สีหน้าของเฟิงจิงเหยาอึมครึม นัยน์ตามีแสงอันหนาวเหน็บ
สายตาที่คมกริบนั้น ส่งไปยังที่ใบหน้าของกู้ฉางชิง
“เข้าร่วมหุ้น?”
“ใช่ค่ะ พ่อฉันหวังว่าจะได้ถือหุ้นบริษัทนี้”
กู้ฉางชิงพูดต่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พูดอย่างกล้าๆกลัวๆ ในใจโทษกู้หงเซิน ทำไมต้องให้เขาทำเรื่องแบบนี้
ในระยะเวลาสั้นๆคิ้วและตาของเฟิงจิงเหยาก็เปลี่ยนไป วาจาเสียดสี เสื้อผ้าถูกเขาโยนทับลงบนเตียง
“เขาต้องการถือหุ้นเท่าไหร่?”
สำหรับกู้หงเซินแล้ว เฟิงจิงเหยาค่อนข้างจะเข้าใจ มีชื่อเสียงในเรื่องวางแผนอย่างชาญฉลาด
กู้ฉางชิงเป็นลูกสาวของเขา จะดีกว่าเขาแค่ไหนกัน
“สามสิบเปอร์เซ็นต์”
กู้ฉางชิงพูดติดอ่าง ตัวเลขจำนวนนี้ อย่างกับตุ่มบนลิ้น
พอพูดจบ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าจำนวนนี้สูงไปหน่อย
ยังไงซะเรื่องบริษัทเฟิงจิงเหยาก็จัดการได้พอประมาณแล้ว แบบนี้กู้หงเซินก็เอาเปรียบเขาน่ะสิ
กู้ฉางชิงใช้สายตาแอบสังเกตเฟิงจิงเหยา เห็นแค่ว่าหน้าตาหล่อเหลาของเขาคล้ายกับว่าแข็งเป็นชั้นน้ำแข็ง ในความเย็นชานั้นยังมีความห่างเหินอีกด้วย รู้สึกเจ็บปวดอย่างอดไม่ได้
พอคำพูดออกจากปาก เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไร ทำได้แค่มองเหม่อไปที่ปลายเท้า
“ถ้าฉันไม่ตอบรับ เธอก็จะไม่เป็นดีไซเนอร์ให้ใช่ไหม”
เฟิงจิงเหยามองตรงไปยังเขา เหมือนกับต้องการมองให้ทะลุปรุโปร่ง
ไม่สามารถปฏิเสธได้ ช่วงไม่กี่วันมานี้เขาชื่นชมกู้ฉางชิงมาก โดยเฉพาะพรสวรรค์ด้านการออกแบบของเขา รวมไปถึงความคิดเห็นด้านนี้ของเขาที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ทั้งสองคนยังคุยถูกคอในเรื่องนี้ ถึงขนาดว่าเขาเป็นคนเชิญเธอให้มาเป็นดีไซเนอร์ด้วยตัวเอง
เฟิงจิงเหยายิ้มเยาะในใจ มิน่าล่ะ เขาพูดมาอย่างดีว่ายินดีจะเป็นดีไซเนอร์ให้ ที่แท้ก็มีเงื่อนไขบังคับให้เขาตกลงในสิ่งที่ต้องการ รวมไปถึงหุ้นส่วนด้วย
คิดไม่ถึง มีบ้างที่เฟิงจิงเหยาจะดูคนผิดไป แต่กลับโดนผู้หญิงปั่นหัวเขาเล่น น่าขำสิ้นดี
กู้ฉางชิงเหมือนกำลังตรวจสอบอย่างที่เขาคิด ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เขาจินตนาการไว้เลยสักนิด
ปลอมแปลงนิสัยตัวเอง ตอนนี้เริ่มวางแผนอีกแล้วสินะ
ความคิดของเฟิงจิงเหยาเปลี่ยนกะทันหัน มองไปทางนัยน์ตาของกู้ฉางชิงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
แต่งงานกับเขาก็เพื่อผลประโยชน์ ตอนนี้ที่อยากจะเข้าบริษัทของเขาก็คงเหมือนกันสินะ
“ไม่ใช่ คุณอย่าเข้าใจผิด”
ฟังเขาพูดแบบนี้ กู้ฉางชิงนิ่งอึ้ง รีบส่ายหน้าปฏิเสธ
นี่ไม่ใช่เจตนาเดิมของเขา เขาคิดวิธีที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายออกแล้ว
แต่ว่ากู้หงเซินกลับเอาชีวิตของแม่เขามาขู่เข็ญเขา เขาจะทำอย่างไรได้?
ขอบตากู้ฉางชิงเริ่มแดง มองเฟิงจิงเหยา อยากจะอธิบายให้เขาฟัง กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
“ฉันเข้าใจเธอผิดจริงๆน่ะเหรอ?” เฟิงจิงเหยายิ้มอย่างเยือกเย็น สายตาคู่นั้นทำให้เขาไม่รู้จะหนีอย่างไร
กู้ฉางชิงโดนคำพูดเขาตอกหน้าหงายไป แล้วก็ค้างอยู่ที่ตรงนั้น
เดิมทีมันไม่ใช่แบบนี้เห็นๆ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อะไรๆก็วุ่นวายไปหมด
สมองที่โง่เขลาของเขารู้สึกว่าใช้ไม่พอ ทำได้แค่มองเฟิงจิงเหยาลำบากใจที่จะพูด
“เธอไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว”
เฟิงจิงเหยาเปลี่ยนหัวข้อ “แต่ว่านะเรื่องธุรกิจแบบนี้ ไม่ควรให้เธอมาพูด ในเมื่อพ่อตาอยากเข้าร่วมหุ้น งั้นก็ให้เขามาคุยกับฉันสิ”
เสียงของเขาเย็นเข้ากระดูก แต่……นี่คือเห็นด้วยแล้ว?
กู้ฉางชิงทำอะไรไม่ถูก เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างประหลาดใจ
แล้วก็เห็นว่าเฟิงจิงเหยาเก็บของของตัวเองแล้วไปนอนที่ห้องพักแขกข้างๆ
ภายในห้องขนาดใหญ่ กลับเหลือเขาแค่คนเดียว ปกติแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร ตอนนี้กลับว่างเปล่ามากเป็นพิเศษ
ลมฤดูหนาวพัดมา หนาวซะจนกู้ฉางชิงตัวสั่น
เขาหมุนร่างไปที่ระเบียง พบว่าหน้าต่างยังไม่ได้ปิดสนิท แถมยังมีรอยร้าวแถบหนึ่งอยู่ด้วย
พอจัดการเสร็จก็กลับเข้าห้อง กู้ฉางชิงรออยู่นาน กลับไม่เห็นวี่แววว่าเฟิงจิงเหยาจะกลับมานอน
กู้ฉางชิงฝืนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ครั้งนี้เขาต้องการที่จะตัดขาดความรู้สึกกับตนเองงั้นเหรอ?
แต่ก็อย่างที่เขาพูด เขาก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวจริงๆ และก็ทำไปเพื่อผลประโยชน์จริงๆ ไม่ใช่เหรอ?
ที่เขาตอบรับกู้หงเซินว่าจะปลอมเป็นกู้ฉางซิน ก็ไม่ใช่เพราะอาการป่วยของแม่เหรอ?
เขาไม่ง่วงนอนเลยสักนิด กู้ฉางชิงก็เลยถือโอกาสโทรไปหากู้หงเซิน
โทรศัพท์ดังอยู่นานกว่าปลายสายจะรับสาย เสียงของกู้หงเซินพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่าเขาเข้านอนไปนานแล้ว และถูกปลุกตื่น
“ดึกๆดื่นๆโทรมาทำไม? อย่างเธอจะมีเรื่องสำคัญแค่ไหนกัน”
คำพูดที่พาลใส่คนอื่นดังมาจากปลายสายอีกด้าน
กู้ฉางชิงไม่สบายใจ เธอทำลงไปก็เพื่อเรื่องที่เขาเข้าร่วมหุ้นส่วน ทำให้เฟิงจิงเหยาไม่พอใจ ก็เลยพูดกลับไปว่า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องเข้าร่วมหุ้นส่วนของคุณยังไงล่ะ ไม่อยากเข้าแล้วเหรอ? งั้นฉันจะไปพูดกับจิงเหยาตอนนี้เลย”
“อย่า!”เสียงปลายสายดังออกมาจากโทรศัพท์ เหมือนว่ากู้หงเซินตื่นแล้ว
เขารีบเดินออกไปที่ระเบียง เสียงพูดผสานไปกับลม “เป็นไงบ้าง? เฟิงจิงเหยาเห็นด้วยแล้ว? ฉันก็บอกแล้ว ขอแค่เธอยอมพูดกับเขา เขาเห็นด้วยอย่างแน่นอน ไม่ต้องให้ฉันรอนานขนาดนี้ เอ้อนี่ เขาได้พูดไหมว่าเซ็นหนังสือโอนหุ้นเมื่อไหร่?”
คาดไม่ถึงว่าจะมั่นใจมากว่าหุ้นส่วนอยู่ในมือแล้ว
น้ำเสียงนั่นไม่เห็นจะเหมือนปกติก่อนหน้านี้เลย แถมยังมีความตื่นเต้นดีใจลางๆอีกด้วย
เขานี่เห็นแก่ได้จริงๆ กู้ฉางชิงยิ้มเยาะ “มันมีง่ายขนาดนี้ที่ไหนกัน? แต่ว่านะเขาบอกว่าอยากเจอคุณสักหน่อย”
“สรุปมันยังไงกันแน่?”
เรื่องนี้ไม่เหมือนกับที่กู้หงเซินคาดการณ์ไว้ น้ำเสียงของเขาดูเย็นชาเล็กน้อย “เธอคงไม่ได้พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดหรอกใช่ไหม?”
“จะเป็นไปได้ยังไง แม่ฉันไม่ได้อยู่ในกำมือคุณหรอกเหรอ?”
กู้ฉางชิงข่มความรู้สึกเอาไว้ แต่กลับไม่ได้ปิดบังคำพูดที่เฟิงจิงเหยาพูดไว้ “เขาบอกว่า เรื่องธุรกิจแบบนี้ คุณควรจะมาคุยด้วยตัวเอง ในเมื่อคุณอยากเข้าร่วมหุ้นส่วน งั้นก็ให้ไปคุยกับเขาตรงๆ”
“ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะ” พูดถึงตรงนี้กู้ฉางชิงเหมือนได้ระบายความโกรธ
โทรศัพท์อีกฝั่งเงียบลงสักพัก กู้ฉางชิงนึกว่าเขาต้องการวางสาย แต่กลับได้ยินน้ำเสียงที่มั่นคงพูด “ไม่เลว ควรเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นก็นัดเป็นพรุ่งนี้ละกัน ฉันจะไปรอที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามกับเฟิงซื่อกรุ๊ป”
คาดไม่ถึงว่ากู้หงเซินจะตอบตกลง เกินความคาดหมายของกู้ฉางชิงจริงๆ
กู้ฉางชิงใกล้จะวางสาย ก็ได้ยินกู้หงเซินถาม “เขาได้พูดอย่างอื่นกับเธออีกไหม?”
กู้หงเซินใช้ประโยชน์จากเขาจนถึงที่สุดจริงๆ ยังสืบเรื่องอื่นจากเขาอีก
เฟิงจิงเหยาพูดอย่างอื่นกับเขา? ตอนนี้เขาไม่ฆ่าเธอก็ดีแค่ไหนแล้ว
นึกถึงฉากโต้เถียงกันฉากนั้น กู้ฉางชิงขมวดคิ้ว เสียงค่อนข้างต่ำ “ไม่มี”
กู้หงเซินเฮอะไปที “เธออย่าลืมบอกเขาล่ะ!อย่ามาเล่นลูกไม้อะไรกับฉัน”
“ถ้าจะเล่นลูกไม้อะไร ก็จะทำให้ฉันไม่ได้เจอแม่ตลอดไปใช่ไหม?”
กู้ฉางชิงหัวเราะเยาะตัวเอง “ทุกครั้งคุณก็เป็นแบบนี้ เหอะๆ!”
ปลายสายโทรศัพท์ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ทิ้งมาหนึ่งประโยค “จัดการตัวเองให้เรียบร้อย เรื่องนี้สำเร็จแล้ว อีกไม่นานเธอก็จะได้เจอแม่แล้วล่ะ”