“คุณปู่ ไม่ใช่ความผิดของจิงเหยา ฉันเองก็เคยทำไม่ดี ต่อไปนี้ฉันจะเชื่อฟังอาจจะทำให้คุณแม่เปลี่ยนการปฏิบัติต่อข้าได้
กู้ฉางชิงเขย่าแขนของนายท่านและพูดอย่างออดอ้อนว่า “คุณปู่ อย่าโกรธเลยนะคะ”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวลและขี้เล่น ทำให้นายท่านอารมณ์ดีขึ้น
อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะมือเธอเบาๆ “แกนี่มันผีบ้าจริงๆเลย”
เห็นนายท่านเฟิงอารมณ์ดีแล้วกู้ฉางชิงยิ้มและพูดว่า “ครั้งหน้าถ้าไปที่โรงน้ำชาอีกต้องพาหนูไปด้วยนะ ”
“ตามติดคนแก่อย่างข้าทำไมกัน หนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าควรอยู่ศึกษาดูใจกันสิ”
นายท่านเฟิงมองไปที่หลานชายขณะพูด ซ่อนสิ่งที่เขาต้องการแสดงออกไว้ในใจ
เฟิงจิงเหยาอึ้งไปครู่หนึ่งและตอบว่า “คุณปู่พูดถูก”
กู้ฉางชิงพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี “คุณปู่ เอาคนอื่นมาล้อเล่นอีกแล้วนะ”
“อะไรกัน แกปกป้องเขาล่ะสิ ”
นายท่านเฟิงแกล้งตอบ เห็นได้ชัดว่าคำพูดของกู้ฉางชิงทำให้นายท่านมีความสุข
เนื่องจากอายุของนายท่านมากแล้ว รถบนถนนจึงขับเคลื่อนอย่างช้าๆ
เพราะคำพูดตลกๆของกู้ฉางชิงทำให้ผ่อนคลายระหว่างเดินทาง
เฟิงจิงเหยาที่กำลังกังวลก็เริ่มสงบลง
ทั้งสองส่งนายท่านเฟิงเข้าห้องก่อนจะออกมา
“คุณปู่เข้านอนเช้าๆนะ พรุ่งนี้พวกเรามาหาใหม่ “กู้ฉางชิงพูดอย่างมีน้ำใจ ได้รับคำชมจากคนรับใช้ข้างๆนายท่านเฟิง
ทุกคนบอกว่าน้อยคนมากที่จะอยู่กับนายท่านได้ ต้องให้ท่านเห็นชอบด้วย
มีแต่พวกเธอสองคนที่กล้าพูดคุยกับนายท่าน
คนอื่นแค่นายท่านพูดคำเดียวก็กลัวจนหุบปากไปเลย คนแก่นี่น่าเบื่อจริงๆ
“เอาล่ะพวกเธอสองคนก็รีบกลับได้แล้ว ดึกแล้วระวังตัวด้วย”
นายท่านเฟิงพูดเตือนไปคำนึง ระหว่างทางกลับเขาโกรธมาก
แต่ตลอดทางกลับฉางซินเด็กคนนี้หยอกล้อเขาตลอด
ไม่ใช่ว่าเขาดูไม่ออก อารมณ์ก็ยังดีขึ้นมาก
นึกถึงตรงนี้นายท่านเฟิงหันไปมองหลานชายด้วยสายตาขมขื่น
เฟิงจิงเหยาอึ้ง กำลังจะอ้าปากพูด นายท่านเฟิงก็หันหน้าหนีและพูดว่า “พอเถอะ พอเถอะ”
ทำแบบนี้เหมือนเด็กแก่เลย
กู้ฉางชิงยืนอยู่ด้วยหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีร่องรอยความอดทนหรือฝืน
เฟิงจิงเหยาใจเต้นแรง เข้าใจแล้วว่าทำไมนายท่านเฟิงดีกับกู้ฉางชิงขนาดนี้
เมื่อคนอายุมากแล้วพวกเขาต้องการความรักความอบอุ่นจากคนในครอบครัว
ท้ายที่สุดเขาคือคนชราที่ต้องการความอบอุ่น
“ถ้าอย่างงั้นพวกเราลากลับก่อนนะ” เฟิงจิงเหยารู้สึกเศร้าเล็กน้อย
หลังจากออกจากบ้านนายท่าน พวกเขาสองคนก็เดินไปยังบ้านที่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ทั้งหมดอยู่ในแวดล้อมเดียวกัน ไม่ไกลมากนัก
ทั้งสองคนไม่มีใครพูด ทำให้บรรยากาศอึดอัด
กู้ฉางชิงมีบางสิ่งอยากพูด แต่ตระหนักได้ว่าเฟิงจิงเหยายังโกรธอยู่
เธอจึงปิดปากเงียบ ไม่อยากทำให้ตัวเองน่าเบื่อ
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาโกรธเรื่องอะไร เรื่องของฟู่หยุนชวนฉันก็เคยอธิบายแล้ว
กู้ฉางชิงไม่สนใจเขา เฟิงจิงเหยาพยายามจะคุยกับกู้ฉางชิงหลายครั้ง แต่ด้วยความเย็นชาของเขาทำให้จะพูดออกมาแต่ก็อ่ำอึงไม่พูด
ทั้งสองไม่พูดอะไรสักคำจนกระทั่งกลับถึงบ้าน
เฟิงจิงเหยามีงานที่ต้องทำ กลับมาถึงบ้านก็ตรงไปยังห้องทำงาน
มีเอกสารที่กองเต็มอยู่บนโต๊ะรอให้เขาเซ็นอนุมัติ เฟิงจิงเหยาตะลึงไปชั่วขณะ แต่เขาก็ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว
แต่วันนี้สภาพเขาดูไม่ดีนัก
เขาเดินไปที่มุมหนึ่งของห้องทำงาน และหยิบไวน์แดงขึ้นมา ไวน์แดงสีเลือดอันสง่างามใต้แสงเทียน
เฟิงจิงเหยาดื่มก่อนที่จะนั่งลงกับโต๊ะและเปิดกองเอกสาร
เขากลับไปห้องทำงาน กู้ฉางชิงอยู่คนเดียวก็ไม่ได้เป็นอะไร กลับมารู้สึกเหนื่อยล้า
รีบไปอาบน้ำ และเข้านอนแต่เช้าตรู่
เฟิงจิงเหยาทำงานจนตกดึก และยังดื่มไวน์แดงต่อเล็กน้อย เขากลับไปยังห้องนอนโดยไม่รู้ตัว
ทันทีที่เปิดประตู เฟิงจิงเหยาก็พบว่ากู้ฉางชิงได้หลับไปแล้ว
เขายื่นมือไปสัมผัสเธอที่กำลังนอนนิ่ง
เฟิงจิงเหยาโกรธขึ้นมา “นังตัวดี หลับสบายจริงๆเลยนะ”
หลายวันมานี้ที่เขาไม่อยู่ กู้ฉางชิงไม่กังวลเลยสักนิดแถมยังดูมีความสุขมากกว่า
เตียงสองเมตรขนาดใหญ่เธอนอนอยู่คนเดียว แขนขาเปิดกว้างเต็มเตียง ผิวสีขาวราวกับหิมะใต้แสงไฟ ขนตาราวกับผีเสื้อ ปากอมชมพูที่หายใจเข้าออก ไม่รู้ว่ากำลังฝันหวานเรื่องอะไรอยู่
เพียงแค่เธอเตะผ้าห่มเล็กน้อย ก็เห็นนิ้วเท้าสีขาวน่ารักราวกับหิมะ
เฟิงจิงเหยาเห็นแล้วมีอาการคอแห้งอย่างบอกไม่ถูก
แต่ว่าเขาก็ดื่มไวน์ไปแล้วสองแก้วในห้องทำงานถึงแม้จะไม่เมา แต่อยู่ภายใต้บรรยากาศแบบนี้ทำรู้สึกมึนเล็กน้อยและตาเริ่มพร่ามัว
ทันใดนั้นเขาก็ขึ้นไปบนเตียงและจูบกู้ฉางชิง
เธอลืมตาตื่นขึ้น พบใบหน้าที่ใหญ่ตรงหน้า
ไม่รู้ว่าเธอเริ่มหวั่นไหวกับเฟิงจิงเหยาตั้งแต่เมื่อไหร่
ลมหายใจที่แผ่วเบาพร้อมกลิ่นไวน์เล็กน้อย
กู้ฉางชิงเขินแก้มแดง อดไม่ได้ที่จะดิ้นสองสามที
เธอใช้มือผลัก “ทำอะไรหนะ!”
มือเธอถูกเฟิงจิงเหยาจับไว้ เฟิงจิงเหยาออกแรงเล็กน้อยพร้อมพูดเบาๆข้างหูเธอว่า “อย่าลืมสิ หน้าที่ของเธอคือมีลูก! ฉันรู้ วันก่อนญาติของเธอเพิ่งจากไปเช่นนั้นก็ทำได้
กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ก็หน้าแดง ทำให้เธอมีสติและค่อยๆปล่อยมือ