่วงที่ผ่านมานี้คุณนายรองประพฤติตนได้ดีมาก
คนไม่น้อยนึกว่าเขากลับตัวกลับใจได้แล้ว
ใครจะไปคาดคิด หมาก็ยังคงเป็นหมาอยู่วันยังค่ำ
ใบหน้าคุณนายเฟิงเต็มไปด้วยความโมโห บนหน้ายังมีความโชคดีที่สามารถเปิดโปงความจริงของผู้หญิงคนนี้ได้
นิ้วมือของลู่ซือหยีเลื่อนไปบนหน้าจอไม่หยุด ในที่สุดก็หาเจอ โพสต์เมื่อเดือนสองเดือนก่อนหน้านี้ หันไปยิ้มให้กู้ฉางชิงอย่างโอหัง
“หาเจอแล้ว!”
เขายื่นมือไปแตะบนเว็บเพื่อเข้าสู่ลิ้งค์ ไม่นานตัวอักษรใหญ่ยักษ์ ดูเหมือนจะเป็นชื่อบริษัทก็ขึ้นมา
“โอ้มายก็อด นี่มันยุคสมัยของพรสวรรค์ด้านการออกแบบ!”
ด้านล่างนอกจากภาพออกแบบภาพนั้นแล้ว ยังมีคำวิจารณ์ไม่น้อยจากบรรดานักวิจารณ์ ยิ่งกว่านั้นยังมีบุคลากรจากบริษัทที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมการสัมมนาอีกด้วย
“โอ้วๆๆ ความคิดนี่เจ๋งสุดยอด”
“perfect, Princess
dreams!”
“ฉันต้องหาเขาให้เจอ!”
“นี่มัน นี่มันมีพรสวรรค์จริงๆ”
บนเว็บผู้คนส่วนมากจะใช้ภาษาอังกฤษ และมีคนไม่น้อยใช้ช่องทางอื่น วางแผนที่จะตามหาเจ้าของภาพออกแบบภาพนี้
“พี่จิงเหยา ไม่เชื่อก็ดูนี่สิ สไตล์การออกแบบของกู้ฉางซินเหมือนกันกับคนนี้ใช่หรือเปล่า”
ลู่ซือหยีพูดจาเสียดสีกู้ฉางชิง แล้วนำโทรศัพท์ส่งให้เฟิงจิงเหยา
เฟิงจิงเหยาดูแค่ผ่านตา รีบหันกลับ สีหน้าอึมครึม
เป็นสไตล์นี้จริงๆ เทียบกับที่กู้ฉางชิงส่งให้เขาดูเหมือนกันมากจริงๆ
ลู่ซือหยีสังเกตสีหน้าเขาอยู่ข้างๆ ดูสถานการณ์แล้วพูดต่อ “พี่จิงเหยา นักออกแบบคนนี้ชื่อLong มีบริษัทไม่น้อยที่กำลังติดต่อเขาอยู่ และอยากจะเซ็นสัญญาร่วมงานกับเขา”
พอได้ยืนยันหลายครั้ง เฟิงจิงเหยาทนไม่ไหวหันไปทางกู้ฉางชิง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
สไตล์ของรูปนี้ไม่เพียงแต่คล้ายกัน แต่มันสามารถพูดได้ว่าเหมือนกันอย่างกับแกะ
บนมือที่บีบแปลนภาพออกแบบนั้นมองเห็นเส้นเลือดเป็นเส้นลางๆ
คนรับใช้พวกนั้นก็ต่างคนต่างมอง ไม่กี่วันก่อนยังเป็นฉากที่คุณนายรองอาศัยรูปพวกนั้นในการได้รับการยอมรับจากคุณชายอยู่เลย พวกเขายังจำได้ติดตา
นี่เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน เรื่องก๊อปปี้งานก็โผล่ขึ้นมา
กู้ฉางชิงอ้าปาก สายตาเห็นได้ชัดว่าแปลกใจอยู่แวบหนึ่ง
แล้วเขาก็ไม่ใส่ใจ คำพูดที่อยากจะพูดเมื่อสักครู่ กลับโดนคุณนายเฟิงข้างๆทำให้ชะงักลง
“นี่มันน่าแปลกตรงไหน?”
คุณนายเฟิงยิ้มอย่างเย้ยหยัน“จะเกิดอะไรขึ้นได้ ก็ก๊อปปี้ยังไงล่ะ แต่ก็ทำไปเพื่อให้ได้รับความรู้สึกดีจากลูกก็เท่านั้น ฉันก็ว่าอยู่ผู้หญิงคนนี้จะไปมีพรสวรรค์อะไร”
พอเห็นเฟิงจิงเหยาไม่พูดอะไร คุณนายเฟิงกลัวว่าเขาจะลังเล เสริมไปอีกประโยค“ลูกก็รู้ตอนเขาเรียนที่มหาลัยเขาเรียนเกี่ยวกับการเงิน จู่ๆก็ออกแบบได้ แล้วยังทำได้ดีด้วย นี่มันไม่แปลกเหรอ?”
“จริงด้วยฉางซิน ตอนเธอเรียนมหาลัยไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการเงินหรอกเหรอ? ทำไมจู่ๆถึงออกแบบได้ล่ะ?”ลู่ซือหยีช่วยพูดสนับสนุนข้างๆ
คำพูดที่แข็งกระด้างพวกนี้เหมือนผลักเขาไปเจอแต่ทางตัน!
กู้ฉางชิงเงยหน้าขึ้นมองคุณนายเฟิง แล้วหันไปมองลู่ซือหยีที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
พวกเขาต้องการให้เขาโดนโทษทางกฎหมายฟ้องร้องเรื่องขโมยผลงานให้ได้เลยใช่ไหม
แต่ลู่ซือหยีก็ยังไม่คิดจะปล่อยเขาหรอก พูดเสริมอีกประโยคอย่างนุ่มนวล“ฉันแค่บังเอิญเจอผลงานออกแบบชิ้นนี้ ชอบมาก ก็เลยบันทึกเอาไว้ ก็แค่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าฉางซินกับฉันจะชอบอะไรที่เหมือนกัน”
ถุย คำพูดพวกนี้ไร้สาระชะมัด
ถ้าเธอชอบ แล้วบันทึกไว้จริงๆล่ะก็ ทำไมถึงเปิดหานานขนาดนั้นล่ะ กู้ฉางชิงได้แต่คิดในใจ ไม่อยากจะเถียงกับเขา
ก็แค่ไม่ง่ายเลยกว่าเขากับเฟิงจิงเหยาจะมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นเช่นนี้ได้ คงได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
เวลานี้ความกดอากาศทั้งร่างกายของเฟิงจิงเหยา เห็นได้ชัดว่าต่ำลงมาก
ลู่ซือหยีมองกู้ฉางชิงแล้วดีใจอย่างเกินกว่าเหตุ พลางคิดในใจ ดูหน่อยซิว่าครั้งนี้เธอจะเถียงยังไง
หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ เกรงว่าปั้นคำโกหกออกมาก็ยากนักที่จะเถียงข้างๆคูๆได้
ถ้าเอาหลักฐานออกมา พี่จิงเหยาก็คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน
เรื่องยาวต่อเนื่องนี้ทำให้กู้ฉางชิงรู้สึกเหมือนว่าเป็นรถไฟเหาะ เขามองคนพวกนั้นอย่างกับดูละคร
“ไม่คิดว่าคุณนายรองจะก๊อปปี้ผลงานจริงๆนะ”
“ใช่น่ะสิ แถมยังคิดว่าเขาสุดยอดมากอีกด้วย”
“สงสารก็แต่คุณชาย โดนเขาหลอกเข้าเต็มเปา”
เฟิงจิงเหยาฟังอะไรก็ไม่เข้าหูอีกแล้ว ไม่กี่วันมานี้การเปลี่ยนแปลงระหว่างเขากับกู้ฉางชิง ทำให้เขายากที่จะเชื่อว่านี่เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่คุยเรื่องอุดมการณ์เดียวกันกับเขา
ถ้ากู้ฉางซินก๊อปปี้ผลงานจริงๆ งั้น งั้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็คือการแสดงงั้นสิ
เขาต้องนิยามให้ผู้หญิงคนนี้ใหม่ คงต้องลืมก่อนหน้านี้ให้หมดสิ้น
พูดไม่ออก ตอนนี้มีแต่อารมณ์ท้อใจกับผิดหวัง ถึงขั้นรู้สึกว่าตนเองนั้นน่าขำสิ้นดี คาดไม่ถึงว่าจะโดนผู้หญิงมาปั่นหัวเล่น
เขานั้นไม่ง่ายเลยที่จะสร้างความรู้สึกดีๆกับผู้หญิงคนนั้น แต่จู่ๆทั้งหมดนี้ก็พังทลายลงมา
และทุกคนในที่นี้ก็คงเหมือนดูเรื่องตลก
เฟิงจิงเหยาแกว่งต้นฉบับในมือ จู่ๆก็โยนลงบนโต๊ะอย่างโมโห“กู้ฉางซิน ใช้ได้นะเธอนี่”