“คุณชาย ไว้ชีวิตด้วย! พวกเราไม่กล้าทำอีกแล้วค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ!”
ทั้งสองคนตกใจจนหน้าซีด
เฟิงจิ่งเหยาขยับนิ้วชี้เล็กน้อย
คนใช้ตรงหน้าก็ยัดเบาะเข้าไปใต้พวกเขาสองคน
พวกเขาดิ้นบิดตัวเพื่อจะผละออก
แต่กลับถูกคนใช้ที่อยู่ข้าง ๆ จับกดอย่างแน่นหนา
สองเสียงร้องกรี๊ดจนหลังคาแทบปลิว
เมื่อมองเห็นเหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของพวกเขา
เฟิงจิ่งเหยาเดินข้ามมาข้างหน้าและโบกมือเบา ๆ ให้หยุด “พูด! ใครเป็นผู้บงการกันแน่?”
คนใช้ทั้งสองกลัวมากจนไม่กล้าปิดบังอีกต่อไป
คนหนึ่งในนั้นตอบว่า “เป็นคุณนาย……ที่สั่งให้พวกเราทำค่ะ!”
อีกคนหนึ่งก็รีบสมทบด้วย
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตาลง และพูดอย่างดุดันว่า “มีหลักฐานอะไรสำหรับเรื่องนี้? รู้จุดจบของการโกหกหรือไม่?”
“คือ……” คนใช้ทั้งสองเอนตัวเข้าหากันอย่างสั่นสะท้าน ลังเลเล็กน้อย
“พูด!”
เสียงตะโกนดังด้วยความโกรธนี้ ทำให้ทั้งสองคนตกใจจนเกือบทรุดลงกับพื้น
“ไม่……ไม่ใช่ เป็น……”
หนึ่งในนั้นกำลังจะกลับคำ ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยมาจากนอกประตู “พี่จิ่งเหยา!”
ลู่ซือหยี่เดินเข้ามาอย่างร้อนรน
เธอกังวลว่าคนใช้ทั้งสองจะเปิดเผยตัวเธอออกมา
เธอไม่สบายใจจึงอยากมาดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง
ใครจะคิดว่าจะบังเอิญมาพบกับฉากนี้พอดี
“เธอมาทำอะไร?”
เห็นได้ชัดว่าเฟิงจิ่งเหยาอารมณ์ไม่ดีและน้ำเสียงของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก
ลู่ซือหยี่หัวใจสั่นไหว แต่ฝืนตอบกลับไปว่า “ฉัน……แค่มาดูดู ว่าใครกันที่ช่างกล้า กล้าทำกับฉางซินแบบนั้น”
ขณะที่เธอพูด สายตาของเธอก็กวาดไปที่คนใช้สองคนที่อยู่บนพื้น
เธอได้ส่งความมาดร้ายผ่านทางสายตา
หัวใจของสองคนนั้นสั่นอีกครั้ง “คุณนาย……เป็นคนสั่งให้พวกเราทำจริง ๆ ค่ะ”
ใบหน้าของเฟิงจิ่งเหยาก็เคร่งขึ้น
“พี่จิ่งเหยา พี่อย่าโกรธไปเลยนะคะ แค่คนใช้ที่ไม่ได้ความสองคน ไล่พวกมันออกก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นจะต้องลดตัวลงไปยุ่งกับพวกมันเลย”
ลู่ซือหยี่คอยโน้มน้าวด้วยท่าทีเหมือนผู้ความรู้
เฟิงจิ่งเหยาหันมามองเธออย่างเย็นชา “ฉันกำลังสอบสวนพวกเขา เกี่ยวอะไรกับเธอ?”
น้ำเสียงของเขาแย่อย่างเห็นได้ชัด
ลู่ซือหยี่นิ่งไป เธอรู้สึกเจ็บปวดแต่ต้องขอโทษ “ขอโทษค่ะ ฉันพูดมากเกินไป”
พูดจบ เธอก็หยิบยาครีมขึ้นมาสองกระปุก และพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ได้ยินมาว่าฉางซินได้รับบาดเจ็บรุนแรง ครีมนี้ฉันได้จากแพทย์แผนจีน ใช้รักษาบาดแผลภายนอกได้ผลดีมาก ถ้าไม่รังเกียจ ลองเอาให้เธอใช้ดูนะคะ”
เฟิงจิ่งเหยาที่ใบหน้าไร้ความรู้สึก “วางไว้เถอะ เธอก็ไปได้แล้ว!”
ลู่ซือหยี่ถูกขัด เธอมองไปที่คนใช้ทั้งสองอย่างไม่แน่ใจ “แล้วพวกมัน……”
“ฉันจัดการเองได้!”
น้ำเสียงของเขาเหมือนจะหมดความอดทน ราวกับไม่อยากจะสนทนากับเธอไปมากกว่านี้
มือที่อยู่ข้างลำตัวของลู่ซือหยี่ถูกกำแน่น เจ็บแปร๊บที่หัวใจ แต่กลับต้องแสร้งทำเป็นอ่อนโยน พูดว่า “ถ้าอย่างนั้น……ฉันไปก่อนนะคะ”
พูดจบ เธอก็หันหลังกลับไป
ก่อนไป เธอยังถลึงตามองคนใช้สองคนนั้นอย่างดุดัน
ในแววตานั้นเต็มไปด้วยคำเตือน ทำเอาสองคนนั้นสั่นสะท้านไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าลู่ซือหยี่ออกไปแล้ว เฟิงจิ่งเหยาจึงเงยหน้าขึ้นลูบหน้าผาก “พ่อบ้าน!”
“ครับ คุณชาย!” พ่อบ้านรีบเดินมาจากประตู
“ส่งพวกมันออกไป แล้วอย่าให้ฉันได้เห็นหน้าพวกมันอีก”
พ่อบ้านตอบรับ “ครับผม!”
คนถูกพาออกไปอย่างรวดเร็ว เฟิงจิ่งเหยาถึงลุกขึ้นและเดินไปที่บันได
ขณะเดิน สายตาก็พลันไปมองเห็นยาครีมสองกระปุกนั้นที่ลู่ซือหยี่ให้มา เขาเพียงเหลือบดูและไม่ได้สนใจ
ไม่มีเหตุผลที่ต้องใช้มัน
ภายในห้องนอนอันกว้างขวาง มีผ้านวมซาตินสีเบจและผ้าคาดเตียงลายสีฟ้า ทำให้เตียงนอนขนาดใหญ่ทั้งหลังดูสง่างามและสะดวกสบาย
เฟิงจิ่งเหยาผลักประตูออก ก็มองเห็นกู้ฉางฉิงที่นั่งอยู่บนเตียง
ภาพที่คือเห็นเธอกำลังขมวดคิ้ว ถือครีมไว้ที่มือข้างหนึ่งและกำลังทาที่หัวเข่า
กางเกงขายาวถูกดึงขึ้นเผยให้เห็นขาขาวเรียวเล็ก ตรงหัวเข่ามีส่วนที่ช้ำเขียวช้ำม่วง
เฟิงจิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น เดินเข้าไปอย่างช้า ๆ คว้าขวดครีมมาจากมือของเธอ
กู้ฉางฉิงสะดุ้งตกใจ “อะไรคะ?”
เฟิงจิ่งเหยานั่งลงข้างเธอแล้วพูดว่า “อย่าขยับ!”
กู้ฉางฉิงอึ้งไป “เอ้อ……ไม่ต้อง ฉันทำเองได้ค่ะ”
เธอเอื้อมมือไปคว้าขวดครีมแต่กลับถูกเฟิงจิ่งเหยาขวางไว้
“ผมทำเอง”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่นยืนยันที่จะทาครีมให้เธอ
กู้ฉางฉิงต้องถอนมือออกและเฝ้าดูเขาค่อย ๆ บีบครีมทีละน้อยและทาที่หัวเข่าของเธออย่างระมัดระวัง
เขาทาอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนมาก เสี้ยววินาทีนั้นราวกับหัวใจของเธอถูกทำให้กระตุก
การที่ถูกแตะต้องสัมผัสกาย ทำให้แก้มทั้งสองข้างกู้ฉางฉิงร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ทาครีมอยู่ไม่นานก็เสร็จ
เฟิงจิ่งเหยาเก็บขวดครีมแล้วพูดเบา ๆ ว่า “สองสามวันนี้ไม่มีธุระอะไรก็อย่าลุกเดิน และอย่าให้แผลถูกน้ำ”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและมีความอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้ซ่อนอยู่
กู้ฉางฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ” หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์
เฟิงจิ่งเหยาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เป็นสายโทรเข้ามาจากบริษัท เขาขมวดคิ้วถือโทรศัพท์แล้วเดินออกไป
กู้ฉางฉิงเพิ่งจะถอนหายใจ แต่……โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นเช่นกัน
เมื่อเห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ ‘กู้หงเซิน’ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมารู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยในใจ และเธอก็ไม่ได้กดรับสายในทันที