กู้ฉางชิงไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของเธอ หลังออกจากห้องประชุม ก็กลับไปนั่งที่ของตัวเอง
ขณะที่เธอเตรียมจะวาดภาพออกแบบที่ยังไม่เสร็จต่อ ก็ได้ยินเสียงคุยกันหนุงหนิงอยู่ข้างหู
“อาจารย์ชวี่ ขอถามค่ะ มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้บ้างคะ”
“อาจารย์มู่ ฉันอยากเรียนกับคุณ ได้ไหมคะ?”
มองไปก็เห็นชวี่ชิงหยุนกับมู่ฉิงคงถูกรายล้อมไปด้วยนักศึกษาฝึกงานไม่น้อย
ต่างคนต่างแสดงออกว่าอยากติดตามเขาทั้งสองคน
ความสัมพันธ์ของพวกเขาตรงนั้นดูอบอุ่น ส่วนกู้ฉางชิงตรงนี้ดูเงียบเหงาน่ากลัว
เธอรู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงไม่มาหาเธอ เธอยักไหล่และไม่สนใจ
แบบนี้ก็ดีเธอมีความสุขและผ่อนคลาย ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับเด็กฝึกงานไว้
ขณะคิดเธอก็ละสายตากลับมา ตั้งใจจะทำงาน
ในขณะนั้นหางตาของเธอก็เห็นเงาคนยืนอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาอยู่เหนือหัวของเธอ
“อาจารย์กู้ คุณมีอะไรต้องการให้ฉันทำไหมคะ?”
กู้ฉางชิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ และเห็นเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
บนใบหน้าเธอส่วมแว่นตากรอบสีดำ ไม่ได้ปะแป้ง ใส่เสื้อผ้าก็เรียบง่าย เสื้อยืดเรียบๆจับคู่กับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ แต่งตัวเหมือนเพิ่งออกมาจากโรงเรียน
กู้ฉางชิงมองไปที่เธอ เห็นดวงตาที่สวยของเธอแล้ว ก็จำชื่อเด็กสาวคนนี้ได้
เธอชื่อชีเสี่ยวจิ่ว ซึ่งมาที่บริษัทก่อนหน้าเธอสองวัน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แม้กระทั่งนิสัยก็ชอบความสันโดษ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอก็รู้สึกแปลกใจที่เด็กสาวเป็นฝ่ายมาหาเธอ
คนที่มีสายตาเฉียบแหลมจะดูออกว่าผู้จัดการกับเธอไม่ลงรอยกัน อยู่กับเธอก็ใช่ว่าต้องเป็นอริกับผู้จัดการ
มิฉะนั้นคนเหล่านั้นจะหลบหลีกเธอเหมือนงูได้ยังไง
เมื่อเห็นความกังวลและความตึงเครียดที่รั่วไหลออกมาจากดวงตาของเด็กสาว เธอยิ้มและพูดว่า:“ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยฉันสร้างแบบ”
เมื่อชีเสี่ยวจิ่วได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกทันที
เธอรีบพยักหน้า และเดินมาข้างกู้ฉางชิงแล้วเริ่มลงมือ
“อาจารย์กู้ ต้องทำยังไงคะ?”
“เธอทำขนาดตามแบบแปลน ช่วยฉันตัดผ้าออกมาก่อน”
กู้ฉางชิงจัดงานให้เธอและในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะแก้ไข:“เธอไม่ต้องเรียกฉันด้วยความเคารพหรอก ฉันแบกรับคำว่าอาจารย์สองคำนี้ไว้ไม่ไหว เรียกแค่ชื่อฉันก็ได้”
พูดแบบนี้จะได้ไม่ถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์
ดูแล้วเธอยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนพวกนี้ จัดการอย่างเงียบๆก็ช่วยลดความยุ่งยากได้มาก
ใครจะรู้ชีเสี่ยวจิ่วจะส่ายหน้า และยืนยันว่า:“อาจารย์สองคำนี้คุณรับไว้ได้ อันที่จริงฉันเคยเห็นเว็บบอร์ดนั้นในต่างประเทศ”
เธอพูดพลางเม้มริมฝีปากและเขินอายแล้วพูดว่า:“ฉันชอบผลงานของคุณมาก อีกอย่างคุณก็เก่งมาก อันที่จริงฉันรู้สึกว่าความสามารถของคุณไม่ได้น้อยไปกว่าอาจารย์ชวี่เลย”
กู้ฉางชิงถูกเธอชื่นชมก็รู้สึกเขิอายและยังคงถ่อมตัว
เธอรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะมีคนในบริษัทสนใจเรื่องเว็บบอร์ด
แน่นอนว่าเธอจงใจปิดเรื่องเว็บบอร์ด
อย่างไรก็ตามเว็บบอร์ดนั้นเป็นของต่างประเทศ แม้ว่าเธอจะได้รับรางวัลมากมายในเว็บบอร์ดนั้นก็ตาม แต่คนในบริษัทล้วนเป็นคนที่มาใหม่ไม่น่าจะรู้จักเว็บบอร์ดนี้ เธอจึงไม่ได้สนใจ
สำหรับชวี่ชิงหยุนกับมู่ฉิงคง ทั้งสองคนจริงๆแล้วได้รับคำชมมาก เนื้อแท้แล้วเย่อหยิ่ง ทำให้พวกเขาดูถูกเธอว่าอาศััย‘ความโชดี’ ถึงอย่างไรในสายตาพวกเขาเธอก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้เกียรติเธอมากนัก
มีเพียงเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าที่ยอมรับการออกแบบของเธอ และบอกว่าเธอชอบมันมาก
สักพักเธอก็สนใจและแลกเปลี่ยนแนวคิดการออกแบบกับเธอ
ทั้งสองคนพูดคุยและทำงานในเวลาเดียวกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว
“อาจารย์กู้ เที่ยงแล้วไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ?”
ชีเสี่ยวจิ่วยังกล่าวคำเชิญไม่ทันจบ
กู้ฉางชิงก็ยืดเอว หาวและส่ายหัวพูดว่า:“ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเธอช่วยซื้อข้าวกลับมาให้ฉันหน่อย เมื่อคืนฉันไม่ค่อยได้นอน ฉันกะว่าเที่ยงนี้จะพักผ่อนสักหน่อย”
ขณะที่พูดก็ฟุบลงไปบนโต๊ะ
ชีเสี่ยวจิ่วเห็นอย่างนั้นก็ไม่ดึกดัน หันหลังแล้วเดินจากไป
ขณะที่คนอื่นๆทยอยกันออกจากที่ทำงาน
ลู่ซือยวี่ก็ออกมาจากห้องทำงาน เห็นกู้ฉางชิงฟุบอยู่บนโต๊ะทำงาน
เธอจ้องมองไปที่ร่างของกู้ฉางชิงด้วยความโกรธแค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงร่องรอยที่เธอเห็นในตอนเช้า เธอก็อยากจะบีบคอผู้หญิงเลวคนนี้ให้ตายในทันที
กล้ามายุ่งกับพี่จิ่งเหยาของเธอ!
สักวันเธอจะทำให้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ต้องเสียไปออกมา
ขณะที่คิดเธอก็จ้องมองกู้ฉางด้วยความเย็นชา และกำลังจะจากไป
แต่เมื่อเธอเดินผ่านโต๊ะทำงานของชวี่ชิงหยุน เธอก็เห็นภาพวาดการออกแบบบนโต๊ะทำงานของเขา เธอก็หยุดเดินในทันทีและแผนร้ายก็ฉายผ่านดวงตาของเธอ
ตอนนี้เธอไม่สามารถจัดการกับกู้ฉางซินผู้หญิงเลวคนนี้ได้ แต่เขาสามารถทำได้
เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วธอก็หยิบภาพวาดการออกแบบของชวี่ชิงหยุนเดินไปที่ด้านข้างของกู้ฉางชิงอย่างระมัดระวัง และยัดภาพวาดลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินลอยหน้าลอยตาเชิดออกไป
กู้ฉางชิงหลับลึกมากจนไม่รู้สึกตัว
จนกระทั่งชีเสี่ยวจิ่วทานอาหารเสร็จ ก็นำอาหารกลางวันกลับมาเธอ และเรียกให้เธอตื่น
“อาจารย์กู้ ตื่นตื่น มาทานข้าวค่ะ”
กู้ฉางชิงลืมตาสลึมสลือ อดทนกับความง่วงลุกขึ้นมานั่งกินข้าว และพูดคุยกับชีเสี่ยวจิ่ว
ไม่นานชวี่ชิงหยุนและคนอื่นๆก็ค่อยๆทยอยกันกลับมา
กู้ฉางชิงไม่สนใจ แต่ชวี่ชิงหยุนกรีดร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ
“ภาพวาดการออกแบบของฉันล่ะ?”
ก็เห็นว่าเธอเอาแต่คุ้ยๆบนโต๊ะด้วยสีหน้ากังวล
เมื่อเห็นเช่นนั้นคนอื่นๆก็รีบเข้ามาช่วย
“อาจารย์ชวี่ คุณลืมไว้ที่ไหนรึเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันจำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะ”
ชวี่ชิงหยุนโต้แย้ง
และผู้ช่วยของเธอก็ติดตามอย่างใกล้ชิดและพูดว่า:“ตอนที่ฉันออกไปก็เห็นภาพวาดการออกแบบอยู่บนโต๊ะนะ”
เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็ทำได้แค่ช่วยกันหา
มู่ฉิงคงมองไปที่พวกเขาและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า:“มันก็แปลกนะไปทานข้าวกันแค่แป๊ปเดียว ภาพวาดการออกแบบหายไปได้ยังไง เมื้อตะกี้มีใครอยู่ที่นี่บ้าง?”
ขณะที่เธอพูดก็มองไปรอบๆเพื่อเป็นการสอบถาม