หลังอาหารกลางวัน นายท่านก็ให้คนมารับ ออกไปพบปะเพื่อนฝูงด้วยกัน
รถขับไปถึงหน้าร้านน้ำชาในถนนสายเก่า จึงหยุดรถ กู้ฉางชิงรีบพยุงนายท่านลงจากรถ
เห็นใบหน้าเธอตึงเครียด นายท่านเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่ใช่เครื่องปั้นดินเผา ล้ำค่าขนาดนั้นซะที่ไหน”
เพียงแต่แสดงออกว่าชอบความกระตือรือร้นของเด็กนี่มาก
กู้ฉางชิงทำหน้ามุ่ยพูดว่า “นายท่านล้ำค่าอย่งแน่นอน ท่านเป็นผู้อาวุโสของทุกคนและเป็นที่น่าเกรงขามของทุกคนในตระกูลเฟิง”
“ยัยหนูคนนี้ ช่างเจรจาจริงๆ”
นายท่านเฟิงขำขัน จับแขนข้างหนึ่งของเธอแล้วเดินเข้าไป พูดว่า “ครั้งนี้คุณฉินต้องร้อนใจอย่างแน่นอน”
ร้านน้ำชาไม่ใหญ่แต่งดงามและแปลกตาแบบฉบับโบราณ กลิ่นอายของการตกแต่งแบบย้อนยุค มีเสน่ห์มาก
เพิ่งจะเข้ามา กลิ่นชาก็มาเตะจมูก ลอยไปทั่วในร้านชา ซึบซาบเข้าสู่หัวใจ
“คุณเฟิง!”
เห็นว่าเข้าไปสองคนกับกู้ฉางชิง ก็ส่งเสียงทักทายอย่างรวดเร็ว ผู้จัดการของร้านชายังยืนอยู่ที่ประตูเพื่อทักทาย
เห็นได้ชัดว่านายท่านเฟิงมาที่นี่บ่อย
นายท่านเฟิงพยักหน้า “คุณฉินมาถึงแล้วหรอ?”
ผู้จัดการพยักหน้า “คุณฉินมาถึงสักครู่แล้ว อยู่ที่ห้องVIPหมายเลขหนึ่ง สั่งให้ฉันรอคุณอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ”
“ฮ่าฮ่า คุณฉินนี่ยังคงละเอียดรอบคอบแบบนี้”
นายท่านเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ไม่ว่าที่ไหนยังจำเป็นต้องกล่าวทักทายฉัน”
เขาพูดไปพลาง จูงกู้ฉางชิงไปยังชั้นสองไปพลาง
เห็นท่าทีของผู้ตัดการนั่น อดไม่ได้ที่จะมองกู้ฉางชิงด้วยความประหลาดใจ
ตัวตนของคุณเฟิงพวกเขารู้จักดี มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง ไม่มีใครไม่รู้ไม่ใครไม่ทราบ
แต่ไม่เคยเห็นคนพานายท่านเฟิงมามาก่อน ครั้งนี้สาวสวยพามา ยังมีท่าทีสนิทสนมกันมาก
ผู้จัดการอดไม่ได้ที่จะมองกู้ฉางชิง
พื้นที่ VIP บนชั้นสองเงียบมาก มีพนักงานเสิร์ฟใส่ถุงเท้าขาวอยู่ไม่กี่คน ยุ่งอยู่ในความเงียบ
เห็นนายท่านเฟิงกับกู้ฉางชิงเข้ามา ก็เข้าไปด้วยหน้าตากระตือรือร้น
ทั้งสองคนเดินเข้าไป ก็พบกับชายชราคนหนึ่ง ชายอาวุโสที่ยังคงแข็งแรงนั่งรออยู่ที่นั่น มือข้างหนึ่งถือปั้นชาเล็กๆใบหนึ่ง กำลังหยิบขึ้นมาชมอย่างพิถีพิถัน
ในห้อง VIP ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นชา ส่งกลิ่นหอมสดชื่น ทำให้คนผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย
“ในที่สุดคุณก็มา”
เห็นว่านายท่านเฟิงเข้ามา ชายอาวุโสก็ยืนขึ้น
เพื่อนเก่าทั้งสองคนทักทายกันอยู่พักหนึ่ง ได้ยินมาว่าพวกเขาออกมาชิมชาด้วยกันบ่อยๆ สนทนาพูดคุยกัน
“แนะนำคุณสักหน่อย กู้ฉางซินหลานสะใภ้ของฉัน”
นายท่านเฟิงกับนายท่านฉินพูดคุยกันอยู่สักครู่ ก็แนะนำตัวกู้ฉางชิง
“นายท่านฉิน!” กู้ฉางชิงกล่าวอยู่ข้างๆอย่างชาญฉลาด
นายท่านฉินจึงพินิจพิเคราะห์เด็กผู้หญิงคนนี้อย่างละเอียดเล็กน้อย เห็นเค้าหน้าของเธอสะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง ผิวขาวบริสุทธิ์ แต่งตัวเรียบง่ายและกิริยาสง่างาม เป็นเด็กดีมาก
อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่านเฟิง คุณตาถึงเลือกหลานสะใภ้คนนี้ ดีจริงๆ”
ดูเหมือนว่าเขาชอบเด็กคนนี้มาก
ช่วงที่ทักทาย มีเจ้าหน้าที่ข้างๆวางหมากรุกให้ทั้งสองคน ผลัดกันเปลี่นหมากขาวหมากดำบนกระดาน ผลัดกันแพ้ชนะ
ชายอาวุโสทั้งสองครึ่งๆกลาง หมากทุกตัว ดูเหมือนจะถูกวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด
พวกเขาอายุจะเยอะขนาดนี้ เห็นมาหมดแล้ว
เวลาแข่งขันไม่มีจุดด้อย ไม่สามารถหัวรุนแรงเหมือนกับวัยรุ่นได้
กู้ฉางชิงเท้าคางมองไปยังกระดานหมากรุก เธอไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ รู้สึกน่าเบื่อหลังจากดูมานาน
แต่เธอน่ารักตลอด อยู่เงียบๆไม่รบกวน
อีกทั้งนายท่านเฟิงพาเธอออกมา อยากพาเธอมาผ่อนคลาย กู้ฉางชิงไม่สามารถใจแข็งปัดความหวังดีจองนายท่านได้
นายท่านเฟิงเกรงว่าวัยรุ่นอย่างเธอจะดูหมากรุกที่นี่จนเบื่อ จึงพูดเสนอว่า “ยัยหนู? รอบๆนี้เป็นถนนสายเก่า มีเอกลักษณ์มาก คุณสามารถไปเดินเล่นใกล้ๆได้ พวกเรานี่ เกรงว่าจะไม่จบสักที”
“ใช่แล้ว ยัยหนูฉางซินไปเดินเล่นเถอะ นานๆจะออกมา ยังต้องมาตามตาแก่อย่างพวกเรานี่”
นายท่านฉินก็พูดสนับสนุนอยู่ข้างๆ “ตอนเราวัยรุ่น นั่งอยู่นิ่งๆไม่ได้เลย”
“ใช่ คนวัยหนุ่มสาวควรเคลื่อนไหวมากๆ กระปรี้กระเปร่า หากมิเช่นนั้นแก่แล้วจะทำได้อย่างไร”
นายท่านเฟิงเดินหมากรุกสีขาว กินหมากรุกสีดำ “คุณเฟิงกินคุณหนึ่งตัว ยัยหนูซิน รีบไปเถอะ!”
กู้ฉางชิงยิ้มๆ ลุกขึ้นยืน “อย่างงั้นฉันจะออกไปเดินเล่น กลับมาในภายหลัง ถือโอกาสหาขนมมาให้พวกคุณสักหน่อย”
“หึหึ ยัยหนูคนนี้ยังนึกถึงพวกเรา”
นายท่านเฟิงหัวเราะไม่หยุด “รอให้คุณเดินเล่นจนพอแล้วค่อยซื้อก็ไม่สาย ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเดิน”
กู้ฉางชิงพยักหน้า “ฉันทราบแล้วนายท่าน”
เธอพูดจบก็เดินตามบ๋อยลงไปชั้นล่าง เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินออกไป
ถนนสายนี้พลุกพล่านมาก คนเดินผ่านไปผ่านมา
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่งในบริเวณใกล้เคียง กู้ฉางชิงเข้าไปในร้านที่ใกล้ที่สุด หลังจากที่เดินเล่นจนรอบ ก็ยิ่งเบื่อ ตรงข้ามชั้นบนสุดมีร้านกาแฟ เตรียมจะไปหาที่นั่งหยุดพักเหนื่อย
“คุณผู้หญิงคุณต้องการสั่งอะไร?”
“คาปูชิโน่หนึ่งแก้ว” กู้ฉางชิงสั่งกับบริกรตามที่ประสงค์แล้ว ก็พบเงาๆหนึ่งค่อยเดินเข้ามา
เธอเงยหน้าขึ้น มองไปตาทเงานั้น เห็นชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ้มเล็กน้อยแล้วมองเธอ
“สวัสดีครับ รบกวนหน่อยได้ไหม?”
กู้ฉางชิงแปลกใจเล็กน้อย คนตรงหน้านี้ ชัดเจนว่าเธอไม่รู้จัก
“มีธุระอะไรหรอ?”
กู้ฉางชิงถามอย่างสงสัย
ฝ่ายตรงข้ามได้ยินจึงพูดว่า “คุณคือคุณกู้ฉางซินใช่ไหม?”
รู้จักกู้ฉางซินด้วยหรอ?
กู้ฉางชิงค้นหาข้อมูลในหัวของเธอที่กู้หงเซินให้มาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนนี้
เธอจึงถามอย่างไม่แน่ใจว่า “พวกเรารู้จักกันหรอ?”
ไม่รู้จัก ขอโทษด้วย ที่ฉันบุ่มบ่าม!”
เขาพูดไปพลาง ส่งมอบนาทบัตรสีดำทองให้ไปด้วย “ฉันชื่อฟู่หยุนชวน ปัจจุบันเป็นประธานของฟู่ซื่อกรุ๊ปเชี่ยวชาญด้านเสื้อผ้าแฟชั่น”
กู้ฉางชิงประหลาดใจเล็กน้อย ยื่นมือออกไปรับนามบัตร
เธอก็เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลฟู่
ตระกูลฟู่ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า เป็นกลุ่มแรกๆก็ว่าได้
แม้ว่าตอนนี้การแข่งขันจะดุเดือด อุตสาหกรรมเสื้อผ้าของตระกูลฟู่ก็ยังคงทำกำไรได้มาก
กู้ฉางชิงก็สนใจเป็นอย่างมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ คนของตระกูลฟู่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าเธออย่างนี้
เธอรับนามบัตรนั้น รู้สึกได้ตลอดว่าวันนี้ที่ได้พบอีกฝ่าย มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“ไม่ทราบว่าคุณฟู่ มาหาฉันเรื่องอะไร?”
ฟู่หยุนชวนยิ้ม แล้วก็นั่งลงตรงข้าม
“คุณกู้ดูเหมือนว่าจะละเอียดรอบคอบมาก?” เขาหยุดชั่วขณะแล้วพูดว่า “อันที่จริงที่ฉันมาหาคุณไม่ได้มีเจตนาร้าย ฉันแค่อยากเชิญคุณมาทำงานที่บริษัทของเรา ในฐานะนักออกแบบ”