สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 53 ใครบงการพวกเธอ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

“คุณชาย!”

คุณพ่อบ้านรออยู่ข้างนอกด้วยความเคารพตั้งนานแล้ว

เมื่อเห็นเฟิงจิ่งเหยาในลักษณะนี้เขาก็ตกใจ

“มีภาพจากกล้องวงจรปิดหรือยัง?”

เขาพูดไปพลางเดินทางห้องหนังสือ วิลลาทุกหลังของตระกูลเฟิงล้วนได้รับการดูแลอย่างเข้มงวด

ด้านนอกยังมีกล้องวงจรปิด

เฟิงจิ่งเหยานั่งอยู่ในห้องหนังสือ พ่อบ้านวางโน๊ตบุ๊คไว้ตรงหน้าเขาด้วยความเคารพ

เฟิงจิ่งเหยาเปิดดูด้วยสีหน้าเย็นชา

บนโต๊ะนั้นคือภาพจากกล้องวงจรที่ถูกบันทึกของวันนี้

เฟิงจิ่งเหยาค้นเจอช่วงที่เป้ยเป้ยตกน้ำ ลดสปีดของวีดีโอลง เพื่อยืนยันหลาย ๆ ครั้งทั้งก่อนและหลัง

เหตุการณ์เป็นไปอย่างที่กู้ฉางฉิงพูดไว้จริง ๆ

พวกเขาใส่ร้ายเธอ

ทุกคนต่างพูดไปในทางเดียวกันบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้วใส่ร้ายเธอ

กู้ฉางฉิงตอนนั้นคงทำอะไรไม่ถูกเลย

ทันใดนั้นเฟิงจิ่งเหยาลุกขึ้นพรวดพราดและเดินออกไป

คุณพ่อบ้านก็รีบตามออกมาด้วย

ที่คฤหาสน์ใหญ่แห่งนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แต่คุณชายแทบจะไม่เคยจริงจังเท่ากับเรื่องนี้มาก่อน

เพียงครู่เดียวเฟิงจิ่งเหยาก็มาถึงบ้านใหญ่

ภายในยังมีเสียงสนทนาระหว่างเฟิงจิ้งซูกับเฟิงจิ้งหยวน

พวกเธอทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เฟิงจิ่งเหยาบังคับใจให้เย็นลง สีหน้าของเขาก็ยิ่งเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

เขาผลักประตูเปิดออก

ทั้งสองถึงกับผงะเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา

สายตาของเฟิงจิ่งเหยามองตรงไปยังเป้ยเป้ย

เธออาการดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้กำลังเล่นอย่างสนุกสนานกับลูกสุนัขสองตัว

ดูไม่ออกเลยว่าเมื่อสักครู่ยังตกอยู่ในสภาพที่แย่มาก

ขาเรียวยาวของเฟิงจิ่งเหยา เพียงไม่กี่ก้าวก็นั่งอยู่ตรงหน้าของเป้ยเป้ยแล้ว

เขาประสานมือไว้บนเข่า ขยับตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่าดีใจหรือขุ่นเคืองว่า “เป้ยเป้ย พี่สะใภ้เป็นคนผลักหนูจริงหรือ?”

เป้ยเป้ยชะงัก เธอเกรงกลัวสายตาของเขาอยู่บ้าง

ไม่นาน เธอก็ขมุบขมิบปาก “ใช่ ใช่ค่ะ”

“ใครบอกให้หนูพูดโกหก?”

ได้ยินเป้ยเป้ยพูดแบบนี้อีก เฟิงจิ่งเหยาก็อดไม่ได้ที่จะใช้น้ำเสียงดุดัน

เขาเป็นคนรูปหล่อ แต่มักแสดงออกด้วยท่าทีขึงขังจริงจังและมักชักสีหน้าทั้งวัน ทำให้คนมักกลัวเขาตั้งแต่แรกเห็น

เป้ยเป้ยตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมา

เฟิงจิ้งซูกับเฟิงจิ้งหยวนก็ตกใจเช่นกัน จึงรีบเร่งพากันมา

คนหนึ่งโอบกอดเด็กน้อยไว้ อีกคนหนึ่งชี้หน้าพูดกับเฟิงจิ่งเหยาว่า “จิ่งเหยา เธอเป็นอะไรไป? ทำไมอยู่ดีดีมาทำให้เด็กตกใจ? เธอก็เป็นพวกเดียวกับกู้ฉางซินสินะ!”

เธอทั้งสองโกรธอย่างเห็นได้ชัด

สีหน้าบ่งบอกถึงความโกรธและไม่พอใจ

“ฉันเป็นพวกเดียวกับกู้ฉางซิน? กลัวว่าเธอนั่นแหละที่เป็นคนที่ถูกกล่าวหาผิด ๆ”

เฟิงจิ่งเหยาโยนยูเอสบีที่อยู่ในมือใส่เธอทั้งสองคน “พวกเธอดูดีดีแล้วกัน แท้จริงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? กู้ฉางซินตั้งใจไปช่วย แต่กลับถูกใส่ร้าย”

ผู้ดูแลบ้านใหญ่เห็นว่าคุณชายอารมณ์ไม่ดี จึงได้เปิดคลิปวีดีโอที่ถูกถ่ายไว้

ไม่กี่นาทีหลังจากที่ฉายคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนจบ ก็เห็นชัดเจนว่าใครผิดใครถูก

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ

เฟิงจิ้งซูกอดเด็กที่อยู่ในอ้อมอกไว้แน่นและพูดแก้ต่างให้เธอว่า “เป้ยเป้ยยังเด็ก เธอต้องตกใจกลัวมาก จึงไม่กล้าบอกความจริง”

เมื่อเผชิญกับใบหน้าอันเย็นชาของเฟิงจิ้งเหยา เสียงของเธอก็ค่อย ๆ แผ่วลง

เมื่อเห็นแบบนั้น เฟิงจิงเหยาก็สบถออกมา หันหลังและเดินตรงไปชั้นบน

จากนั้น ทุกคนที่ชั้นล่างก็ไม่มีใครจะมีอารมณ์สนทนาอีกต่อไป

ขณะนี้ ภายในห้องนอนหลักบนชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องของคุณนายเฟิง

ความวุ่นวายเมื่อตอนกลางวันทำให้อาการปวดหัวของเธอกำเริบ

“ป้าหมิง ป้าอย่าคิดมากเลยนะคะ”

ลู่ซือหยี่เหยียดนิ้วเรียวของเธอนวดให้คุณนายเฟิง ขณะที่ปลอบโยนเธอไปด้วย “กู้ฉางซินก็ไม่ได้เพิ่งจะเป็นแบบนี้ คุณอาทั้งสองไม่ตำหนิคุณป้าแน่ค่ะ”

“แน่นอนฉันรู้ดี หนูดูสิทำไมจิตใจของเธอถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ถ้าปล่อยให้เธออยู่ต่อไป บ้านนี้จะวุ่นวายขนาดไหนใครจะไปรู้ โอย หัวป้าแค่ขยับก็ปวดแล้ว”

คุณนายเฟิงยกมือข้างหนึ่งกดเข้าที่ขมับของเธอ ขณะเดียวกันก็ถอนหายใจ “ถ้าเธออ่อนน้อมเชื่อฟังได้อย่างหนูสักครึ่งหนึ่งฉันก็พอใจแล้ว”

ลู่ซือหยี่ยิ้มร่าออกมา กำลังคิดจะพูดเอาใจคุณนายเฟิงต่อสักหน่อย ก็เห็นว่าจู่ๆประตูก็ถูกเปิดจากด้านนอก

เฟิงจิ่งเหยาเดินเข้ามาจากด้านนอก

ลู่ซือหยี่อดไม่ได้ที่จะดีใจและพูดอย่างมีความสุขว่า “พี่จิ่งเหยาทำไมถึงมาได้ล่ะคะ?”

คุณนายเฟิงหันตัวกลับมาก็เห็นเฟิงจิ่งเหยาเดินมาตรงหน้าเธอแล้ว

เธอเงยหน้าขึ้นรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย

รู้สึกว่าในใจของลูกชายยังมีเธอคนนี้อยู่

เธอกำลังจะพูดก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาขัดจังหวะเสียก่อน

“คุณแม่ ทำไมปล่อยให้กู้ฉางซินนั่งคุกเข่าบนเบาะที่ฝังเข็ม?” คิ้วสวยได้รูปของเขาขมวดเป็นปม สีหน้าของเขาจริงจัง

ลู่ซือหยี่จ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายของเฟิงจิ่งเหยา ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ และเธอก็ค่อย ๆ ขยับไปข้างหลังคุณนายเฟิงซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ

คุณนายเฟิงตกตะลึงกับคำถามของเขา “ลูกหมายความว่าอะไร? กู้ฉางซินเธอ……ฉันไม่ได้ หรือต่อให้เป็นฉัน นั่นก็เป็นบทเรียนที่กู้ฉางซินควรได้รับ ทำเรื่องเลวร้ายพรรค์นั้นออกมา ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำอะไรออกมาได้อีก”

ภายใต้แววตาอันสงบแต่น้ำเสียงอันหนักแน่นของเฟิงจิ่งเหยา “เป้ยเป้ยพูดโกหกครับ กล้องถ่ายไว้อย่างชัดเจน คุณไม่ตรวจสอบถูกผิดเชื่อตามอำเภอใจว่าเป็นเธอ แถมยังลงโทษเธอให้ไปคุกเข่าสำนึกผิดไม่พอ ยังให้คนใช้เข็มไปแทงเธอได้อย่างไรกัน?”

คุณนายเฟิงอึ้งจนถึงกับพูดไม่ออก “จิ่งเหยา! เธอ……บังอาจ! พูดแบบนี้กับแม่เธอได้อย่างไร?”

“พี่จิ่งเหยา น่าจะเข้าใจผิดกันใหญ่แล้ว ตอนนั้นทุกคนอาจจะไม่มีเหตุผลไปบ้าง เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตคน”

เมื่อเห็นคุณนายเฟิงทำหน้าไม่ถูก ลู่ซือหยี่ก็กล่าวต่อด้วยความระมัดระวัง “อีกอย่างคุณป้าหมิงก็ทำไปด้วยความรัก”

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับมองไปที่คุณนายเฟิงอย่างตั้งใจ

ไม่นาน เขาก็พยักหน้า “ดี ในเมื่อแม่บอกว่าไม่ใช่ผู้บงการ ถ้าอย่างนั้น คนใช้สองคนนั้นผมจะเป็นคนจัดการเอง คุณพักผ่อนเถิด เมื่อสักครู่ทำให้ไม่พอใจ หวังว่าคุณแม่จะไม่เก็บไว้ในใจ”

พูดจบก็หันหลังเดินจากไป

เขาเดินอย่างรีบเร่ง เพียงไม่กี่ก้าวก็ลงไปถึงชั้นล่าง

เมื่อเห็นเฟิงจิ่งเหยาลงมา พ่อบ้านจึงรีบรุดมาหา “คุณชายครับ!”

“ไปลากตัวนังสาวใช้สองคนที่ทำร้ายฉางซินมาที่นี่!”

“รับทราบ!” พ่อบ้านไม่กล้าล่าช้า

วิลล่าสองหลังอยู่ไม่ห่างกันมากอยู่แล้ว พอเฟิงจิ่งเหยามาถึง พ่อบ้านก็พาคนใช้สองคนเข้ามา

เมื่อเข้าประตู ก็เห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟา ไม่ไกลนัก คนใช้สิบกว่าคนยืนตัวตรงนิ่งไม่มีแม้การเคลื่อนไหวใด ๆ

เฟิงจิ่งเหยาดูมีเกียรติและสง่างาม

เมื่อสาวใช้สองคนนี้ถูกโยนเข้ามา มองเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าก็กลัวจนวิญญาณแทบออกจากร่าง

“วางแผนทำร้ายเจ้านาย รู้ไหมว่าผลมันจะเป็นอย่างไร?”

เสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรง สาวใช้ทั้งสองก็ตัวสั่นด้วยความกลัว “คะ……คุณชาย พวกเราก็ไม่อยากทำค่ะ”

“พูด! ใครบงการพวกเธอ?”

คนใช้ทั้งสองตัวสั่นด้วยความกลัว อยากพูดแต่พูดไม่ออก

เฟิงจิ่งเหยาหัวเราะถากถางออกมาอย่างไม่พอใจ “ดีมาก ในเมื่อไม่ยอมพูด ก็อย่าโทษฉันแล้วกัน ใช้วิธีการแบบไหนทำร้ายผู้อื่นก็จะถูกกระทำด้วยวธีเดียวกัน”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังคงไม่มีปฏิกิริยา เฟิงจิ่งเหยาจึงตะโกนอกไปทางประตู “พ่อบ้าน!”

พ่อบ้านที่คอยอยู่ด้านนอกก็รีบพาคนใช้สี่คนเข้ามา

สองคนในนั้นถือเบาะรองนั่งมาด้วย ด้านบนมีเข็มมากมาย เมื่อกระทบกับแสง ปลายเข็มเหล่านั้นก็เปล่งประกายสีเงินวิบวับซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว คนใช้ทั้งสองก็หน้าซีดเผือกด้วยความตกใจ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท