ในห้องพัก กู้ฉางชิงกำลังแช่ตัวในอ่างอย่างสบายใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงเคาะประตูจากด้านนอก
และไม่รอเธอตอบกลับ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในห้อง ไม่นานก็ได้ยินเสียงป้าหวังดังขึ้น
“คุณนายรอง คุณนายให้ไปพบที่บ้านหลัก”
เมื่อกู้ฉางชิงได้ยิน ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่พอใจมากที่ป้าหวังเข้ามาในห้อง โดยไม่รอให้เธอตอบกลับ
เธอหัวเราะเยาะ และตอบส่งๆกลับไปว่า:“ฉันทราบแล้วค่ะ คุณไปก่อนเลย อีกสักพักฉันจะไปค่ะ”
ขณะที่เธอพูด ร่างกายก็ไม่เคลื่อนไหวใดๆ
และป้าหวังก็ยังไม่ได้จากไป
เธอมองไปที่ประตูห้องน้ำและตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งจองหอง:“คุณนายรอง คุณนายให้ฉันรอไปพร้อมกันกับคุณ”
เมื่อกู่ฉางชิงได้ยินดังนั้น ก็เข้าใจความหมาย และอดที่จะขมวดคิ้ว
“เกรงว่าป้าหวังคงต้องรอนานแล้ว ฉันยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย”
ป้าหวังกล่าวอย่างเฉยเมยว่า:“ไม่เป็นไร ฉันรอคุณนายรองได้”
เมื่อกู้ฉางชิงเห็นอย่างนั้นก็กระพริบตาถากถาง
“ถ้าอย่างนั้นป้าหวังก็รอหน่อยนะคะ”
ขณะที่เธอพูดก็ค่อยๆล้างตัวอย่างช้าๆ โดยไม่เร่งรีบ
ป้าหวังรอที่นอกประตูอยู่นาน และคิ้วของเธอขมวดเมื่อได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำดังต่อเนื่อง ราวกับว่ามันยังไม่สิ้นสุด
เธอจึงไม่ได้เร่งรัดอีกที แล้วก็เดินจากไป
“ป้าหวัง ทำไมไปนานจัง?”
คุณนายเฟิงรออยู่ที่ห้องรับแขก ก็ถามอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าป้าหวังมาช้า
จากนั้นเธอก็เห็นว่ามีเพียงป้าหวังเท่านั้นที่กลับมา เธอยกคิ้วขึ้นและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“กู้ฉางซินล่ะ?ไม่ใช่ให้เธอไปตามมาหรอ?”
“ฉันไปตามคุณนายรองตามที่คุณนายสั่งแล้ว แต่คุณนายรองกำลังอาบน้ำอยู่ บอกว่าจะมาช้าหน่อย”
ในขณะที่เธอพูดคราวๆเกี่ยวกับบทสนทนาที่พูดกับกู้ฉางซิน เมื่อคุณนายเฟิงได้ยินก็โกรธมากขึ้น
บอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆ นังตัวร้ายทำให้เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังส่ายหน้า
ลู่ซือยวี่อยู่ข้างๆก็ยุยงส่งเสริมความคิดคุณนายเฟิง อีกเดี๋ยวกู้ฉางชิงมา เธอต้องสอนบทเรียนที่ดีให้เธอ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานาแค่ไหนแล้ว กู้ฉางชิงก็เดินอย่างเชื่องช้ามาถึงที่บ้านหลัก
เธอมองไปในห้องนั่งเล่นและเห็นว่าลู่ซือยวี่อยู่ที่นั่นด้วย จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยและจ้องมองไปที่คุณนายเฟิงที่สีหน้าอึมครึม
“คุณแม่ให้ฉันมาหามีเรื่องอะไรคะ?”
คุณนายเฟิงมองไปที่เธอและพูดตำหนิว่า:“กู้ฉางซิน เธอให้ฉันรออยู่นานเลยนะ ทำไม มีจิ่งเหยาคอยหนุนหลังให้เธอ ก็ไม่เห็นแม่อย่างฉันอยู่ในสายตาแล้วหรอ?”
กู้ฉางชิงรู้ว่าตัวเองชักช้าจนทำให้เธอต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มองต่ำลงและพูดว่า:“คุณแม่เข้าจผิดแล้วค่ะ ตอนนั้นฉันกำลังอาบน้ำและแช่ยาอยู่ คุณก็รู้ว่าก่อนหน้านี้หัวเข่าของฉันได้รับบาดเจ็บ คุณหมอบอกว่าให้บำรุงรักษาให้ดีดี”
เมื่อคุณนายเฟิงได้ยินก็รู้ว่ามันเป็นข้อแก้ตัวของเธอ แต่ก็ไม่สามารถหักล้างได้
“ได้ ฉันไม่อยากโต้เถียงกับเธอเรื่องนั้นแล้ว เรามาพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า”
เธอสูดหายใจเข้าลึก มองไปที่กู้ฉางชิงอีกครั้ง และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“ฉันได้ยินมาว่าวันนี้ที่บริษัท เธอสร้างปํญหาให้จิ่งเหยาไม่น้อย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นสะใภ้ของตะกูลเฟิง แต่ไปที่บริษัทไม่เหมือนกัน ที่บริษัทเป็นที่ทำงาน ไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาญาติพี่น้อง เข้าใจไหม?ต่อไปเธออยู่ที่บริษัทก็ช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าให้ฉันรู้ว่าเธอสร้างความยุ่งยากให้จิ่งเหยาอีก เธอก็กลับมาฉัน!”
เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินก็เกือบจะหัวเราะ
เธอหันดวงตาที่สวยงามของเธอมองไปที่ลู่ซือยวี่ แต่ก็ไม่ไพูออะไร
ผู้หณิงคนนี้มาฟ้องก่อนร้ายจริงๆ
ลู่ซือยวี่ดูเหมือนจะรับรู้การจ้องมองของเธอและมองย้อนกลับไปอย่างมีชัย
เมื่อเห็นเช่นนี้กู้ฉางชิงก็ยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้ม
“คุณแม่คะ ฉันรู้ว่าที่บริษัทเป็นสถานที่ทำงาน แต่ที่นั่นก็ยังมีเรื่องบางเรื่องอยู่ กลัวว่าบางคนจะลืมบอกคุณแม่”
ในขณะที่เธอพูดเธอมองไปที่ลู่ซือยวี่อย่างมีเลศนัย
เมื่อลู่ซือยวี่ได้ยิน ก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ไม่ดี แล้วก็ฟังกู้ฉางซินบอกความจริงเกี่ยวกับส่วนที่ปกปิดอยู่ของเธอ
“คุณแม่คะ คุณก็รู้ว่าจิ่งเหยาขอให้ฉันไปที่บริษัทเพื่อช่วยออกแบบสินค้า ไม่ใช่เพื่อไปทำงานนอกเหนือจากนั้น แล้วฉันก็ไม่ได้ไปหาจิ่งเหยา ฉันกำลังจะออกไปข้างนอกก็บังเอิญเจอจิ่งเหยาในลิฟต์ เขาเห็นว่าฉันดูแปลกๆ ฉันไม่โกหกจิ่งเหยา ดั้งนั้นจึงพูดความจริง”
เมื่อถึงตรงนี้แล้ว กู้ฉางชิงก็หยุดพูด
เธอเห็นสีหน้าคุณนายเฟิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และพูดต่อว่า:“ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไปถามจิ่งเหยาด้วยตนเองได้เลย ดูว่าฉันโกหกรึเปล่า”
คุณนายเฟิงไม่คิดว่าที่บริษัทจะมีเรื่องพวกนี้ เดิมทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็คิดขึ้นได้
เธอหันหน้าไปมองลู่ซือยวี่ เหมือนเป็นการถามเงียบๆว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
ลู่ซือยวี่เห็นเธอมองก็หวั่นเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงควบคุมตัวเองให้สงบสติอารมณ์และแก้ตัวว่า:“คุณป้าหมิง ตอนนั้นฉันเห็นว่าทุกคนกำลังยุ่ง มีแค่ฉางซินคนเดียวที่ว่าง ก็เลยให้เธอไปทำธุระแทน”
ขณะที่เธอพูดก็สังเกตท่าทีของคุณนายเฟิง เธอกลัวว่าในที่สุดภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนและรู้จักคิดที่เธอสร้างไว้จะถูกทำลาย
คุณนายเฟิงไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นเธอมองอย่างระมัดระวัง ก็รู้ว่าเธอสำนึกผิด และดูน่าสงสาร
“ในเมื่อซือยวี่ไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนี้ก็ถือว่าช่างมันเถอะ”
เธอช่วยพูดให้ลู่ซือยวี่
เมื่อพูดแล้ว ก็ต้องฟังเธอพูดอย่างเฉียบขาดว่า:“แต่หลังจากนี้เธอจำคำพูดของฉันไว้ว่าถ้าอยู่ที่บริษัทอย่าใช้สถานะแสดงอำนาจบาตรใหญ่กลั่นแกล้งพนักงาน จนทำให้จิ่งเหยาเดือดร้อน เธอเป็นพนักงานบริษัทก็ควรปฏิบัติตามระเบียบ เชื่อฟังเจ้านาย”
กู้ฉางชิงทำไมจะฟังคำเตือนที่เธอพูดไม่ออก เธอเม้มปากและพูดว่า:“ไม่ต้องกังวล ถ้าหากว่าฉันมีเรื่่องยุ่งยากก็จะไม่ไปหาจิ่งเหยา”
เมื่อคุณนายเฟิงได้รับการรับรองจากเธอแล้วก็รู้สึกสบายใจ จึงโบกมือให้ทุกคนกลับไป
กู้ฉางชิงก็ไม่อยากอยู่นาน พยักหน้าแล้วจากไป
เธอกำลังกลับไปที่บ้านหลังใหม่ของเธอ ไม่คิดว่าจะเจอกับเฟิงจิ่งเหยาที่เพิ่งจะกลับมา
คุณไปไหนมา?”
เขาถาม
กู้ฉางชิงไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงตอบผ่านไปว่า:“ไม่ได่ไปไหน แค่ไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน”
เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พยักหน้าและถามถึงเรื่องที่บริษัท:“วันนี้ที่บริษัทได้กำหนดผู้จัดการแล้ว ชื่อหลี่ม่าน วันหลังถ้ามีปัญหาอะไรก็ไปหาเขา รวมถึงเรื่องการออกแบบด้วย”
“ฉันรู้แล้ว” กุ้ฉางชิงพยักหน้า
เมื่อทั้งสองกลับถึงบ้านพัก เฟิงจิ่งเหยาก็ตรงไปที่ห้องหนังสือ
กู้ฉางชิงก็กลับไปที่ห้องเพื่อวาดภาพการออกแบบต่อ และนำไวน์แดงมาหนึ่งขวด
ในขณะที่ฝึกดื่มเหล้า เธอก็อยากผ่อนคลายๆ
ผลก็คือไวน์หนึ่งขวด ทำให้เธอเมาสลึมสลืออีกครั้ง
พอตกกลางดึกเฟิงจิ่งเหยาก็กลับมาที่ห้อง
เขาเพิ่งเข้านอนและกำลังจะผักผ่อน กู้ฉางชิงที่เมาสลึมสลือก็เข้ามากวน
เธอเลื่อนเข้าไปในแขนของเฟิงจิ่งเหยา ถูหน้าอกของเขาเหมือนกับแมว และส่งเสียงร้องอย่างพอใจ
เฟิงจิ่งเหยาแต่เดิมก็เป็นหนุ่มเลือดกำลังร้อน จะทนต่อการยั่วเย้าได้ยังไง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอากาศรอบๆที่เต็มไปด้วยลมหายใจอันหอมหวานของหญิงสาว และปะปนไปด้วยกลิ่นไวน์ ทำให้อดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้ม