กู้ฉางซินไปยังห้องบรรพบุรุษด้วยตนเอง
สาวใช้วัยกลางคนสองสามคนได้รับคำสั่งให้ตามมา จับกดกู้ฉางซิน และพูดว่า “คุกเข่าลง!”
กู้ฉางฉิงสบัดมือของพวกเขาออกไป และคุกเข่าลงเอง
แก้มขาวอมชมพูนั้นเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและดื้อรั้น
สาวใช้เหล่านั้นตะคอกอย่างเย็นชาออกมาทีละคน
ประตูบานใหญ่ถูกปิดลงพร้อมกับเสียงดังเอี๊ยด
สายลมอันหนาวเย็นได้พัดลอดเข้ามา……
กู้ฉางฉิงมองขึ้นไปก็มองเห็นแสงไฟอันริบหรี่
ป้ายบรรพชนสีดำสลักสีทองนับสิบวางเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียงรายเป็นแถวต่อหน้าเธอ
กู้ฉางฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุก
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านไป และเมื่อเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลม ๆ ดังขึ้น และประตูใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเธอก็เปิดออก
กู้ฉางฉิงสะดุ้งตกใจและจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ
เธอหันหลังกลับไปมอง ก็ได้เห็นสาวใช้คนหนึ่งแอบเอาเบาะรองนั่งมาให้
กู้ฉางฉิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
สาวใช้คนนั้นวิ่งกระย่องกระแย่งมาหาเธอ พลางมองออกไปด้านนอกอย่างหวาดกลัว
“คุณนายรอง คุณชายให้ดิฉันเอาเบาะรองมาให้ คุณนายรีบรองไว้เถอะค่ะ”
กู้ฉางฉิงชะงักไป รู้สึกปลาบปลื้มอยู่ในใจ
ใบหน้าของสาวใช้แสดงออกถึงการให้กำลังใจ “พื้นที่นี่ทั้งเย็นทั้งแข็ง คุณชายเป็นห่วงว่าคุณจะป่วยค่ะ”
กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก เธอจึงรีบวางเบาะไว้ใต้ขา
เธอถูกกล่าวหาว่ามีความผิดตั้งแต่แรก
เฟิงจิ่งเหยาสามารถเชื่อในตัวเธอ แถมยังส่งเบาะรองเข้ามาให้ เธอรู้สึกตื้นตันใจจริง ๆ
พอคุกเข่าลงก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
ทันใดนั้นใบหน้าของกู้ฉางฉิงก็ซีดเซียว จนเธออดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญออกมา
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากและไหลลงมา
กู้ฉางฉิงรีบฉีกกระชากเบาะรองนั่งออก
ยังไม่ทันไร สาวใช้อีกสองคนก็พุ่งมาจากประตูด้วยท่าทีแข็งกร้าวดุดัน
ทั้งสองคนจับแขนของกู้ฉางฉิงกดเธอไว้อย่างแน่น และกดเธอลงอย่างแรง
ที่ข้างในเบาะรองนั่งอันนี้ซ่อนเข็มเอาไว้!
“ปล่อยฉันนะ!”
กู้ฉางฉิงพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่สองคนนั้นก็ไม่ปราณี
กู้ฉางฉิงรู้สึกผิดหวัง
เธอถูกคนอื่นวางแผนร้าย
ความเจ็บปวดทางร่างกายมันทิ่มแทงจนเธอเริ่มเวียนหัว
กู้ฉางฉิงกัดฟันอดกลั้นไว้สักพัก จากนั้นร่างกายของเธอก็อ่อนลง
คนใช้ทั้งสองเห็นเธอหมดสติไปก็ตกใจ
จึงรีบพากันวิ่งหนีออกไป
เฟิงจิ่งเหยารีบเร่งเดินเข้าไปที่ห้องบรรพบุรุษ
คิ้วของเขาขมวดมุ่นและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เขาผลักประตูใหญ่ห้องบรรพบุรุษออก แสงก็ทะลุเข้ามา
เมื่อเขามองเข้าไป เฟิงจิ่งเหยาก็เห็นกู้ฉางฉิงนอนหมดสติอยู่บนพื้น
“ฉางซิน!” เขารีบวิ่งเข้าไป นี่แค่เวลาไม่นาน เธอก็กลายเป็นสภาพแบบนี้ไปซะแล้ว
กู้ฉางฉิงถูกเขย่าตัวหลายครั้งกว่าจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาได้
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?”
หายากที่ใบหน้าที่สงบอยู่เสมอของเฟิงจิ่งเหยาจะแสดงออกถึงความกังวล
เขามองสำรวจไปรอบ ๆ จนกระทั่งเห็นว่าที่หัวเข่าของเธอมีสิ่งผิดปกติ
ตรงนั้นมีเลือดไหลจนย้อมกระโปรงของเธอเป็นดวงสีแดง
เฟิงจิ่งเหยาสีหน้าไม่พอใจ เขาฉีกเบาะรองนั่นออกและพบว่ายังมีเข็มเงินอันเล็ก ๆ อยู่อีกนับสิบ
“คุณอดทนอีกหน่อยนะ”
แววตาของเฟิงจิ่งเหยาโศกเศร้า เขาก้มลงอุ้มเธอขึ้นมา และก้าวเท้ายาวออกไป
ฝีเท้าของเขาเร็วมาก นอกจากนี้ยังมีเม็ดเหงื่อจากความกังวลผุดขึ้นบนหน้าผาก
“พี่จิ่งเหยา”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากทางเยื้องด้านหน้า เสียงของลู่ซือหยี่นั่นเอง
เธอตามมาเพราะเห็นว่าเฟิงจิ่งเหยาผ่านมาทางนี้
ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอกันที่ระหว่างทาง
มองเห็นกู้ฉางฉิงถูกอุ้มอยู่ในอ้อมอกของเฟิงจิ่งเหยา ในใจของลู่ซือหยี่ราวกับถูกทิ่มแทงด้วยเข็ม
เธอกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปที่มือขาว ๆ และแววตาก็มีประกายแห่งความบ้า
กู้ฉางซิน ทำไมถึงปล่อยให้พี่จิ่งเหยามาอุ้มหล่อนแบบนี้?
แต่เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ
ลู่ซือหยี่มองตามหลังของทั้งสองคนจากตรงที่เดิม ดวงตาที่เศร้าหมองเหมือนจะมีน้ำหยดลงมาได้
เฟิงจิ่งเหยาเดินตรงกลับไปที่วิลล่าของพวกเขาโดยไม่หยุด
ทันทีที่เข้าประตูบ้าน เขาก็เรียกพวกสาวใช้จนต่างพากันตกใจ
“ไปตามหมอไป๋มาที!”
สาวใช้ต่างตกใจ คนหนึ่งจึงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
คนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันเลิกลั่ก
ตอนเช้าตอนออกไปก็ยังดีดีอยู่เลย นี่ผ่านไปแค่ไม่นาน
คุณนายรองถึงกลับถูกคุณชายอุ้มกลับมา
ทุกคนคันปากอยากซุบซิบนินทาจะแย่ แต่ต่างก็ปิดปากไว้สนิท
หมอไป๋มาถึงอย่างรวดเร็ว
ปกติเขาก็จะคอยดูแลอาการต่าง ๆ ให้กับเฟิงจิ่งเหยาอยู่แล้ว
จึงมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จนสามารถมาได้เร็วกว่าสาวใช้ที่ไปเชิญเสียอีก
เฟิงจิ่งเหยาวางกู้ฉางฉิงไว้บนเตียงนอน นั่งลงข้างกายเธอด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“คุณชาย!” คุณหมอไป๋ที่ถูกสาวใช้เชิญเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ข้าวของเครื่องใช้พร้อม เพราะวันนี้เพิ่งไปตรวจอาการลูกสาวของเฟิงจิ่งซูมา
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ช่วยตรวจให้เธอหน่อย”
หมอไป๋มองไปบนเตียงก็เห็นกู้ฉางฉิงนอนอยู่ใบหน้าซีดเผือกด้วยความเจ็บปวด
“บาดแผลอยู่ที่หัวเข่า”
เฟิงจิ่งเหยาแจ้งบอก
วันนี้กู้ฉางฉิงสวมกระโปรงสีขาว ยังมีเข็มเงินสองสามเล่มส่องแสงสองวิบวับห้อยติดอยู่
สีหน้าของหมอไป๋แข็งขึ้นมาทันที เขารักษาคนมาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่พบเจอวิธีการที่โหดร้ายเช่นนี้
สมัยโบราณสตรีในวังหลวงล้วนใช้วิธีการแบบนี้เพื่อช่วงชิงความโปรดปราน
คิดไม่ถึงเลยว่าในสมัยปัจจุบันนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อีก
หมอไป๋หายใจเข้าลึก “บาดแผลจากเข็มทิ่มมองไม่ค่อยออก ผมจะตรวจอาการคุณนายรองดูก่อน”
ในขณะที่พูด เขาก็หยิบอุปกรณ์ตรวจร่างกายจากกล่องยาและตรวจดูอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าของกู้ฉางฉิงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ลองกดดูเบา ๆ
กู้ฉางฉิงส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด
หมอไป๋ถอนหายใจ พูดว่า “มีเข็มสองสามเล่มเจาะฝังลึกอยู่ ผมจะเอาออกเดี๋ยวนี้ สองสามวันนี้ก็อย่าเพิ่งปล่อยให้คุณนายรองเดินเลยจะดีกว่า เกรงว่าจะมีอาการอักเสบขึ้นมา ซึ่งอาจทำร้ายกล้ามเนื้อและกระดูกในอนาคต
หมอไป๋พูดเสร็จก็เขียนใบสั่งยาให้กู้ฉางฉิงลงบนกระดาษ แล้วสั่งให้คนรับใช้ไปรับยากลับมา
เมื่อเสร็จแล้วเขาย้ำอีกว่า “หลังจากได้ยากลับมาแล้ว ให้คุณนายรองทานยาวันละสามครั้งหลังอาหาร ทานยาให้ตรงเวลา สองสามวันนี้ให้คุณนายพักผ่อนอยู่แต่บนเตียงก็พอ”
หมอไป๋อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้มานาน และเขาก็รู้ดีว่าจะถามอะไรและอะไรไม่ควรถาม
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ลาเฟิงจิ่งเหยากลับ
เฟิงจิ่งเหยาพยักหน้า คนใช้ข้างกายรีบยกน้ำร้อนขึ้นมาให้
“รีบกินยาก่อนเถอะ”
เฟิงจิ่งเหยาพยุงร่างกู้ฉางฉิงขึ้นมา มือข้างหนึ่งป้อนยาให้เธอแล้วให้เธอค่อย ๆ จิบน้ำ
กู้ฉางฉิงขมวดคิ้วกลืนยาลงไป
เธอกลัวการกินยาขมที่สุด แต่ตอนนี้ไม่กินไม่ได้แล้ว
เฟิงจิ่งเหยาคุ้นเคยกับการที่เห็นเธอเป็นคนมีชีวิตชีวา ในพริบตาต้องมาเห็นเธอในสภาพที่เจ็บป่วยอ่อนแอ ในใจก็ร้อนลุ่มด้วยความโกรธโดยไม่มีสาเหตุ
พอรอจนกู้ฉางฉิงนอนหลับแล้ว เฟิงจิ่งเหยาจึงเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าบึ้งตึง