กู้หงเซินรับโทรศัพท์อย่างไม่พอใจเล็กน้อย
เพราะว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาติดต่อของพวกเขา
“มีเรื่องอะไร?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
กู้ฉางชิงไม่สนใจ ชี้แจงวัตถุประสงค์โดยตรง
“ทางด้านตระกูลเฟิงนี้กำลังเตรียมงานเลี้ยงวันเกิดให้ลู่ซือหยี่ ต้องการให้ฉันจัดการ คุณรู้ ฉันไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้ จำเป็นต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
พูดจบ ดูเหมือนเธอเกรงว่ากู้หงเซินจะปฏิเสธ จึงเพิ่มไปอีกหนึ่งประโยค : “ถ้าหากคุณไม่ช่วยฉัน ฉันอาจจะทำความแตกได้”
กู้หงเซินฟังแล้ว ในใจก็หมดความอดทนไปไม่น้อย กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันรู้แล้ว ฉันจะส่งคนมาช่วยคุณ”
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาจำเป็นต้องรักษายัยหนูนี่ให้อยู่ตระกูลเฟิง จะปล่อยให้เธอความแตกไม่ได้
“ฉันจะช่วยคุณเพียงครั้งนี้ คุณก็ต้องเรียนรู้ ยังมีเวลาอีกหนึ่งปี เรื่องจำเป็นต้องมีความสามารถไม่น้อย ฉันไม่สามารถส่งคนมาช่วยคุณได้ทุกครั้งไป”
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา พูดเตือนให้ระวัง
กู้ฉางชิงเข้าใจในความหมายของคำพูดเขา
ช่วยหลายครั้ง คนของตระกูลเฟิงจะสังเกตุเห็นถึงความผิดปกติได้
“ฉันรู้ ฉันจะเอาใจใส่”
เธอเม้มปากตอบรับ กู้หงเซินก็วางสายไป
……
วันที่สอง กู้ฉางชิงเพิ่งตื่นและลงไปชั้นล่าง พ่อบ้านก็มารายงานว่ามีคนของตระกูลกู้มา
เธอพนักหน้าตอบ ให้พ่อบ้านนำทางไป ไม่นานก็เห็นใบหน้าที่ทั้งสามคนไม่คุ้นเคยในห้องรับแขก
พวกเธอสวมชุดทำงาน หวีผมอย่างปราณีต ทุกคนดูมีความสามารถอย่างมาก
“คุณหนู”
ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าก็เรียกกู้ฉางชิงด้วยความเคารพ
“พวกคุณเป็นคนที่พ่อของฉันส่งมาช่วยฉันใช่ไหม?”
กู้ฉางชิงกวาดสายตาไปที่พวกเธอ แล้วหันเดินไปที่ห้องอาหาร
“ใช่ คุณหนูเรียกฉันว่าหัวหน้าจางก็ได้ อีกสองคนเป็นผู้ช่วยของฉัน”
หัวหน้าจางตอบกลับอย่างเรียบๆ
กู้ฉางชิงพยักหน้า รอทานอาหารเช้าเสร็จ เธอจึงพาหัวหน้าจางไปไปยังบ้านหลัก
เพิ่งเข้าไปที่ห้องรับแขก เธอก็เห็นคุณนายเฟิงกับลู่ซือหยี่คุยกันหัวเราะคิกคักอยู่ที่ห้องรับแขก
เพียงแค่ทั้งสองคนเห็นเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ลดลงทันที
“คุณมาทำไม?”
คุณนายเฟิงเอ่ยถามทันที
กู้ฉางชิงก็ไม่สนใจ พูดถึงวัตถุประสงค์ของตนเอง
“เมื่อวานแม่ไม่ได้บอกให้ฉันจัดการงานเลี้ยงวันเกิดให้น้องซือหยี่หรอ? ฉันไปหาคนที่เป็นมืออาชีพมา อยากจะปรึกษาหารือกับแม่เรื่องการเดินทางให้ละเอียด”
เธอพูดจบ ก็แนะนำปหัวหน้าจางให้คุณนายเฟิงรู้จัก : “นี่คือหัวหน้าจาง มีประสบการณ์ในการจัดงานเลี้ยงเหล่านี้มากมาย คิดว่าน่าจะทำให้แม่กัยน้องซือหยี่พอใจ”
คุณนายเฟิงคาดไม่ถึงว่ากู้ฉางชิงจะไปหาผู้ช่วยมาได้ หน้าตาหม่นหมองลงไปชั่วขณะ
“กู้ฉางชิงนี่คุณหมายความว่าอะไร? เรื่องนี้ฉันให้คุณจัดการทั้งหมด น่าจะดีกว่าคุณ เปลี่ยนมือแล้วก็เรียกคนมาลงมือจัดการ เธอไม่ได้เอาคำพูดของฉันมาใส่ใจเลยใช่ไหม?”
เดิมทีลู่ซือหยี่ไม่พอใจเพราะกู้ฉางชิงผลักภาระออกไป เห็นคุณนายเฟิงตำหนิเธออยู่ ในแววตาประกายความยินดีปรีดา
กู้ฉางชิงไม่ได้ใส่ใจสีหน้าที่แปลกไปของเธอ
เวลาฟังคำว่ากล่าวของคุณนายเฟิง ส่ายหัวแล้วพูดอย่างสงบว่า : “แม่จะพูดอย่างนั้นไม่ได้หรอก งานใหญ่ขนาดนี้ ท่านให้ฉันทำคนเดียว พูดจริงๆ ฉันไม่สามารถทำมันได้ จะเปลี่ยนให้ท่านทำ ก็เกรงว่าท่านก็จะทำไม่ได้”
คุณนายเฟิงได้ยิน ทำท่าทางต้องการจะสั่งสอน ทว่าถูกกู้ฉางชิงตัดบทซะก่อน
“แม่ คุณอย่าพูดเลย ฉันรู้ว่าคุณคิดจะพูดอะไร คุณอย่าโทษว่าฉันไม่ใส่ใจอะไร เพราะที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง วันนี้ฉันพาคนมาเตรียมงาน ถ้าท่านไม่ให้คนของฉันทำให้เสร็จ หากไม่ได้ ฉันก็ไม่เกลือกกลั้วด้วยแล้ว จะไดด้ไม่ต้องจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้น้องซือหยี่ หลังจากนั้นคุณค่อยมาตำหนิฉัน”
พูดได้ว่าฉีกหน้าเธอก็ว่าได้ ทำให้คุณนายเฟิงโมโหไม่เบา ยังจงใจให้ไม่มีวิธีโต้แย้งอีก
ลู่ซือหยี่เห็นเช่นนั้น จึงรีบเดินไปพูดปลอบโยนว่า : “คุณน้าหมิง เนื่องจากพี่สะใภ้รู้ว่าตนเองมีความสามารถไม่พอ อย่างนี้ก็ดี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เสียหน้าตระกูลเฟิง”
คุณนายเฟิงได้ฟังคำพูดนี้ของเธอ ถูกโน้มน้าวใจแล้ว ทว่าไม่มีความหมายที่จะพูด
แต่ลู่ซือหยี่ยังคงเห็นความนุ่มนวลของเธอ ฉะนั้นจึงพูดกับกู้ฉางชิงว่า : “งั้นก็รบกวนพี่สะใภ้แล้ว”
กู้ฉางชิงเห็นท่าทางเสแสร้งแกล้งทำของเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า : “เรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น น้องซือหยี่ยังต้องบอกกับหัวหน้าจางว่าตนเองชอบอะไร จะได้ไม่ให้งานเลี้ยงวันเกิดเกิดจุดด่างพร้อย”
ผู้จัดการจางก็ให้ความร่วมมือ หยิบสมุดโน๊ตออกมามองไปทางลู่ซือหยี่
ลู่ซือหยี่มองไปที่การกระทำของทั้งสองคน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กลับทำให้ในใจของเธอไม่มีความสุข
เธอควรจะภูมิใจมากไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นความอึดอัด?
โดยเฉพาะเมื่อเห็นหญิงชั่วนั่งสงบอยู่บนโซฟา ท่าทีเรียบเฉย ยิ่งเพิ่มความโกรธ
ชั่วขณะเธอก็เสียใจเล็กน้อย ไม่ควรให้หญิงชั่วคนนี้คิดวางแผนจัดงานเลี้ยง ทำให้เวลานี้เธอขี่บนหลังเสือแล้วลงยาก
แต่เรื่องได้ตัดสินใจไปแล้ว เธอคิดเสียใจในภายหลังก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่กัดฟันพูดในสิ่งที่ตนเองไม่ชอบออกมา
“ฉันไม่ชอบอาหารที่มันและรสจัดเกินไป ดังนั้นในวันนั้นต้องเป็นอาหารที่ไม่มันเป็นหลัก……สถานที่จัดงาน ฉันไม่ชอบแบบโบราณจนเกินไป ต้องมีรูปแบบใหม่ๆ……ยังต้องมีจดหมายเชิญแขก กระดาษจดหมายฉันต้องการเป็นกระดาษยี่โถ มีกลิ่นหอม เปลือกนอกต้องสวยงาม……”
เธอพูดจู้จี้จุกจิกมากมายเป็นครึ่งชั่วโมง เดิมทีก็รู้สึกลำบากใจ แต่ก็ตั้งใจพูดขอเรียกร้องจำนวนมาก แต่หัวหน้าจางที่มีความจำที่ยอดเยี่ยม ฉับพลันก็หมดความอดทนลง
“โอเค ก็คือสิ่งเหล่านี้”
เธอโบกมือแสดงอาการว่าพอแล้ว กู้ฉางชิงกวาดสายตาไปมองเธอเหมือนจะยิ้มไม่ยิ้ม เอียงคอถามว่า : “จำได้หมดแล้วใช่ไหม? แต่ไม่สามารถผิดพลาดได้ มิเช่นนั้นก็ให้คุณถาม”
หัวหน้าจางเห็นเช่นนั้น พยักหน้าด้วยความเคารพแล้วพูดว่า : “คุณหนูวางใจเถอะ จำได้หมดแล้ว”
กู้ฉางชินได้ยิน พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไม่นานก็หันไปยิ้มให้กับคุณนายเฟิงพูดว่า : “แม่ สองสามวันนี้ คนเหล่านี้อาจจะเข้าออกบ้านหลักบ่อยๆ หวังว่าแม่ท่านจะไม่โวยวายไม่พอใจจนเกินไป”
เธอต้องป้องกันไว้ล่วงหน้า พวกเขาจะได้ไม่ชวนทะเลาะในภายหลัง
คุณนายเฟิงไม่รู้ว่าในใจเธอคิดอะไร พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “พวกเธอสามารถเข้าออกชั้นหนึ่งได้ แต่ชั้นสองเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่อนุญาติ ไม่สามารถขึ้นไปโดยพละการได้”
“นี่เป็นเรื่องธรรมดา”
กู้ฉางชิงพยักหน้าเห็นด้วย ไม่นานก็กวาดสายตาไปที่ลู่ซือหยี่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แล้วหันกลับ และกำชับกับหัวหน้าตางและคนอื่นๆอีกครั้ง
“อีกสักครู่ออกไป พวกคุณไปซื้อของสำหรับจัดเลี้ยงก่อน จำไว้ว่าของทุกอย่างต้องดีที่สุด อย่าละเลยกับน้องซือหยี่”
หัวหน้าจางพยักหน้าตอบรับ
ลู่ซือหยี่ถูกพวกเขาเรียกว่าน้องซือหยี่ น้องซือหยี่ก็โกรธจนแทบกระอักเลือด
นี่กู้ฉางซินตั้งใจใช่ไหม!
เธอกัดฟันจ้องมองไปที่กู้ฉางชิง กู้ฉางชิงแสร้งำเป็นไม่เห็น ลุกขึ้นยืนโดยไม่หันกลับมามอง แล้วกล่าวลาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
คุณนายเฟิงเดิมทีไม่ได้อยากพบเธอ เลยไม่จำเป็นต้องชวนอยู่ต่อ
เธอให้พ่อบ้านไปส่งคน ก็เห็นสีหน้าของลู่ซือหยี่ไม่พอใจอย่างมาก
รู้ว่าเธอใส่ใจในคำพูดของกู้ฉางชิงเมื่อกี้นี้ จึงพูดปลอบใจว่า : “ซือหยี่ อย่าโกรธให้เสียสุขภาพเลย นี่เพิ่งจะเริ่มต้น ฉันไม่เชื่อว่าครั้งนี้เธอจะไม่พลาด”
ลู่ซือหยี่เป็นธรรมดาที่จะฟังเสียงเธอออก พยักหน้าในแววตาเยือกเย็น