กู้ฉางชิงฟังคำพูดของเธอจบ ก็ยิ้มเยาะไม่หยุด
เธอไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับหล่อนอีก เกรงว่าพูดมากไป ผู้หญิงคนนี้จะคิดว่านี่คือเธอปกป้องคนผิดอยู่
เห็นเธอหันหลังกลับ กวักมือเรียกคนที่รับผิดชอบ
“ถึงแม้วัตถุดิบเนื้อผ้าส่วนใหญ่จะดี แต่มีหลายชนิด ที่ไม่ได้มาตรฐานสูงสุด”
พูดจบ เธอพาผู้รับชอบมาที่ผ้าหลายชนิดทางด้านหน้านั้น
“คุณดูผ้าชนิดนี้ สีไม่สม่ำเสมออย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีปัญหาการตกสี แล้วก็ผ้าลินินอันนี้ วัตถุดิบหนา หลังจากแช่น้ำ ซักสองสามครั้งก็เปื่อยแล้ว”
เธอPassวัตถุดิบเนื้อผ้านี้ไปหลายชนิดแล้ว อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าลู่ซือหยี่ ยังทำให้ผู้รับผิดชอบของโรงงานเหงื่อตก
“คุณหนูบอกได้เลย ฉันจะให้คนทำใหม่”
เขาพูดจบ กวักมือเรียกพนักงานมา มาจัดการวัตถุดิบเนื้อผ้าที่กู้ฉางชิงคัดออก
กู้ฉางชิงยังนับว่าพึงพอใจ แต่ก็กล่าวเตือนว่า : “หลังจากนี้คนต่อไปให้ตั้งใจทำงานหน่อย พวกเราทำธุรกิจ การให้ความสำคัญและความซื่อสัตย์ แค่มีอย่างนี้ก็สามารถอยู่ได้นานแล้ว การทำงานมั่วๆไปสามารถทำลายอนาคตได้”
คนรับผิดชอบรีบกล่าวซ้ำๆว่า “ได้ ต่อไปนี้จะปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน”
กู้ฉางชิงเห็น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตรวจสอบต่อไป
และความยุ่งยากนี้ ก็เป็นไปตลอดทั้งเช้า
กู้ฉางชิงตรวจสองวัตถุดิบเนื้อผ้าทั้งหมด เลือกผ้าที่มีตำหนิออกจำนวนมาก
ผู้รับผิดชอบยอมรับผิดไม่หยุด
กู้ฉางชิงเห็นว่าเขามีทัศนคติที่ดี ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป
กลับกันเห็นหลี่ม่านยืนอยู่ข้างๆ เธอทำตามหน้าที่และเอาใจใส่อย่างมาก
ถึงอย่างไรก็อยู่ฝ่ายการทำงาน โดยไม่คำนึงถึงเหตุผลส่วนตัว มิเช่นนั้นจะยากมากที่จะประสบความสำเร็จ
ลู่ซือหยี่รับรู้ได้ว่าหลี่ม่านชื่นชมกู้ฉางชิง ความเกลียดชังและความโกรธก็ปรากฏขึ้นในแววตา
หญิงแก่คนนี้ เสียแรงที่ในตอนเช้าเธอพูดกับเธอมาตลอดทาง คาดไม่ถึงจะทรยศไปเห็ความสำคัญของหญิงชั่วกู้ฉางชิงนั่น!
เธอมีอะไรดี!
เห็นดวงตาสีแดงทั้งคู่ของเธอจ้องมองไปที่กู้ฉางชิง แววตานั่นปรารถนาอยากจะฉีกกู้ฉางชิงเป็นชิ้นๆ
กู้ฉางชิงงานยุ่งเพิ่งจะเสร็จ ก็ปะทะเข้ากับแววตาที่โกรธเดือดดาลของลู่ซือหยี่
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นประสาทอะไร
“หัวหน้าแผนกลู่มองฉันอย่างนี้ มีอะไรจะแนะนำหรอ? หรือว่า หัวหน้าแผนกลู่ไม่พอใจในวัตถุดิบ?”
ลู่ซือหยี่ไม่คาดคิดว่ากู้ฉางซินจะโจมตีเธอในทันที เลยพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้ว่าเธอไม่อยากจะยอมรับ แต่ไม่พูดไม่ได้ จึงเปิดทางให้กู้ฉางซินทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา
เธอก็เหมือนกับหากระดูกในไข่ไก่ อย่างไรก็หาไม่เจอ
เกรงว่าเรื่องนี้หลังจากสิ้นสุดลง หลี่ม่านจะให้ความสำคัญกับหญิงชั่วคนนี้เป็นพิเศษ และการจับผิดครั้งก่อนของเธอจะกลายเป็นบันไดสู่ความก้าวหน้าของเธอ
ก็เช่นนี้ เธอโกรธจนปอดแทบระเบิด ก็ไม่มีทางแก้ไข
กู้ฉางชิงจึงพูดอีกครั้ง โดยไม่สามารถรอความคิดเห็ของลู่ซือหยี่ได้นาน ก็รู้ว่าเธอไม่มีอะไรจะพูด น้ำเสียงเย็นชา เปลี่ยนเป็นแสดงท่าทีอ่อนโยน หันกลับมาพูดว่า : “ผู้จัดการใหญ่ วุตถุดิบผ้าตรวจสอบเสร็จแล้ว มีปัญหาฉันก็ให้พวกเขาทำใหม่ ตอนนี้เรากลับได้แล้ว”
หลี่ม่านได้ยิน ก็กวาดสายตาไปที่ลู่ซือหยี่ พยักหน้าแล้วพูดว่า : “งั้นก็กลับไปเถอะ”
ผู้รับผิดชอบเห็นเข้า ก็รีบเดินไปส่ง
รอเขาส่งกู้ฉางชิงและคนอื่นๆไปแล้ว จึงกลับไปที่ห้องทำงานและโทรรายงานกู้หงเซินทันที
“ท่านประธาน คุณหนูไปแล้ว”
กู้หงเซินทำเสียงอืมเบาๆ แล้วถามว่า : “พวกเขาต้องการวัตถุดิบผ้าใช่ไหม?”
“นอกจากที่มีปัญหา วัตถุดิบผ้าที่เหลือก็จองไว้แล้ว”
กู้หงเซินได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
“ฉันไม่ได้ให้คุณผสมผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่องไปในผลิตภัณฑ์ที่ดีเหล่านั้นหรอ? ทำไมถึงถูกหาเจอ คุณทำยังไง?”
ผู้รับผิดชอบเช็ดเหงื่อที่หน้าผากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อถูกถาม
“ฉันซ่อนแล้ว แต่ถูกคุณหนูหาเจอ”
กู้หงเซินฟังแล้ว เข้าใจได้ทันทีว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร สีหน้าเคร่งครึมลงทันทีทันใด
“ฉันรู้แล้ว ครั้งนี้แล้วไป ครั้งหน้า ฉันไม่อยากฟังควาผิดผลาดใดๆอีก”
ผู้รับผิดชอบเห็นอย่างนั้น รู้ว่าเขาผ่านด่านนี้ไปได้ พูดอย่างโล่งอกว่า : “ครับ ครั้งหน้าฉันจะระมัดระวัง”
พอเจาพูดจบ กู้หงเซินก็วางสายไป
แต่หลังจากที่เขาวางสายไป ก็โทรไปหากู้ฉางชิงทันที
เวลานี้กู้ฉางชิงกลับมาที่บริษัทแล้ว เห็นว่าเขาโทรมา
ในใจเธอก็คาดเดาเจตนาที่เขาโทรมาได้ แต่ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ ถามไปว่า : “มีธุระอะไร?”
“ธุระอะไร ในใจคุณไม่เข้าใจเลยเชียวหรอ?”
กู้หงเซินต่อว่าอย่างอารมณ์เสียทางโทรศัพท์ : “คุณรู้ว่าวันนี้คุณทำอะไร ทำให้ฉันเสียหายเท่าไหร่?”
กู้ฉางชิงขมวดคิ้วจนแน่น
“นั่นก็เป็นปัญหาของคุณ ฉันเพียงแค่ทำธุรกิจ”
เธอโต้แย้งด้วยน้ำเสียงเย็นชา แลกกับน้ำเสียงเยือกเย็นของกู้หงเซิน
“นี่ธุรกิจฉันไม่น่าจะมีอะไร เรื่องครั้งนี้ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคุณมากมาย แต่ว่าครั้งหน้า สำหรับวัตถุดิบผ้าที่มีตำหนิเหล่านี้ คุณควรทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้ฉันจะดีที่สุด”
ก็ไม่โทษที่กู้หงเซินตั้งใจสั่ง โรงงานนี้ในตอนแรกให้เขาลงทุนมากเกินไปในตอนแรก จึงต้องเอากลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามกู้ฉางชิงไม่รู้วิธีคิดของเขา ฟังคำพูดของเขาจบ ก็คิดปฏิเสธ
“ขออภัยฉันทำไม่ได้”
พูดจบ เธอกลัวว่ากู้หงเซินจะใช้อำนาจคุกคาม ก็เลยย้ายไปพูดถึงเฟิงจิงเหยาต่อว่า : “เรื่องนี้เฟิงจิงเหยาได้สั่งให้ฉันดูแลทางด้านนั้นแล้ว หากมีปัญหาใดๆ ก็จะยุติความร่วมมือได้ทุกเมื่อ ถ้าคุณต้องการร่วมมือกับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำ ก็ไม่ควรฉวยโอกาสที่จะเริ่มในตอนนี้ รีบยอมแพ้เถอะ เวลาเกิดเรื่องจะได้ไม่ทำให้ฉันเป็นแพะรับบาปไปด้วย”
กู้หงเซินได้ฟังคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเธอ ก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า : “ทำไม ให้คุณเข้าไปในตระกูลเฟิงไม่กี่วัน เธอก็คิดว่าตนเองเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเฟิงจริงๆหรอ? อย่าลืมนะ ทั้งหมดไม่มีอะไรเป็นของคุณ รอหนึ่งปีหลังจากนี้ คุณรับเงินไปแล้ว ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ”
พูดเป็นนัยว่า ตำหนิเธอที่ไม่สมควรจะดูแลสิ่งต่างๆ
เป็นธรรมดาที่กู้ฉางชิงจะฟังออก ฉับพลันก็ถูกตอกหน้าหงาย
เธอพูดด้วยความโกรธว่า : “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นเรื่องนี้ต่อไปฉันจะไม่ไปยุ่งเกี่ยยวอีก หลังจากนี้คุณมีอะไรก็อย่ามาหาฉัน ฉันจะให้คนอื่นในบริษัทรับช่วงต่อ”
พูดจบ เธอก็วางสาย
กู้หงเซินมองไปที่โทรศัพท์ที่ถูกวางสาย ใบหน้าฉุนเฉียว
ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่ายิ่งนานวันกู้ฉางชิงยิ่งไม่ฟังคำสั่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ให้เธอทำเรื่องอะไร ก็หาข้ออ้างแก้ตัวและขัดขวาง ตอนนี้กล้าบูดบึ้งใส่เขา!
เขาคิดถึงเรื่องนี้ ในแววตาเคร่งขรึมขึ้น
ดูเหมือนว่าช่วงนี้เขาจะอ่อนโยนกับเธอมากเกินไป ทำให้เธอลืมหน้าที่ที่รับผิดชอบไป
“กู้ฉางชิง อย่ามาท้าทายความอดทนของฉัน อย่าลืมนะ แม่ของคุณยังอยู่ในเงื้อมมือของฉัน ถ้าอยากให้แม่คุณอยู่ดีกินดี ก็จงเชื่อฟังฉัน!”
เขารู้ว่ากู้ฉางชิงไม่จะรับสายอีกแน่ ก็เลยส่งข้อความไปขู่
กู้ฉางชิงเห็นข้อความนี้ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ผู้ชายคนนี้ยังคงเลวทรามหน้าด้านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“นอกจากคุณจะเอาแม่มาขู่ให้ฉันยอมจำนนแล้ว ยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีกไหม?”
เธอถามกลับไปอย่างโกรธ แต่ทางด้านนั้นไม่มีการตอบกลับใดๆ
ดูเหมือนมั่นใจว่าเธอจะยอมจำนน