สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 63 เกลียดชัง

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้ฉางชิงก็เม้มริมฝีปากและพูดว่า:“แน่นอนว่าทำงาน”

เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว

เขารู้ว่าเธอกำลังทำงาน แต่เวลานี้เธอควรจะอยู่ที่แผนกออกแบบ ไม่ใช่อยู่ที่นี่

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็เห็นผ้าในมือของเธอและถามว่า:“ในมือคุณถืออะไร กำลังจะไปไหน?”

กู้ฉางชิงเมื่อเห็นว่าเขาถาม ก็ไม่ปิดบัง

ถึงอย่างไรเขาก็ถามเอง ไม่ใช่เธอเป็นคนฟ้อง

“รักษาการผู้จักการให้ฉันช่วยเอาผ้าไปเปลียนให้ดีไซเนอร์ชวี่”

เธออธิบายอย่างเรียบง่าย และทำให้เฟิงจิ่งเหยาต้องขมวดคิ้ว

“คุณกลับไปตอนนี้เลย ผมเชิญคุณมาไม่ใช่เพื่อให้คุณมาวิ่งเต้นทำงานให้คนอื่น คุณกลับไปทำงานของตัวเองเถอะ”

เมื่อกู้ฉางชิงได้ยิน ก็ยกมุมปากขี้นประชดประชัน

“ฉันแน่นอนว่ารู้หน้าที่ของตัวเอง แต่รักษาการผู้จัดการบอกว่า ฉันยังเป็นดีไซเนอร์ไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ฉันเริ่มจาการเป็นผู้ช่วยวิ่งเต้นทำงานให้คนอื่นก่อน”

เฟิงจิ่งเหยาสีหน้าแน่วแน่

ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาว่านี่เป็นความตั้งใจของลู่ซือยวี่

ถึงอย่างไรความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคนก็มีมานานแล้ว

“บริษัทไม่ได้ขาดคนวิ่งเต้นทำงานแทน เรื่องนี้ฉันจัดการเอง คุณกลับไปเถอะ”

กู้ฉางชิงก็ไม่ได้อยากมาวิ่งเต้นทำงานแทน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอพยักหน้าและก็กลับไปที่แผนกพร้อมกับผ้า

ไม่คิดว่าพอเธอเข้ามาที่แผนก ก็ถูกชวี่ชิงหยุนเห็นเข้า

“กู้ฉางซิน ไม่ใช่ว่าให้เธอเอาผ้าไปเปลี่ยนหรอ?ทำไมกลับมาอีกแล้ว?”

กู้ฉางชิงเมื่อได้ยินก็ยิ้มแล้วพูดว่า:“ขอโทษค่ะ ผ้าที่ดีไซเนอร์ชวี่ต้องการให้คนอื่นเอาไปเปลี่ยนแทนเถอะค่ะ เพราะฉันมาที่บริษัทไม่ได้มาวิ่งเต้นทำงานแทนคนอื่น”

เธอพูดจบก็ส่งผ้าคืนให้ชวี่ชิงหยุน

ชวี่ชิงหยุนมองผ้าที่อยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“กู้ฉางซิน นี่เธอหมายความว่ายังไง?”

“ตามความเป็นจริง ถ้าเธอไม่เชื่อก็ไปถามรักษาการผู้จัดการได้”

เมื่อพูดจบ กู้ฉางชิงก็เพิกเฉยต่อสีหน้าอึมครึมของเขา และเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานเพื่อเริ่มออกแบบ

ในเวลาเดียวกันในสำนักงาน ลู่ซือยวี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากชวี่ยี่

“ผู้ช่วยชวี่ พี่จิ่งเหยามีเรื่องอะไรหรอ?”

เธอแทบรอไม่ไหวที่จะถาม ดูเหมือนว่าเธอต้องการทำอะไรเพื่อเฟิงจิ่งเหยา

“คุณลู่ ท่านประธานให้ผมบอกคุณว่า เขาเชิญคุณกู้มาทำงานในตำแหน่งดีไซเนอร์ ไม่ใช่มาวิ่งเต้นทำงานให้คนอื่น”

เมื่อลู่ซือยวี่ได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งตัวทันที

เธอไม่ทันได้พูด ก็ได้ยินชวี่ยี่พูดต่อว่า:“ท่านประทานยังบอกอีกว่า หลังจากนี้ไปคุณกู้จะไม่อยู่ในความดูแลของคุณลู่อีก”

ลู่ซือยวี่ตะลึงอยู่นานกว่าที่จะโต้ตอบ

“พี่จิ่งเหยาหมายความว่าอย่างนี้จริงๆหรอ?”

เธอไม่เต็มใจที่จะถาม ไม่ง่ายเลยที่เธอจะได้เปรียบผู้หญิงเลวคนนี้ อยู่ต่อหน้าเธอยังกว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่

ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องการให้พี่จิ่งเหยาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงเลวคนนั้น

“เลขาชวี่ คุณบอกพี่จิ่งเหยาว่า ถ้าฉันไม่สามารถดูแลลูกน้องได้ ฉันเป็นรักษาการผู้จัดการจะมีประโยชน์อะไร?”

เมื่อชวี่ยี่ได้ยินก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย:“คุณลู่ ท่านประธานเพียงให้ผมถ่ายทอดคำพูดของเขา ถ้าหากว่าคุณมีอะไรจะพูด คุณก็รอให้พวกคุณเจอกันแล้วค่อยถามด้วยตนเอง”

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาไม่อยากยุ่งกับลู่ซือยวี่ จึงรีบวางสายโทรศัพท์โดยอ้างว่ามีงานต้องทำ

ลู่ซือยวี่มองไปที่โทรศัพท์ที่วางสาย และโกรธมากจนทำลายข้าวของทุกอย่างบนโต๊ะ

พี่จิ่งเหยากำลังปกป้องนังสารเลวนั่น!

และยังมีกู้ฉางซินนังผู้หญิงเลว เธอคิดว่าเธอแกร่งกล้านักรึไง เธอไม่ใช่ไปทำธุระหรอกหรอ ที่แท้ก็ไปฟ้องพี่จิ่งเหยา!

เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ตรงนี้ เธอไม่รู้ว่าการกระทำของเธอจะทำให้คนที่อยู่ข้างนอกตกใจ

“เมื่อกี้มันเสียงอะไร โครมครามน่าตกใจ”

“ดูเหมือนว่ามันมาจากห้องทำงานของรักษาการผู้จัดการ น่าจะมีบางอย่างตกลงบนพื้น”

“ไม่อย่างนั้นพวกเราเข้าไปดูกัน ถ้าหากของของรักษาการผู้จัดการหล่นจริงๆ พวกเราจะได้ช่วยเธอเก็บกวาด”

ทุกคนกระซิบ และมีหลายคนที่แนะนำ

ชวี่ชิงหยุนเป็นคนนำทุกคนไป

กู้ฉางชิงมองเห็นหลังของพวกเขาจากไป เธฮนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงานโดยไม่ขยับ

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงอุทานจากห้องทำงาน และมองไปที่ห้องโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงในห้องทำงาน ทุกคนจึงก้มลงไปช่วยกันเก็บกวาด

เมื่อเธอกำลังจะละสายตาออก เพราะไม่อยากอยู่ในสายตาที่โกรธแค้นของลู่ซือยวี่

แววตานั้นเหมือนอยากจะกลืนกินเธอเข้าไป

เมื่อกู้ฉางชิงเห็นก็ขมวดคิ้ว

ตอนแรกเธอก็งงไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยั่วโมโหเขา ไม่นานเธอก็เดาได้

เธอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เธอเจอกับเฟิงจิ่งเหยาในลิฟต์

เมื่อรวมเวลาก่อนหลังเข้าด้วยกัน คิดว่าเขาน่าจะจัดการกับเรื่องก่อนหน้านี้ เพราะดูจากท่าทางของลู่ซือยวี่ น่าจะถูกว่ากล่าวมา

ไม่อย่างนั้นจะโกรธจนต้องทำลายข้าวของได้ยังไง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก

ในวันต่อไปก็ไม่รู้ว่าการว่ากล่าวตักเตือนของเฟิงจิ่งเหยา จะทำให้ลู่ซือยวี่สงบมากขึ้นและไม่หาเรื่องทะเลาะอีก

กู้ฉางชิงก็มีความสุขที่ได้อยู่อย่างสงบ โดยนั่งวาดงานออกแบบใหม่อยู่ที่โต๊ะทำงาน

ส่วนการวิ่งเต้นทำงานให้คนอื่น คงกลายเป็นของคนอืนแล้ว

เมื่อถึงเวลาเลิกงานตอนเย็น เธอก็เก็บของและกลับไป

ลู่ซือยวี่ยืนอยู่ที่ประตูห้องทำงาน มองดูเธอจากไปด้วยความสง่าผ่าเผย ความเกียจชังในใจก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

กู้ฉางซิน อย่าคิดว่าพี่จิ่งเหยาหนุนหลังแล้ว เธอจะสามารถทำงานที่นี่ได้อย่างมีความสุข?

อย่าแม้แต่จะคิด!

ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แค่กะพริบตาก็เห็นรังสีสะท้อนรอบทิศทาง จากนั้นเธอก็ถือกระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากบริษัท

เธอก็ไม่ได้ไปที่อื่น แต่ตามกู้ฉางชิงกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง

อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้กลับไปที่ห้องทันที แต่ไปเยี่ยมคุณนายเฟิงเพื่อแก้ตัว

“ซือยวี่กลับมาแล้ว วันนี้ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”

คุณนายเฟิงมีดีใจมากที่ได้พบลู่ซือยวี่ และลากเธอไปเอาใจใส่

“ก็ดีค่ะ!”

ลู่ซือยวี่แสร้งทำเป็นยิ้มกว้าง ทำให้คุณนายเฟิงสังเกตเห็นความผิดปกติ และขมวดคิ้ว

“ซือยวี่ ทำไมดูเธอไม่มีตวามสุข เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?”

ลู่ซือยวี่ได้ยินดังนั้นก็หลบสายตา แล้วพูดว่า:“ไม่มีอะไรค่ะคุณป้าหมิง”

เมื่อคุณนายเฟิงเห็นแบบนั้นก็ยังไม่เข้าใจ มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ และเธอก็ถามอีกครั้ง

“ซือยวี่ ฉันยังไม่เข้าใจเธฮเลย บอกป้าหมิงมา เกินอะไรขึ้นกันแน่?มีคนในบริษัทรังแกเธอใช่ไหม?”

ลู่ซือยวี่ฟังแล้วก็กระพริบตา เธอตั้งใจเขินอายสักครู่ แล้วก็ค่อยๆบอกความจริงออกมา

“อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะอบรมลูกน่องยังไง”

ขณะที่เธฮพูดเรื่องเมื่อตอนกลางวันก็ใส่ไฟเพิ่มเข้าไปด้วย

ความหมายคราวๆคือกู้ฉางชิงอาศัยสถานะของตัวเอง และยังมีเฟิงจิ่งเหยาหนุนหลัง คนที่บริษัทไม่เชื่อฟังการจัดการของเธอ ทำให้เธอทำงานยาก

คุณนายเฟิงได้ยินอย่างนั้น ก็โมโลเป็นอย่างมาก

“ผู้หญิงคนนี้ไปที่ไหนก็ไม่สงบ เธอกำลังสร้างความยุ่งยากให้จิ่งเหยา ที่บริษัทก็ปล่อยให้เธอไปก่อเรื่องวุ่นวายใช่ไหม?”

ขณะที่เธอพูดความโกรธของเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้น:“ไม่ได้ ฉันต้องเธอมาตำหนิ ให้เธอได้รู้ว่าที่บริษัทไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาวางอำนาจบาตรใหญ่ได้!”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท