กู้ฉางฉิงขมวดคิ้ว ยังไม่ทันที่จะตอบสนองอะไร เสียงกรีดร้องอันแหลมคมก็ดังขึ้นข้างหูเธอ
“เลือด……”
เห็นหน้าผากของลู่ซือยวี่ที่กระแทกจนได้แผล หยดเลือดค่อย ๆ ไหลลงมา
มีเสียงอุทานเกิดขึ้นรอบ ๆ
กู้ฉางฉิงเห็นดังนั้น ก็ทำหน้าสบาย ๆ
เธอไม่ได้คาดคิดว่า พละกำลังอันน้อยนิดของเธอไม่เพียงจะทำให้ลู่ซือยวี่ถึงกับล้มกระแทก แถมยังได้รับบาดเจ็บอีก
ก่อนที่เธอจะได้ทันทำอะไรอีก สาวใช้ของลู่ซือยวี่ที่อยู่นอกประตูก็วิ่งพรวดเข้ามาเพราะได้ยินเสียง
เมื่อเห็นลู่ซือยวี่ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่พื้น ก็เกิดโมโหขึ้นมา จึงชี้ไปที่กู้ฉางฉิงและพูดด้วยความโกรธว่า “คุณนายรอง คุณมาทำร้ายคุณหนูของเราได้อย่างไร?
กู้ฉางฉิงขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันที่จะพูด ก็ถูกขัดจังหวะโดยลู่ซือยวี่เสียก่อน
“ซิ่วเอ๋อร์ หยุดพูดเถอะ เธอไม่ได้ตั้งใจหรอก”
เมื่อซิ่วเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ ก็อ้าปากค้างและพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณหนู นี่คุณหนูถึงกับเลือดตกยางออกเลยนะคะ”
กู้ฉางฉิงฟังพวกเธอพูดต่อปากต่อคำไปมา ก็เม้มปากแดงของเธอไว้แน่น
เธอรู้ดีว่าการที่ลู่ซือยวี่พูดจาแก้ต่างให้เธอในตอนนี้นั้นไม่ใช่เพื่อช่วยเธอ แต่ต้องมีแผนการอะไรอย่างอื่นแน่
“ตอนนี้มาพูดแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร ก็เห็นอยู่ว่าคุณหนูของเธอได้รับบาดเจ็บเลือดไหล ยังไม่รีบไปเอากล่องยามาทำแผลให้คุณหนูของเธออีก”
เธอมองไปที่ซิ่วเอ๋อร์และพูดอย่างเย็นชา
“ไม่จำเป็น เดี๋ยวฉันกลับไปจัดการเองได้”
เธอพูด และก็ไม่ลืมส่งสายตาไปที่ซิ่วเอ๋อร์
ซิ่วเอ๋อร์มองตาคุณหนูของตัวเองก็รู้ใจ พูดพลางแสยะยิ้มว่า “ก็จริง ตบหัวแล้วมาลูบหลัง คุณหนูของเราคงรับเกียรตินี้ไม่ไหว คุณนายรองเก็บไว้ใช้กับคนของตัวเองเถอะค่ะ คุณหนู พวกเรากลับกันเถอะค่ะ”
เมื่อพูดจบก็พยุงลู่ซือยวี่จากไป
พอพวกเขาจากไป เหล่าคนรับใช้ในบ้านก็เริ่มซุบซิบนินทากัน
“คุณนายรองท่านนี้ดูดูไปอารมณ์ไม่น่าจะดีนัก ต่อไปพวกเราทำอะไรก็ต้องระวังกันหน่อยแล้ว”
“ก็นั่นน่ะสิ เฮ้อ ยังนึกว่าจะหาเจ้านายที่ดีดีได้แล้วซะอีก”
“ว่าแล้วว่าการทำงานที่บ้านคนรวยมีเงินเดือนสูงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่ หวังว่าต่อไปจะได้อยู่อย่างเป็นสุขกันนะ ไม่อย่างนั้นได้หางานกันใหม่แน่”
กู้ฉางฉิงได้ยินที่พวกเขาคุยกันก็มีสีหน้าหนักใจ
ถ้าหากการที่ลู่ซือยวี่แสร้งทำเป็นอ่อนแอเมื่อครู่จะเป็นแผนการล่ะก็ เป้าหมายก็คงเป็นคำพูดเหล่านี้ที่เธอเพิ่งจะได้ยิน
นั่นก็คือต้องการทำลายภาพลักษณ์ของเธอต่อหน้าคนรับใช้ที่มาใหม่เหล่านี้
เมื่อคิดแล้ว เธอก็มองสำรวจไปที่เหล่าคนรับใช้ที่ทำตัวสงบเสงี่ยมระมัดระวังอยู่ต่อหน้าเธอ
เหล่าคนรับใช้ก็รับรู้ได้ถึงสายตาของเธอ ต่างก็เกรงจนไม่กล้าหายใจ ก้มมองต่ำไม่สบตา
“เอาล่ะ ยึดตามที่มอบหมายไปเมื่อสักครู่ก็แล้วกัน แยกย้ายกันได้แล้ว”
เมื่อพูดจบ ทุกคนก็ทำราวฝูงนกแตกรัง กู้ฉางฉิงเห็นแล้วก็ไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร หันหลังและกลับขึ้นห้องไป
ทางด้านลู่ซือยวี่ ที่ตอนนี้ซิ่วเอ๋อร์ได้เอากล่องยามาทำแผลให้เธอ
เมื่อถูกแอลกอฮอล์กระตุ้น เธอก็ปวดแสบขึ้นมา
“คุณหนู ทำไมเมื่อกี้ไม่ให้ฉันสั่งสอนมันล่ะคะ แถมคุณหนูยังต้องมาเจ็บตัวฟรีอีก”
ซิ่วเอ๋อร์มองคุณหนูของเธอกัดฟันแน่น รู้สึกเห็นใจ แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“พูดไปแกก็ไม่เข้าใจหรอก ทำแผลให้ดีดี”
ลู่ซือยวี่มองเธออย่างไม่สบอารมณ์
เธอจะปล่อยกู้ฉางฉิงนังสารเลวนั่นได้อย่างไรกัน ยังไงก็ตามก็ถือว่าได้รับบทเรียน
เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำเรื่องให้ใหญ่ขึ้น กู้ฉางฉิงอย่างมากก็แค่ถูกดุนิดหน่อย ไม่เจ็บไม่คันอะไร
เธอวางแผนไว้แล้ว ในเมื่อพี่จิ่งเหยาคอยปกป้องมันไปซะทุกเรื่อง เธอก็จะค่อย ๆ ทำให้พี่จิ่งเหยาปกป้องมันน้อยลงไปเอง
ครั้งเดียวไม่เห็นผล ก็สองครั้ง พอหลาย ๆ ครั้งเข้าพี่จิ่งเหยาก็ต้องมีเคลือบแคลงใจบ้างแน่
คิดแล้ว เธอก็รีบกำชับว่า “อย่าเช็ดคาบเลือดหมดซะล่ะ”
ขณะที่เธอพูด นัยย์ตาก็เปล่งประกายด้วยแผนการที่คำนวณไว้ และเธอก็ได้กระซิบบางอย่างให้กับซิ่วเอ๋อร์
“คุณหนูฉลาดที่สุด”
ซิ่วเอ๋อร์เข้าใจแผนการของคุณหนูของหล่อนเป็นอย่างดี รับคำสั่ง ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมประจบนาย
เที่ยงวันเดียวกัน ลู่ซือยวี่ก็ไปทานอาหารกลางวันร่วมกับคุณนายเฟิงที่บ้านใหญ่
ทันทีที่เธอเข้าไปในห้องอาหาร คุณนายเฟิงก็สังเกตุเห็นแผลบนหน้าผาก จึงอุทานด้วยความตกใจว่า “ซือยวี่จ๊ะ ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บ ทำไมไม่มีใครมาบอกฉันเลย”
“บาดแผลเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณป้าหรอกค่ะ”
ลู่ซือยวี่แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจในบาดแผล
ซิ่วเอ๋อร์เมื่อได้ยินคำนี้ ก็ทำหน้ามุ่ยไม่พอใจอยู่หลังเธอ
“คุณหนูคะ นี่เรียกว่าบาดแผลเล็กน้อยที่ไหนกัน คุณหนูลืมแล้วเหรอคะ เมื่อเช้าเลือดออกไปเยอะขนาดไหน คุณหนูยังจะปกป้องคุณนายรองอยู่อีก”
คุณนายเฟิงที่เป็นห่วงลู่ซือยวี่อยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกู้ฉางซิน ก็รีบถามด้วยเสียงดัง
“ไหนพูดสิ เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
เมื่อซิ่วเอ๋อร์ได้ยินคำนี้ก็รีบใส่สีตีไข่เล่าเรื่องให้คุณนายฟัง
“ยัยกู้ฉางซินคนนี้ นึกว่ามีจิ่งเหยาคอยสนับสนุน ก็ไม่กลัวขื่อแปเลยหรืออย่างไร?”
คุณนายเฟิงเมื่อฟังจบ ความโกรธก็พุ่งขึ้น “วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนเธอให้หลาบจำเสียที”
พูดไป ก็ทำท่าตั้งใจจะออกไปหากู้ฉางฉิงทันที
ลู่ซือยวี่เห็นเข้าดังนั้นก็รีบดึงตัวคุณนายเฟิงไว้
“ป้าหมิงคะ ป้าอย่าไปเลย ถ้าเรื่องมันบานปลายขึ้น พี่จิ่งเหยาก็ต้องลำบากใจอีก”
คุณนายเฟิงเมื่อได้ฟังดังนั้นก็หันมาจ้องเธอด้วยความโกรธ
“หนูเป็นถึงแบนี้แล้ว ยังจะมาเป็นห่วงความรู้สึกจิ่งเหยาอีกทำไมกัน?”
ลู่ซือยวี่ทำเป็นเขินอายและพูดว่า “หนูเป็นห่วงพี่จิ่งเหยาที่ไหนกัน หนูเป็นห่วงว่าคุณป้าจะทะเลาะกับพี่จิ่งเหยาเพราะเรื่องฉางซิน แล้วก็ทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกต้องแย่ลงต่างหากค่ะ”
เมื่อคุณนายเฟิงได้ยินคำพูดนี้ ในใจก็ยิ่งร้อนรุ่ม
แต่ถ้าให้ปล่อยกู้ฉางซินไปแบบนี้ เธอก็ไม่ยอม
“ถ้าอย่างนั้น เอาแบบนี้ดีไหม ป้าจะเรียกจิ่งเหยาให้กลับมาดู ไม่อย่างนั้นก็จะเอาแต่หาว่าเรารังแกกู้ฉางซิน และถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อหนูด้วย เราจะให้หนูเจ็บตัวโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้”
เธอกล่าวพร้อมกับกวักมือเรียกพ่อบ้านให้ส่งโทรศัพท์มาทันที
เพียงครู่เดียว ปลายสายก็รับ
“จิ่งเหยา รีบกลับมาตอนนี้เลยนะ”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนี้ “เกิดอะไรขึ้นครับ ผมกำลังจะเข้าประชุมแล้ว”
คุณนายเฟิงจึงรีบฟ้องว่า
“ก็ยัยกู้ฉางซินนั่นแหล ทำร้ายซือยวี่จนเลือดออก แม่จะให้เธอกลับมาเดี๋ยวนี้ทันที ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษฉันที่ไปจัดการเธอก็แล้วกัน”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว สงสัยว่าสองคนนั้นมาเผชิญหน้ากันได้อย่างไร
“เข้าใจแล้วครับ”
เขาตอบ พลางวางสายโทรศัพท์ หยิบกุญแจรถยนต์บนโต๊ะและเดินออกไป
ก่อนจากไปเขาไม่ลืมที่จะสั่งงานไว้กับผู้ช่วยว่า “ผมมีธุระต้องรีบไปก่อน คุณแจ้งลงไป ให้การประชุมเลื่อนออกไปก่อนนะ”
พูดจบ เขาก็หายไปอยู่ในลิฟท์แล้ว
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็กลับมาถึงบ้านตระกูลเฟิง
“คุณชาย”
คนรับใช้เห็นเขาก็ทักทายด้วยความเคารพ
เฟิงจิ่งเหยาถามหาตำแหน่งของกู้ฉางฉิง แล้วรีบเดินตรงไปหา
เวลานี้กู้ฉางฉิงกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่ห้องอาหาร เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่ด้านหลัง เธอก็หันมามองด้วยความประหลาดใจ
“คุณกลับมาได้อย่างไรคะ?”
เธอมองไปที่ชายผู้เย็นชาที่อยู่ด้านหลังเธอด้วยแววตาสงสัย
เวลานี้ เขาควรจะอยู่ที่บริษัทไม่ใช่หรือ?
เฟิงจิ่งเหยามองดูความประหลาดใจในแววตาของเธอ เขากระพริบตาแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “คุณแม่บอกให้ผมกลับมา บอกว่าคุณตีลู่ซือยวี่จนเลือดออก นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”