กู้ฉางชิงรู้สึกถึงความไม่เต็มใจของเขา ในใจรู้สึกเป็นกังวล
เธอพยายามเกลี้ยกล่อมเฟิงจิ่งเหยา และสติปัญญาก็กลับมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า:“อันที่จริงฉันรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่ดีนั้น คุณภาพของผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าหากเป็นผ้าที่เธอเสนอสามารถให้ราคาพิเศษได้ และอย่างน้อยก็สามารถรับรองคุณภาพได้ด้วย”
เฟิงจิ่งเหยาฟังที่เธอพูดแล้วเงียบ สีหน้าไม่อาจคาดเดาได้
กู้ฉางชิงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเขาฟังที่เธอพูดหรือไม่ จึงพยายามพูดต่อว่า:“แม้ว่าพ่อของฉันจะเสนอความร่วมมือนี้ แต่เขาก็ไม่ใช่ว่าได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว จากมุมมองทางการค้า อันที่จริงสองครอบครัวร่วมมือกันก็เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกัน”
ในตอนท้ายของการสนทนาเสียงของเธอก็เปลี่ยนเป็นเบาลง:“ในเมื่อเป็นการร่วมมือของทั้งสองครอบครัวที่ได้รับประโยชน์ร่วมกัน ฉันคิดว่าคุณไม่ควรจะโกรธและปฏิเสธนะ”
เฟิงจิ่งเหยาเห็นหน้าตาที่ระมัดระวังของเธอแล้วก็ขมวดคิ้ว
เพียงแต่เขาพบว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คารมคมคายใช้ได้ เขาก็หลงเชื่อเธอไปไม่น้อย
แต่เรื่องของความร่วมมือตามที่เขารู้มา กู้หงเซินไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก
เพื่อเป้าหมายแล้วไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ลับหลังทำเรื่องไม่ดี คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เขารู้อย่างชัดเจน
การร่วมมือกับพังพอนอย่างนี้ เขาจำเป็นต้องระวังตัวให้มากๆ
ขณะคิดเขาก็เคาะโต๊ะด้วยความครุ่นคิด
กู้ฉางชิงได้ยินเสียง‘ติ๊กต๊อก’นั้นแล้ว ในใจก็เป็นกังวล
กลัวจริงๆว่าเฟิงจิ่งเหยาจะปฏิเสธการร่วมลงทุนก่อนหน้านี้
ในตอนนี้เธอรู้สึกเป็นกังวลไม่สงบ ได้แต่รอคำตอบจากเฟิงจิ่งเหยา
“เรื่องการร่วมมือกัน ฉันเห็นด้วย”
เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินอย่างนั้น ความกังวลของเธอก็ลดลง
และไม่รอให้เธอพูดอะไร เฟิงจิ่งเหยาก็พูดอย่างเคร่งครึมว่า:“แต่ถ้านำผ้าจากโรงงานของพ่อเธอมาทำเสื้อผ้า แล้วมีปัญหาด้านคุณภาพ ฉันไม่เพียงจะยุติความร่วมมือเท่านั้น แต่ฉันจะคิดบัญชีกับเธอด้วย เธอเข้าใจไหม?”
กู้ฉางชิงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วพยักหน้า:“ฉันเข้าใจค่ะ”
ใครสั่งให้เธอมาแทนที่กู้ฉางซินตอนนี้ และยังต้องมาเป็นแม่สื่อขอความร่วมมือนี้อีก
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็นความกลัดกลุ้มในดวงตาของเธอ เมื่อเห็นว่าเธอตกลงแล้ว ก็ทำเสียงฮึเบาๆ จากนั้นก็ลุกออกไปที่ห้องอาหาร
กู้ฉางชิงมองเขาเดินจากไปจากด้านหลัง นึกถึงสายตาเย็นชาเมื่อตะกี้ของเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
คิดๆดูแล้วสวรรค์ยังมีเมตตา กลัวว่าจากเหตุการณ์นี้จะทำให้ฉันเกือบแย่
ในขณะที่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความจำใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้อีกในวันข้างหน้า เรื่องมากขึ้น เธอก็จะยิ่งปวดหัวขึ้น
ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวลาจะผ่านไปเร็วๆ ให้เวลาในหนึ่งปีนี้สิ้นสุดลง
ขณะที่เธอภาวนา ก็กลับมาถึงห้องในเวลาเดียวกัน
หลังจากอาบน้ำแล้ว เธอก็ไม่ได้รีบพักผ่อน ร่างภาพออกแบบอีกสองภาพ ก่อนที่จะนอนลงบนเตียง
อย่างไรก็ตามตอนนี้เธอมีผลต่อเฟิงจิ่งเหยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเธอสามารถทำได้มากกว่านี้เธอก็สามารถทำได้มากขึ้น
ในขณะที่เธอคิด ก็สลึมสลือแล้วหลับไปบนหมอนนุ่มๆ
เวลานั้นในห้องหนังสือ
เฟิงจิ่งเหยานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่เอกสารบนโต๊ะไม่ได้ขยับเลย
สายตาเขาดูตึงเครียด เม้มริมฝีปากแน่น และดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคิดถึงกู้ฉางชิงผู้หญิงคนนั้น เข้ามาแตะเส้นตายของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ความโกรธในใจไม่สามารถระงับได้
แต่การควบคุมตนเองอย่างเข้มแข็ง ทำให้เขาระงับความโกรธได้ และสุดท้ายก็หยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมาตรวจดู
ยุ่งอยู่อย่างนั้นจนจะเที่ยงคืนแล้ว
เขานวดคลึงหน้าผากด้วยความอ่อนเพลียและง่วงนอน จากนั้นก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน และตั้งใจที่จะกลับห้องไปพักผ่อน
เห็นแสงไฟในห้องสว่างจ้า
คนที่ทำให้เขาโกรธมากมาตลอดครึ่งคืน นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอย่างสบาย
สักพักความโกรธที่เขากดมันเอาไว้ก็กลับขึ้นมาอีกครั้ง
ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าให้อภัยจริงๆ เขาโกรธอยู่กว่าครึ่งคืน แต่เธอสบายดีและยังมาหลับก่อน
เขาขบที่มุมปากอย่างเย็นชา จากนั้นดึงเน็คไทของเขาออกอย่างหงุดหงิด และทิ้งตัวลง
เขาแกว่งฝ่ามือ ทำให้ผ้าห่มที่คลุมตัวกู้ฉางชิงอยู่หล่นลงไปที่พื้น
กู้ฉางชิงตกใจตื่นเพราะความหนาว
และเขาไม่รอให้เธอโต้ตอบ ชุดนอนของเธอถูกฉีกออกอย่างป่าเถื่อน
ทันใดนั้นเขาก็เข้ามาจู่โจมอย่างรุ่นแรง
“เจ็บ——”
เธอเจ็บจนตัวโก้ง และน้ำตาคลอเบ่า
อย่างไรก็ตามเฟิงจิ่งเหยาทำกับเธออย่างไม่สงสาร ต้องการเธออย่างไม่สนใจใยดี
“ออกไป!”
กู้ฉางชิงแสดงออกมา ในขณะที่อดทนกับความรู้สึกไม่สบายตัว ตอบโต้โดยการผลักเฟิงจิงเหยาออก
แต่เฟิงจิ่งเหยามีอารมณ์มากในเวลานี้ เขาจะถอนตัวยังไง
เขาจับมือของกู้ฉางชิงกดไว้ทั้งสองข้าง แล้วก้มหน้าลงไปบดขยี้ปากเล็กๆนั่นในทันที ดูเหมือนนี่เป็นการแก้แค้น
กู้ฉางชิงน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดและความไม่สมัครใจ เธอก็ยิ่งขัดขืนมากขึ้น
แต่ความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ชายและผู้หญิงนั้นถูกลิขิตไว้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในเวลานี้เลย
ถึงแม้ว่ากู้ฉางชิงตั้งใจจะต่อต้านเฟิงจิ่งเหยาจนถึงที่สุด แต่ด้วยสรีระร่างกายของเธอก็ทำให้เธอพ่ายแพ้
เธอเริ่มจมอยู่กับความรู้สึกที่เฟิงจิ่งเหยานำมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป และตัวเธอก็อ่อนระทวย ทำได้เพียงปล่อยให้เขาทำตามความต้องการ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ในที่สุดเฟิงจิ่งเหยาก็หยุด ในเวลาเดียวกันเธอก็รู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว
เขาหันหัวไปด้างข้าง แล้วเห็นว่าที่แขนของเขามีรอยขีดข่วน
เขายากที่จะซ่อนความโกรธของเขาไว้
เขายอมรับว่าเมื่อตะกี้เขากระทำการป่าเถื่อน แต่ในเวลาต่อมาเขาได้ผ่อนคลายการกระทำของเขาแล้ว
แต่ผู้หญิงคนนี้ต่อต้านสัมผัสของเขาตั้งแต่แรกพบ
ทุกครั้งที่ต้องการ ถ้าไม่ใช่เพราะความเผด็จการของเขา ผู้หญิงคนนี้ก็จะซ่อนตัวเท่าที่เธอจะทำได้
ในขณะที่คิดเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย:“กู้ฉางซิน ถ้าไม่ใช่เพื่อภารกิจของคุณปู่ เธอคิดจริงๆหรือว่าฉันอยากแตะต้องผู้หญิงอย่างเธอ”
พูดจบเขาก็เหลือบมองไปที่กู่ฉางชิงอย่างเหยียดหยาม ดึงเสื้อคลุมอาบน้ำที่ปลายเตียง แล้วหันเข้าไปในห้องน้ำ
กู้ฉางชิงได้ยินเสียงน้ำจากห้องน้ำ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์และกล้ำกลืน
เดิมทีเธอคิดว่าหลังจากที่อยู่ร่วมกันมาหลายวันแล้ว ท่าทีของเขาที่มีต่อเธอน่าจะเปลี่ยนไป
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าในสายตาของเขา เธอยังคงเป็นเครื่องมือในการผลิตลูก!
ทั้งสองคนทะเลาะและแยกกันด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็นว่ามีสาวใช้แอบออกจากบ้านหลังใหม่ไป
เธอตรงไปหาลู่ซือยวี่ที่ลานบ้าน
“คุณหนูลู่ คุณชายใหญ่ใช้เวลาทั้งคืนในห้องของคุณนายรองตลอดสองวันที่ผ่านค่ะ”
เมื่อเธอเห็นลู่ซือยวี่ก็รีบรายงานสถานการณ์ที่เธอสังเกตเห็นในสองวันที่ผ่านมา
หลังจากที่สาวรับใช้ถูกเฟิงจิ่งเหยาไล่ออก ลู่ซือยวี่ก็หาทางซื้อตัวสาวรับใช้คนนี้ไว้
สาวใช้คนนี้มีประโยชน์มากกว่าสาวใช้คนก่อนมาก เรื่องอะไรก็สามารถเล่าให้เธอฟังได้
เมื่อเธอได้ยินดังนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
เธอไม่คิดว่าพวกเขาจะแค่นอนในห้องกันตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้เธอเห็นรอยจูบบนตัวกู้ฉางชิง เธอกลัวว่าถ้าผู้หญิงคนนี้ท้องจริงๆจะทำยังไง?
ถ้าหากเธอมีลูก ตำแหน่งคุณนายรองเกรงว่าจะต้องถูกครอบครองไปตลอดชีวิต
เธอจะยอมได้ยังไง
นั่นเป็นตำแหน่งของเธอ!
เธอไม่สามารถรออย่างนี้ได้ต่อไป เธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อขัดขวางไม่ให้กู้ฉางซินท้อง