หลู่ซือหยีคิดเงียบๆในใจ สองคนนี้มาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร
เธอไม่เคยได้ยินความเกี่ยวเนื่องอะไรกันของฟู่หยุนชวนกับกู้ฉางซิน ในใจของหลู่ซือหยีเต็มไปด้วยความสงสัย
เพื่อนสนิทข้างๆยังคุยจ้ออยู่ ซุบซิบนินทาไม่จบ
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ไม่ไกล ทว่าค่อยๆหันมาทางพวกเขา ดูเหมือนว่าค่อนข้างสนิทสนมกัน
ดวงตาของหลู่ซือหยีเป็นประกาย ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปไว้อย่างรวดเร็ว
รูปถ่ายเพิ่งจะถ่ยเสร็จ สองสามหัวก็รวมเข้าด้วยกัน “เป็นเธอจริงๆด้วย”
“คนไร้ยางอายคนนี้คบคนไปทุกหนทุกแห่ง หน้าตาสะสวยโดเด่นอย่างมาก”
“ซือหยี คุณติ้งส่งให้คุณชายเฟิงนะ อย่าให้เขาถูกหลอก”
หลู่ซือหยีพยักหน้าอย่างลำบากใจเล็กน้อย
เป็นธรรมดาที่เธอจะส่งให้พี่จิงเหยา เธอต้องการดูว่า รอให้พี่จิงเหยามาเห็นรูปนี้
กู้ฉางซินยังจะสามารถอธิบายอะไรได้อีกไหม?
คาดไม่ถึงว่าลับหลังพี่จิงเหยาจะกล้า นัดเจอกับผู้ชายคนอื่น หมาไม่สามารถเลิกกินขี้ได้จริงๆ
ทันทีที่คิดถึงว่าจะเปิดโปงกู้ฉางชิง ใบหน้ายิ่งซ่อนความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
กู้ฉางชิงไม่รู้ว่าเธอกับฟู่หยุนชวนสนทนาอะไรกัน ก็สามารถคิดออกได้แต่เรื่องอย่างนี้
เพียงแต่เธอกับฟู่หยุนชวนกล่าวลากัน ก็ไม่ได้แยกจากกันทันที
นายท่านเฟิงชอบกินขนมเหล่านี้ แต่เป็นแบรนด์พิเศษทั้งหมด
กู้ฉางลิงซื้อจากซีเหลียนจายระแวกที่ใกล้เคียงที่สุด จึงกลับไปร้านชา
เมื่อเธอเข้าไปที่ห้อง VIP ชายอาวุโสทั้งสองยังคงรักษาท่าทางที่เธอเพิ่งจากไป ต่อสู้อย่างหนักบนกระดานหมากรุก อย่างตึงเครียด
กู้ฉางชิงจัดวางขนมรูปดอกเหมยวางลงในจานลายครามอย่างใส่ใจ เดิมทีเธอเรียนการออกแบบ
การวางอย่างตามใจอย่างนี้ คาดไม่ถึงว่าจะสวยงามอย่างยิ่ง
นายท่านฉินมองจานก็พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ขนมนี้เป็นส่วนประกอบในพิธีชงชา
เห็นกู้ฉางชิงหยิบปั้นชาใบเล็กนำมาวางไว้ข้างๆ ล้างชา ชงชา กรองชา การเคลื่อนไหวราวกับเมฆลอยสายน้ำไหล กลิ่นอายลีลางดงามแบบโบราณ
ยิ่งเพิ่มความในธรรมดาบนตัวเธอ มีเสน่ห์อ่อนโยน ยิ่งทำให้คนเจริญทางตาและจิตใจ
ตอนนี้นายท่านฉินไม่สามารถเก็บเอาไว้ได้อีก พูดอย่างแปลกใจเล็กน้อยว่า “คาดไม่ถึงว่าฉางซินเรียนพิธีชงชาด้วยหรอ?”
เขาเป็นผู้ค้นคว้าและเชี่ยวชาญด้านชาเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาที่มองกู้ฉางชิงแทบจะเป็นประกาย
กู้ฉางชิงได้ฟังเขาพูดแบบนี้ ก็ยิ้มๆอย่างเขินอายเล็กน้อย “ฉันเคยเรียนที่ไหนกัน เพียงแต่เพิ่งจะเห็นบ๋อยชงแบบนี้ จึงเลียนแบบมา แล้วก็ไม่รู้ว่าชาที่ฉันชงออกมาอย่างนี้ รสชาติจะดีหรือเปล่า”
เธอพูดไปพลางเทใส่ถ้วยให้ผู้อาวุโสทั้งสองไปพลาง
นายท่านฉินยื่นมือไปรับมาหนึ่งถ้วย “ไม่เลว คุณแค่ดูด้วยสายตา ก็เข้าถึงพื้นฐานแล้ว ดูเหมือนว่ายัยหนูซินจะมีพรสวรค์ด้านการชงชาอย่างมาก”
“เธอจะทนต่อคำชมของผู้เชี่ยวชาญของคุณได้อย่างไร”
นายท่านเฟิงรับมา ส่ายหัวแล้วพูดอยู่ข้างๆ แต่รอยยิ้มบนใบหน้า อย่างไรก็ไม่สามารถปกปิดได้
ทว่านายท่านฉินตัดบทเขาว่า “ฉันเห็นว่ายัยหนูซินเก่งมาก ยัยหนู คุณมีเวลาว่างก็กลับมาเรียนรู้ได้นะ ฉันจะสอนคุณ รับรองได้ว่าคุณจะทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการชงชาเหล่านั้นต้องร้องไห้”
แม้ว่านายท่านจะมีสำเนียงเชิงล้อเล่นแต่สายตาของเขาก็มองไปที่กู้ฉางชิงด้วยความคาดหวังอย่างมาก
อย่างไรเสียพิธีชงชา อาศัยความมานะพยายามอย่างเดียวไม่ได้ ยังมีฝีมือจากบนสวรรค์ให้รางวัลมาก
และคนอย่างนี้ยิ่งหาได้ยาก สำหรับนายท่านฉินผู้ที่ชื่นชอบชาและหลงใหลในชามันก็เหมือนกับการได้พบกับหยกที่ยังไม่ได้เจียระไน
ได้ฟังผู้อาวุโสอย่างเขาพูดแบบนี้ กู้ฉางชิงยิ้มแล้วพูดว่า “ได้ ขอเพียงแต่ท่ายยินยอมจะรับลูกศิษย์คนนี้ก็พอ”
“ดี ดี!” นายท่านฉินดีใจมาก มองดูกู้ฉางชิงก็ยิ่งถูกตาต้องใจ
นายท่านเฟิงเห็นสถานการณ์ก็พูดอยู่ข้างๆว่า “ยัยหนูซินฉลาดมาก คุณฉิน คุณฉินรับเป็นลูกศิษย์ก็ดี”
นายท่านฉินอยู่ข้างๆก็ยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นก็อาศัยโชควาสนาของคุณนี่แหละ”
หนึ่งประโยคทำให้นายท่านเฟิงหัวเราะอย่างหนัก
เกือบค่ำแล้วเมื่อผู้อาวุโสแก่ทั้งสองเล่นหมากรุกเสร็จ นายท่านฉินสั่งกู้ฉางชิงอีกครั้ง ต้องมาเรียนชากับเขาในภายหลัง
ปู่หลานสองคนกล่าอำลากับเขา
ขับรถบนถนนอย่างรวดเร็ว แสงสีในยามราตรีสองข้างถนนไม่รู้ว่าเวลาไหนแล้ว ป้ายโฆษณาที่กระพริบระยิบระยับทำให้ดูครึกครื้นเจริญรุ่งเรือง
นายท่านเฟิงนวดๆหน้าผาก “แก่แล้ว ต่อไปนี้ไม่สามารถฝืนเล่นหมากรุกได้ตลอดทังบ่ายแล้ว”
“นายท่าน!” กู้ฉางชิงตะโกนเรียกเขา แล้วส่งน้ำร้อนอีกถ้วยหนึ่งให้เขา
นายท่านเฟิงรับมาดื่มเล็กน้อย รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
“ฉางซิน อีกสักครู่จิงเหยาก็น่าจะกลับมาแล้ว คุณติดตามฉันตลอดทั้งบ่าย ก็เหนื่อยแล้ว รอสักพักถึงบ้าน คุณไปกินข้าวกับจิงเหยาเถอะ ทั้งสองคนจะได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันมากๆ ฉันไม่ไปรบกวนพวกคุณแล้ว”
เห็นว่านายท่านอ่อนเพลียจริงๆ กู้ฉางชิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่พยักหน้า
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทว่าในบ้านกลับเงียบ ไม่มีท่าทีว่าเฟิงจิงเหยาจะกลับมาแล้ว
“คุณชายยังไม่กลับมาหรอ?”
กู้ฉางชิงวางกระเป๋าลง ถามสาวใช้คนหนึ่ง
“คุณชายถูกคุณนายเรียกตัวไป” สาวใช้คนนั้นซื่อมาก “ตอนนี้คุณนายรองต้องการทานอาหารเย็นเลยไหม?”
กู้ฉางชิงพยักหน้า “อืม!”
เฟิงจิงเหยาออกไป ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมา
กลับกันวันเหล่านี้เธอก็เริ่มที่จะชินแล้ว
ความตื่นเต้นที่แตกต่างจากบ้านหลังใหม่ บ้านหลักเต็มไปด้วยความคึกคัก คนรับใช้ผ่านไปผ่านมาในบ้าน เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้า
บนโต๊ะอาหารคุณนายเฟิง เฟิงซู่ หลู่ซือหยีและเฟิงจิงเหยา สมบูรณ์แบบอย่างหาได้ยาก
โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศ เห็นได้ว่ามีการปรุงอย่างพิถีพิถัน
หลู่ซือหยีใช้ตะเกียบคีบผัก วางใส่ในจานของเฟิงจิงเหยาที่อยู่ด้านหน้า “พี่จิงเหยาคุณลองชิมอันนี้ กุ้งเมานี้เป็นเมนูพิเศษของเชฟคนใหม่ของเรา”
“อืม ยังมีผักสดนี่ ไม่ใส่เนื้อสัตว์สักนิด ทว่ารสชาติอร่อยมาก”
หลู่ซือหยีพูดอยู่คนเดียว ไม่นานก็เห็นว่าในจานด้านหน้าเฟิงจิงเหยาไม่ทีผักกองอยู่แล้ว
คุณนายเฟิงกับสามีมองแต่ไม่ได้พูดอะไร ราวกับว่านี่ไม่มีเหตุผล
เพียงเท่านี้ เดิมทีเฟิงจิงเหยาไม่ได้แตะต้องอาหารเหล่านั้นเลย กินไปสักพัก เขาก็วางตะเกียบลง “แม่ ท่านเรียกฉันมาไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรหรอ?”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็หยุดชะงัก คุณนายเฟิงหยุดตะเกียบลง มีความโกรธจางๆบนใบหน้า
เธอยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ด้านข้าง แล้วโยนให้เฟิงจิงเหยา “คุณดูเองเถอะ ลูกสะใภ้ตัวดีของคุณ!”
เฟิงจิงเหยารับโทรศัพท์ขึ้นมาดู ด้านบนจอเป็นกู้ฉางชิงยืนอยู่หน้าร้านกาแฟ ลักษณะท่าทางสนิทสนมกับชายคนหนึ่ง บางอันดูเหมือนต้องการจะโอบกอดเธอ
เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที สีหน้าเครียดเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ท่านเอานี่มาจากไหน?”
ช่วงนี้คุณนายเฟิงไม่ได้ออกจากบ้าน เฟิงจิงเหยามองไปที่เธอด้วยแววตาสงสัยเล็กน้อย
“พี่จิงเหยาคุณอย่าโกรธเลย อันที่จริงนี่คือฉันเห็นตอนออกไปซื้อของในช่วงบ่าย ถ่านไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ จริงๆทั้งสองคนดูเหมือน……มีความสัมพันธ์ลับๆกันเล็กน้อย ฉันก็ไม่ได้คิดมากไป ก็เลยถ่ายมา”
หลู่ซือหยีลังเล “พวกเขาเป็นอย่างนี้ ฉันก็นึกไม่ถึง ท่านอย่าโกรธเลยนะ”