สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 59 ทำไมปกป้องเธอถึงเพียงนี้

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

พอกู้ฉางฉิงได้ยินแบบนี้ ก็เดาได้เลยว่าเขากลับมาทำไม

กลัวก็แต่ว่าหลังจากที่ลู่ซือยวี่กลับไปฟ้องคุณนายเฟิง คุณนายเฟิงก็เลยให้เขากลับมาจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น

เธอเหลือบมองชายหนุ่มตรงหน้าและพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณแม่ท่านว่าอย่างไรบ้างคะ?”

“คุณแม่บอกว่าคุณตีลู่ซือยวี่”

เฟิงจิ่งเหยาตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

กู้ฉางฉิงฟังแล้วยิ้มมองดูเขา

“แล้วคุณเชื่อหรือเปล่าคะ?”

เฟิงจิ่งเหยาเห็นแบบนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ผมต้องการรู้ความจริง”

เขากล่าว และมองไปที่กู้ฉางฉิงอย่างเย็นชาจนเธอชะงัก

ทีแรกเธอนึกว่า ชายคนนี้ได้ฟังเรื่องจากคุณนายเฟิงมาแล้วคงมากล่าวโทษเธอเป็นแน่

ชั่วขณะหนึ่งเธอมีความรู้สึกความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจ แต่เธอก็ไม่สนใจมัน

“ความจริงก็คือลู่ซือยวี่อยากตบฉัน แต่ฉันใช้แขนกันไว้ได้ ปรากฎว่าเธอกลับสะดุดล้มลงเสียเองและหน้าผากก็กระแทกเข้ากับพื้น”

เธอกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย

เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาเชื่อเรื่องที่เธอพูดหรือไม่

กู้ฉางฉิงก็มองไม่ออกเช่นกัน นึกว่าเขาจะไม่เชื่อ จึงชี้ไปที่คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณถามพวกเขาได้ เวลานั้นพวกเขาทุกคนก็อยู่กันหมด”

เฟิงจิ่งเหยามองตามมือที่เธอชี้ไป ก็เห็นคนรับใช้หลายคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีไม่สบายใจ

“ไหนลองว่ามาสิ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เขาสุ่มชี้คนรับใช้คนหนึ่งและถาม

คนใช้คนนั้นกดความตื่นเต้นที่อยู่ในใจและอธิบายเหตุการณ์ว่า “ตอนแรกคุณนายกำลังจะมอบหมายงานให้พวกเรา แต่จู่ ๆ คุณหนูท่านนั้นก็เข้ามาและมอบหมายงานต่าง ๆ ให้พวกเราแทนคุณนาย ต่อมาก็เกิดมีปากเสียงกันเล็กน้อย คุณหนูคนนั้นจะใช้กำลังกับคุณนาย โชคยังดีที่คุณนายป้องกันไว้ได้”

เมื่อฟังจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพียงแต่ส่งสายตาอันหนักอึ้งไปที่คนใช้คนนั้น

คนรับใช้ถูกมองจนขนลุกท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

“คุณชาย ที่ดิฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมด และตอนนั้นก็ไม่ได้มีดิฉันอยู่เพียงคนเดียว”

เฟิงจิ่งเหยามองไปที่คนอื่น ๆ

คนอื่น ๆ ก็พากันสบทบในสิ่งที่คนใช้คนนั้นบอก

“พอได้แล้ว พวกเธอลงไปเถอะ”

เมื่อฟังพวกเขาบรรยายจนจบ เขาก็โบกมือให้คนเหล่านั้นออกไป

เมื่อคนรับใช้ออกไปกันแล้ว ในห้องอาหารก็เหลือเพียงเขาและกู้ฉางฉิง

กู้ฉางฉิงนั่งอยูบนเก้าอี้ รอดูเขาจะจัดการอย่างไรต่อไป

ที่ไหนได้ เขาเพียงทิ้งท้ายว่าทานอาหารต่อเถอะ แล้วหมุนตัวจากไป

กู้ฉางฉิงมองตามไปทางทิศที่เขาออกไป ถ้าเดาไม่ผิดเขาน่าจะไปทางบ้านใหญ่แน่นอน

เธอคิดแล้วคิดอีก แต่ก็ไม่ได้ตามไป ได้แต่นั่งรอที่ห้องอาหารต่อไป

หลังจากที่เฟิงจิ่งเหยาออกไปก็ได้ตรงไปหาคุณนายเฟิง

“พี่จิ่งเหยา”

ลู่ซือยวี่เป็นคนแรกที่สังเกตุเห็นว่าเฟิงจิ่งเหยามาถึง

เวลานี้ที่หน้าผากของเธอได้ทำแผลเรียบร้อยแล้ว และด้วยทักษะการแสดงของเธอที่ทำตัวได้น่าสงสารมาก ทำให้คนทั่วไปที่พบเห็นอยากโอบกอดเธอไว้ด้วยความรักเอ็นดู

น่าเสียดายที่เฟิงจิ่งเหยาไม่ใช่คนทั่วไป

เขาเพียงแค่เหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา แล้วรีบหันสายตาไปทางอื่น

“คุณแม่ครับ”

เขาทักทายคุณนายเฟิง

คุณนายเฟิงได้ข่าวว่าเขากลับมาแล้ว แต่ตอนนี้กลับเห็นว่าเขาเข้ามาเพียงคนเดียว ก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

“ทำไมลูกเข้ามาคนเดียว กู้ฉางซินล่ะ? หรือว่า ตีคนแล้วก็ไม่กล้าโผล่หัวมาแล้ว?”

เฟิงจิ่งเหยาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ผมไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ฉางซินไม่ได้ทำร้ายใคร เธอไม่ได้ตั้งใจ”

พอคุณนายเฟิงได้ยินก็ตะลึงงัน และตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ “ทำไมถึงฟังความยัยคนนั้นข้างเดียว ผู้หญิงคนนั้นมักเต็มไปด้วยคำโกหกเสมอ อีกอย่างซือยวี่จะใส่ร้ายเธอได้หรือ?”

สีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาเข้มขึ้นหลังจากได้ยินคำนี้

เขามองไปที่ลู่ซือยวี่ที่ตีหน้าเศร้าอยู่ข้าง ๆ พลางเม้มริมฝีปากของเขา “ใครว่าผมฟังความข้างเดียว ผมถามคนรับใช้ที่นั่นมาหมดแล้ว”

คุณนายเฟิงได้ยินแล้วก็ยิ่งไม่พอใจ

“คนใช้พวกนั้นล้วนเป็นคนของลูก ก็ต้องช่วยถือหางให้เธออยู่แล้ว ฉันไม่สนล่ะ เรื่องนี้ลูกต้องรับผิดชอบ สำหรับหญิงสาวใบหน้าสำคัญที่สุด ถ้าหากใบหน้าของซือยวี่เกิดมีริ้วรอยอะไรขึ้นมา ลูกต้องรับผิดชอบ”

ลู่ซือยวี่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาเกิดประกายแห่งความสุข เธอมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาด้วยความตื่นเต้น

นี่ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์จริง ๆ

เดิมทีเธอหวังเพียงจะให้ป้าหมิงเป็นตัวช่วยขจัดความรักที่พี่จิ่งเหยามีต่อนังสารเลวนั่น คิดไม่ถึงว่าป้าหมิงจะช่วยได้มากถึงเพียงนี้

เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าคำว่าต้องรับผิดชอบที่แม่บอกมานั้นหมายถึงอะไร เขาตอบกลับด้วยความเหลือทนว่า “จริงอยู่ที่คนรับใช้ล้วนเป็นคนของผม แต่พวกเขาทั้งหมดก็เพิ่งมาวันนี้เป็นวันแรก ถ้าคุณแม่จะยืนกรานว่าฉางซินตีซือยวี่จริง อย่างนั้นผมก็ต้องบอกว่าเธอรนหาที่เอง”

เขาพูดพลางมองไปที่ลู่ซือยวี่อย่างเย็นชา

“คนรับใช้เหล่านั้นผมเป็นคนหามาใหม่ และให้ฉางซินเป็นคนจัดการ คิดไม่ถึงว่าเธอยังไม่ทันได้จัดการอะไรก็ถูกซือยวี่จัดการแทนเสร็จสรรพ ซือยวี่เป็นคนผิดก่อนแท้ ๆ อีกอย่างที่ทั้งคู่มีปากเสียงกัน นั่นก็เพราะซือยวี่เป็นคนเริ่มก่อน ที่ได้รับบาดเจ็บก็เป็นเพียงอุบัติเหตุ ใครให้เธออยากจะตีคนก่อนเอง”

ลู่ซือยวี่เมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ก็ถึงกับหน้าถอดสี

“พี่จิ่งเหยา ฉันไม่ได้ทำนะคะ”

ดวงตาที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตาแห่งความน้อยใจได้จ้องไปที่เฟิงจิ่งเหยา เธอเขย่าหัวสั่นไปมาราวกับกลองป๋องแป๋ง

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจเธอ สายตาจับจ้องเพียงคุณนายเฟิง

แน่นอนว่าคุณนายเฟิงไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เขาพูด

เพราะกู้ฉางซินเคยมีประวัติไม่ดีกับเธอ เมื่อเปรียบเทียบกับลู่ซือยวี่ที่อ่อนน้อมเชื่อฟังอยู่เสมอ แน่นอนว่าเธอต้องเชื่อสิ่งที่ลู่ซือยวี่พูดเป็นธรรมดา

“จิ่งเหยา ยัยผู้หญิงคนนั้นเอายากล่อมประสาทอะไรให้ลูกกินกันแน่ ทำให้ลูกปกป้องเธอได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่คำพูดแม่ก็ไม่ยอมเชื่อ”

เธอดุเขาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ลู่ซือยวี่เมื่อได้ยินก็รีบอธิบายแก้ตัว

“พี่จิ่งเหยาคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปยุ่ง เพียงแต่เห็นว่าฉางซินไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็เลยเข้าไปช่วย นึกไม่ถึงว่าจะทำให้ฉางซินไม่พอใจ และยิ่งนึกไม่ถึงว่าจะพลอยทำให้พี่จิ่งเหยาไม่พอใจไปด้วย”

เฟิงจิ่งเหยารู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดของสองคนนี้ เขายิ่งไม่อยากมีปัญหากับผู้เป็นแม่

“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เรื่องนี้ก็ให้มันจบลงแบบนี้แล้วกัน ต่อไปถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉันห้ามซือยวี่เข้าไปที่บ้านฉัน ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะจัดการเรื่องไร้สาระของพวกเธอ”

เขาพูด และหันไปทางคุณนายเฟิง “คุณแม่ก็ด้วย ต่อไปผมจะกำชับไม่ให้ฉางซินมีเรื่องขัดแย้งกับคุณแม่เอง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมต้องขอโทษแทนเธอด้วย”

เมื่อพูดจบ เขาไม่ปล่อยให้พวกคุณนายเฟิงมีโอกาสได้แก้ต่างอะไร เพียงแต่ทิ้งท้ายไว้ว่าจะต้องไปประชุมต่อ แล้วเขาก็หันหลังจากไป

คุณนายเฟิงมองตามหลังเขาที่กำลังเดินจากไปด้วยความโมโห

ลู่ซือยวี่ยิ่งไม่พอใจ ไม่เข้าใจทำไมพี่จิ่งเหยาต้องคอยปกป้องกู้ฉางซินนางสารเลวนั่น

พวกเธอพากันโมโห แต่ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเฟิงจิ่งเหยากลับไม่ได้เชื่อคำของกู้ฉางฉิงทั้งหมด

ก่อนเขาจะออกไปนั้นได้สั่งให้พ่อบ้านเฝ้าดูกู้ฉางฉิงเอาไว้ และต้องคอยรายงานการเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวของเธอให้เขารับรู้

แน่นอนว่าเรื่องนี้กู้ฉางฉิงก็ไม่รู้

ในเวลานี้เธอนั่งอยู่ที่ห้องอาหาร เตรียมใจพร้อมที่จะต้องรับกับปัญหา

ใครจะไปรู้ รอมาครึ่งวัน ก็ไม่เห็นว่าเฟิงจิ่งเหยาจะกลับมาสักที

เธออดไม่ได้ที่จะยืดคอและมองออกไปทางประตู

และในเวลานี้เอง มีคนใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นเธอขยับตัว ก็กระพริบตาสองสามทีแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาเธออย่างใจกล้า

“คุณนายคะ คุณนายไม่ต้องรอคุณชายแล้วค่ะ คุณชายออกจากบ้านใหญ่ไปแล้ว ดูแล้วเหมือนจะทะเลาะกับทางนั้นไม่เบาเลยทีเดียว”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท