เห็นเธอยังเงียบอยู่ เฟิงจิ่งเหยาจึงอุ้มเธอไปที่ห้องอาบน้ำ
ลมหายใจแผ่วเบาที่แผ่ออกมาจากตัวเขาปกคลุมเธอไว้ กู้ฉางฉิงโอบรัดสองมือของเธอที่รอบคอเขาไว้แน่น เธอก้มศรีษะลงด้วยความเอียงอายไม่กล้ามองเขา
เสียงหัวใจของเขาดังสม่ำเสมออยู่ข้างหู รู้สึกราวกับมันกระทบไปถึงหัวใจของเธอ จนหัวใจเธอถึงกับเต้นโครมคราม
เฟิงจิ่งเหยาวางเธอลงอย่างเบามือบนขอบอ่างอาบน้ำ แล้วเอื้อมมือไปจะปลดกระดุมเสื้อให้เธอ
กู้ฉางฉิงตกใจมากจึงรีบห้ามเขา “ฉันจะทำเอง”
เมื่อเห็นเธอแลดูปกป้องตัวเอง เฟิงจิ่งเหยาก็อดไม่ได้ที่จะขำ “ทั่วร่างกายของคุณมีตรงไหนที่ผมยังไม่เคยเห็นอีก”
พอได้ฟังอย่างนั้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของกู้ฉางฉิงก็แดงก่ำขึ้นมา จึงตอบกลับด้วยความเหนียมอายว่า “นี่มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนกันตรงไหน?” เฟิงจิ่งเหยาถามอย่างจริงจัง
“ก็คือ……” กู้ฉางฉิงเงยหน้าขึ้นจะตอบ แต่เมื่อสบไปที่ดวงตาที่ยิ้มแย้มของเขา เธอก็กลืนคำพูดนั้นลงไป และเปลี่ยนเป็นพูดว่า “คุณออกไปเถอะ ฉันทำเองได้ค่ะ”
เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้น “หือ? ผลักไสไล่ส่งผู้มีพระคุณ?”
“ฉันเปล่าผลักไสไล่ส่ง”
กู้ฉางฉิงจ้องเขาอย่างไม่พอใจนัก
ก็เขาอยากเข้ามาช่วยเอง เธอไม่ได้ร้องขอสักหน่อย นี่จะเรียกว่าผลักไสไล่ส่งผู้มีพระคุณได้อย่างไรกัน?
เฟิงจิ่งเหยาไม่พูดอะไร มองไปที่เธอสักพักแล้วหันหลัง “ผมรออยู่ข้างนอกนะ มีอะไรก็เรียกแล้วกัน”
พูดจบ เขาก็ก้าวเท้ายาวออกไป ทั้งยังใส่ใจที่จะปิดประตูให้เธอ
กู้ฉางฉิงยืดคอขึ้น มองไปที่ประตูที่ปิดลง แล้วถอนหายใจยาว ๆ ออกมา
ยังดีที่เขาไม่ได้คะยั้นคะยอ ไม่เช่นนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร
พอคิดว่าเขารออยู่ข้างนอก เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะอาบน้ำ บวกกับอาการปวดที่แผลแล้วด้วย ทำให้เธอรีบอาบอย่างลวก ๆ เสร็จแล้วสวมชุดนอน จับผนังค่อย ๆ เขยื้อนตัวออกไป
เฟิงจิ่งเหยานั่งคอยอยู่บนขอบเตียง พอเห็นประตูห้องอาบน้ำเปิดออก ก็รีบลุกขึ้นไปพยุงเธอทันที
“ขอบคุณค่ะ”
กู้ฉางฉิงหันมายิ้มให้เขา
เฟิงจิ่งเหยาขยับคิ้วและพูดอย่างเรียบ ๆ ว่า “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนี้ก็ได้”
เมื่อพยุงเธอไปนั่งลงที่ข้างเตียงแล้ว ก็สังเกตุเห็นว่าหัวเข่าของเธอนั้นบวมช้ำมาก คิ้วของเขาขมวดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ดูก็รู้ว่าบาดแผลนี้มันเจ็บปวดมาก
แต่เธอยังทำราวกับไม่มีอะไร เธอจะเข้มแข็งเกินไปแล้ว
เขารู้สึกสงสารเธอจับใจ เขาเดินไปหยิบยาครีมที่อยู่ในตู้หัวเตียง แล้วนั่งลง
เมื่อเห็นเช่นนี้ กู้ฉางฉิงก็ตกใจและรีบปรามเขาไว้ “ไม่ต้องแล้วค่ะ ฉันทาเองได้”
จะทำเองอีกแล้ว!
เฟิงจิ่งเหยาเงยหน้าขึ้นด้วยความเคืองใจ
เสื้อนอนของกู้ฉางฉิงนั้นค่อนข้างจะเว้าลึกสักเล็กน้อย เพื่อจะห้ามปรามเขา เธอจึงโน้มตัวไปข้างหน้า
พอเขายกศรีษะขึ้นมาก็สบเข้าพอดีกับเนินอกขาว ๆ ของเธอจนเขาจ้องตาไม่กระพริบ
“ฉันทาเองดีกว่าค่ะ”
กู้ฉางฉิงยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น คว้าครีมหมับจากมือของเขา
ทีแรกนึกว่าเขาจะไม่ยอม ที่ไหนได้เธอสามารถแย่งขวดครีมมาอย่างง่ายดาย
กู้ฉางฉิงมองไปที่เขาด้วยคิ้วที่ขมวด จากนั้นถึงสังเกตเห็นสายตาของเขา
เธอก้มศรีษะลง มองตามแนวสายตาของเขา เพิ่งค้นพบว่าเธอถูกจ้องมองทะลุปรุโปร่งมานานแล้ว เธอตกใจรีบกำคอเสื้อไว้แน่น ใบหน้าของเธอแดงขึ้นจนเหมือนจะไหม้
เฟิงจิ่งเหยาเมื่อได้สติ มองเห็นปฏิกิริยาของเธอ เขาเหล่มองแล้วรีบคว้าเอาครีมกลับมา โดยไม่รอเธอตอบสนองเขาเริ่มบรรจงทาครีมให้กับเธอ
กู้ฉางฉิงอายจนขบริมฝีปากล่างไว้แน่น เขาเอาแต่ใจแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
หลังจากทางยาเสร็จแล้ว เฟิงจิ่งเหยาเงยหน้าขึ้นแล้วสบกับสายตาคู่งามของเธอ จู่ ๆ ก็นึกไปถึงฉากวาบหวิวที่เห็นเมื่อสักครู่ เขาลุกขึ้น และผลักเธอล้มลงบนที่นอน
“นี่คุณ……”
กู้ฉางฉิงกำลังจะเปิดปากพูดก็ถูกปิดลงด้วยริมฝีปากอันร้อนแรงของเขา
การจู่โจมอันหนักหน่วง ทำให้กู้ฉางฉิงไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน และทำให้ตกอยู่ภายใต้การรุกรานของเขาในที่สุด
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอส่งเสียงเจ็บปวดออกมาอย่างกระทันหัน ทำให้เฟิงจิ่งเหยาดึงสติกลับมาได้ ไม่เช่นนั้นคืนนี้ทั้งสองคนคงได้ลงเอยกันแน่
“รีบพักผ่อนนะ”
เฟิงจิ่งเหยาทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วรีบออกไป เหลือเพียงกู้ฉางฉิงคนเดียวบนเตียงนอนที่ยังไม่หลุดออกจากภวังค์
ในคืนนี้ เฟิงจิ่งเหยานอนค้างที่ห้องหนังสือ
ทีแรกกู้ฉางฉิงตั้งใจจะใช้ช่วงเวลาก่อนนอนเกริ่นเรื่องที่กู้หงเซินฝากฝังไว้ เห็นทีต้องหาจังหวะโอกาสอื่นซะแล้ว
วันรุ่งขึ้นเฟิงจิ่งเหยาก็ไปบริษัทแต่เช้า
หลังกู้ฉางฉิงทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็ใช้เวลาอยู่ในห้องเพื่อการ ออกแบบ
เมื่อถึงเวลาเที่ยง กู้ฉางฉิงวางปากกาที่อยู่ในมือลง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ท้องหิวจังเลย
หันกลับไปมองดูนาฬิกาดิจิตอลที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงนอน เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว
แต่ก็ยังไม่เห็นคนรับใช้ยกอาหารขึ้นมาให้
ตั้งแต่เธอมาที่นี่ ทุก ๆ วันแต่ละมื้ออาหารก็ตรงเวลา แต่ทำไมวันนี้ถึงมาช้านัก?
หรือว่าจะพากันลืมคนป่วยคนนี้ไปเสียแล้ว?
ด้วยความสิ้นหวัง เธอทำได้เพียงค่อย ๆ ขยับขาลงไปชั้นล่างด้วยตัวเอง
“ทำไมวันนี้สายป่านนี้แล้วยังไม่เริ่มจัดสำรับอาหาร” เธอคว้าคนใช้คนหนึ่งไว้แล้วถาม
เมื่อเช้าคุณหนูจิ้งมา บอกว่าอาหารที่พ่อครัวทำไม่ถูกปาก ก็เลยไล่พ่อครัวออก แล้วบอกว่าจะหาคนใหม่มาแทนค่ะ
เมื่อได้ยินคนใช้พูดดังนั้นแล้ว กู้ฉางฉิงโมโหจนหัวเราะออกมา
พ่อครัวทำอาหารได้ไม่ถูกปากอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาไม่ดีต่อเธอ อยากให้เธออยู่อย่างไม่เป็นสุข
เมื่อไม่มีอาหารสดใหม่จากพ่อครัว เธอจึงพึ่งได้แค่นมและขนมปังจากในตู้เย็น
อาหารกลางวันจึงผ่านไปอย่างเรียบง่ายเช่นนี้
แต่ไม่คาดคิดว่าจนถึงเวลาอาหารค่ำแล้วพ่อครัวที่เฟิงจิ้งหยวนบอกจะหามาใหม่ก็ยังมาไม่ถึง
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? คุณหนูจิ้งได้สั่งอะไรไว้ไหม?” กู้ฉางฉิงขมวดคิ้วถามคนใช้
คนใช้มีท่าทางอึดอัดใจ “คุณนายรอง ดิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ถ้าคุณนายหิวแล้วลองสั่งอาหารให้มาส่งดีไหมคะ?”
“ช่างเถอะ”
กู้ฉางฉิงปฏิเสธความหวังดีของสาวใช้ “ฉันจะเข้าครัวทำอาหารเอง”
ไม่เชื่อหรอกว่าเฟิงจิ้งหยวนจะทำให้เธออดตายได้
เมื่อเฟิงจิ่งเหยากลับถึงบ้านก็ตั้งใจจะขึ้นไปหากู้ฉางฉิง คิดไม่ถึงว่า คนที่ควรจะพักผ่อนอยู่ข้างบนนั้นกลับปรากฎตัวอยู่ในห้องครัว
อีกทั้งยังกำลังทำอาหารด้วยตัวเอง
เขาโกรธขึ้นมาทันที เดินก้าวเท้ายาวเข้าไป คว้าแขนของเธอขึ้นมา “นี่คุณกำลังทำอะไร?”
กู้ฉางฉิงตกใจ หันกลับไปมองเห็นเขาที่กำลังโกรธ เธอก็โมโหขึ้นมาบ้าง เธอกระชากแขนตัวเองกลับมา ตอบอย่างหงุดหงิดว่า “ทำกับข้าวไงคะ คุณไม่เห็นเหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาหรี่ตาลง “ผมถามว่าทำไมคุณถึงมาทำกับข้าวเอง? พ่อครัวไปไหนกันหมด?”
“ถูกไล่ออกหมดแล้ว” กู้ฉางฉิงเบะปาก
ถูกไล่ออก?
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว เมื่อถามถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาโกรธมากจึงเรียกคนรับใช้ทั้งหมดในบ้านมาดุด่า
ฉันจ่ายเงินจ้างพวกเธอ คือให้พวกเธอมาอยู่เฉย ๆ หรือ? ไม่มีใครทำอาหารเป็นเลยหรืออย่างไร? ถึงต้องให้คุณนายรองต้องลงมือเอง?”
คนรับใช้ต่างก้มหัวตัวสั่น ไม่มีใครกล้าส่งเสียงสักคน
ด้วยความโกรธ เฟิงจิ่งเหยาจึงไล่คนรับใช้ทั้งหมดออก
เรื่องนี้รู้เข้าถึงหูของเฟิงจิ้งหยวนและคุณนายเฟิงอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้ยินรายงานจากคนใช้ คุณนายเฟิงก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ยัยกู้ฉางซินนี่ร้ายกาจจริง ๆ
เฟิงจิ้งหยวนตกใจที่เพื่อยัยผู้หญิงคนนั้นแล้วหลานชายของเธอสามารถทำได้ถึงเพียงนี้ ถึงแม้เธอจะโกรธมาก แต่ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้
เฟิงจิ่งเหยาติดต่อกับชวี่ยี่ ให้เขารีบจัดหาพ่อครัวมาให้
กู้ฉางฉิงรู้สึกว่าตัวเธอนั้นไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น แค่หุงข้าวทำอาหาร เรื่องแค่นี้เธอสามารถทำได้
แต่เมื่อมองดูเฟิงจิ่งเหยาที่ทั้งสั่งสอนคนใช้และทั้งหาพ่อครัวคนใหม่ให้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนเย็นชาอย่างที่คิด