สองคนจูบกันอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เสียงที่ครุมเครือดังเป็นพิเศษในห้องที่เงียบสงัด
จูบที่รุนแรงบ้าคลั่ง ทำให้กู้ฉางชิงไม่สามารถต้านทานได้
เธอจับเฟิงจิงเหยาไว้แน่นโดยสัญชาตญาณ เพื่อไม่ให้ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของตนเองล้มลงไป
แต่เธอก็ถูกจูบจนวิงเวียน ลืมแม้กระทั่งเปลี่ยนเป็นหายใจ แทบจะเป็นลมไปเพราะหยุดหายใจ
ดีที่เฟิงจิงเหยาสังเกตุเห็นจึงปล่อยเธอ
เขามองเห็นว่าหายใจหอบเหนื่อย แววตาครุมเครือของกู้ฉางชิง ยิ้มนิดๆแล้วพูดว่า : “ยังไม่เรียนรู้การเปลี่ยนลมหายใจอีกหรอ? หรือลืมจูบของฉันไปแล้ว?”
น้ำเสียงเหมือนตั้งคำถาม อีกทั้งยังดูเหมือนการเยาะเย้ย
กู้ฉางชิงฟังแล้ว เดิมทีหน้าแดงอยู่แล้ว ก็เดิมไปอีก เพิ่มลงไปถึงคอ
ทั้งตัวเหมือนกุ้งที่ต้มสุก แดงก่ำไปทั้งตัว
ในเวลาเดียวกันก็เหมือนน้ำใสในสระ
เฟิงจิงเหยาชำเลืองมอง แววตาเป็นประกาย ท้องน้อยดูเหมือนมีอะไรกลับมาอีกครั้ง
เพียงแต่เขาไม่ได้ควบคุมสถานการณ์ตรงหน้า แต่มีสติผลักกู้ฉางชิงออกไป
กู้ฉางชิงตกใจกับการกระทำของเขา ก็ผิดหวังเล็กน้อย
เธอสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของผู้ชายตรงหน้าเธออย่างชัดเจน ตามประสบการณ์ก่อนหน้า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้คำนึงถึงความปรารถนาของเธอ ใช้อำนาจบีบบังคับเธอ
แต่วันนี้ ทว่าเขาผลักเธอออกไป
ยังไม่รอให้เธอคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบว่าเฟิงจิงเหยาไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย นั่งอยู่ที่หัวเตียงแล้วพูดว่า : “คำนวณเวลา เวลานี้ควรเป็นเวลาที่คุณตั้งครรภ์ ช่วงหลายวันนี้คุณต้องใส่ใจร่างกายของตนเอง ดูๆว่าตั้งครรภ์ไหม”
กู้ฉางชิงตะลึงเมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้
รอสติกลับมา ในแววตาก็อดที่จะประชดตัวเองไม่ได้
อารมณ์เมื่อสักครู่ถูกโยนทิ้งไป ลดลงโดยฉับพลัน
เธอเกือบลืมไปแล้ว จุดประสงค์ของการกลับประเทศของชายคนนี้คือการมีลูกกับเธอ เหมือนกับเป็นหน้าที่
ส่วนความใคร่เมื่อกี้ เกรงว่าไม่ได้ควบคุมมันมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ใช่ปัจจัยบางอย่างที่จุดชนวนโดยเฉพาะจนยากที่จะทนได้
เธอคิดถึงตรงนี้ เธออดไม่ได้ที่จะตกใจกับความหดหู่ผิดหวังเมื่อกี้นี้
ทำไมเธอถึงสามารถมีอารมณ์เช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ไม่ใช่ของเธอ เป็นของกู้ฉางซิน
กู้ฉางชิง ไม่ต้องการถูกสายตาอ่อนโยนทำให้หลงกล
แล้วก็ไม่ต้องการให้เกิดความรู้สึกพิเศษกับผู้ชายคนนี้!
คุณต้องจำไว้เสมอ คุณเป็นเพียงตัวแทน เมื่อถึงเวลา คุณก็ต้องออกไป!
เธอเตือนสติตัวเองในไม่หยุด
อย่างนี้ คลื่นที่กระเพื่อมในใจของเธอก็กลับมาสงบใหม่อีกครั้ง
“ฉันรู้แล้ว”
เธอเก็บอารมณ์ที่มีทั้งหมด สีหน้าตอบรับอย่างเย็นชา ไม่มองเฟิงจิงเหยาแม้แต่นิดเดียว เก็บความง่วงจากด้านข้างแล้วเข้าห้องน้ำไป
เฟิงจิงเหยามองเธอเดินจากไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกได้ถึงว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่คิดอย่างไร ก็คิดไม่ออก
และในห้องน้ำ กู้ฉางชิงอาบน้ำด้วยน้ำเย็น ทำให้ตนเองสงบจากภายนอกสู่ภายในอีกครั้ง จึงออกมาจากห้องน้ำ
หลังจากออกมา เธอก็เห็นว่าเฟิงจิงเหยานอนไปแล้ว ปรากฏความสลับซับซ้อนในแววตา แต่เธอเก็บอาการอย่างรวดเร็ว
เธอเม้มปากเดินไปที่โต๊ะทำงาน ทำงานเย็บปักถักร้อยอย่างนุ่มนวลและจัดเก็บต้นฉบับแล้ว จึงเข้านอน
เป็นหนึ่งคืนที่สงบ
……
วันต่อมา กู้ฉางชิงตื่นขึ้นมา ข้างๆก็ไม่เห็นเฟิงจิงเหยาแล้ว
เธอก็ไม่ได้สนใจ ลุกขึ้นจากเตียง จัดการกับตนเอง
วันนี้เธอไม่ได้วางแผนว่าจะไปบริษัท ย่างไรก็ตามอาชีพนักออกแบบป็นอาชีพอิสระอยู่แล้ว
หลายวันมานี้รีบออกแบบเสื้อ เธอก็เลยยุ่งอยู่กับตนเองอยู่ในบ้าน จะได้ไม่ต้องวิ่งไปมาให้เสียเวลา
ยังเพิ่มงานเลี้ยงวันเกิดของลู่ซือหยี่ในมือให้เธอควบคุมเร่งรัด
เธอต้องจับตามองดีๆ แต่ไม่สามารถให้ทางด้านคุณนายเฟิงนั้นจับผิดได้
แต่ทว่าเรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจหวัง
ถึงแม้ว่าเธอจะระวังทุกๆที่ ก็ไม่สามารถหยุดปัญหาที่อยากจะมาหาเธอได้
ในคืนนั้น เธอกำลังออกแบบเสื้อใหม่อยู่ พ่อบ้านก็รีบเข้ามาหาเธอ
“คุณนายรอง ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องแล้ว”
กู้ฉางชิงได้ยิน มือก็สั่น ขมวดคิ้วถาม : “เกิดเรื่องอะไร?”
“นี่……คุณนายรองไปดูด้วยตนเองที่บ้านหลักเถอะ”
พ่อบ้านไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เร่งให้เธอไปดูด้วยตนเอง
สีหน้านั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก
กู้ฉางชิงเห็น ก็ตกใจ วางมีดปลายแหลมในมือที่กำลังตัดผ้าลงทันที รีบไปที่บ้านหลัก
เพิ่งจะเข้าไป เธอก็ได้ยินเสียงดุด่าจนแสบแก้วหูของคุณนายเฟิง
“ฉันเตือนพวกคุณแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าไม่อนุญาติ ก็ห้ามขึ้นชั้นบน! คุณใจกล้ามาก ไม่เพียงแต่ขึ้นไป ยังกล้าโขมยของอีก!”
เห็นคุณนายเฟิงอยู่ด้านหน้า สาวใช้คนหนึ่วสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้น
กู้ฉางชิงมองไปอย่างละเอียด ก็จำได้ว่าคนนี้เป็นลูกสาวของหัวหน้าจาง ชื่อเหอหลิน
เรียนรู้อยู่กับหัวหน้าจางตลอด เพื่อที่ตนเองจะรับช่วงสืบทอดต่อเมื่อหัวหน้าจางเกษียณ
เธอเห็นอย่างนี้ จึงคิดไปถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้อีกที ขมวดคิ้วจนแน่นขึ้นมา ไม่นานก็รีบเดินเข้าไปทันที
“เกิดเรื่องได้ยังไง?”
เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หัวหน้าจางเห็นเธอ ก็รีบตรงเข้ามา ใบหน้าไม่มีความสงบเยือกเย็นเหมือนตอนที่เพิ่งเจอกันแล้ว
“คุณหนู คุณนายบอกว่าอาหลินขึ้นไปโขมยของชั้นบน นี่ต้องมีคนเข้าใจผิดแน่ๆ เหอหลินไม่สามารถขึ้นไปโขมยของชั้นบนได้แน่นอน คุณหนูต้องตัดสินพวกเราด้วยตัวเอง”
กู้ฉางชิงได้ฟังแล้ว ก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
แต่ไม่รอให้เธอได้พูด คุณนายเฟิงก็จ้องมองเธอ เกิดโทสะในชั่วขณะ
“กู้ฉางซิน ดูคนรับใช้ตัวดีที่คุณพามา ยังมาบอกว่าอบรมสั่งสอนมาดี นี่โขมยของในบ้านแล้ว!”
กู้ฉางชิงเม้มปาก มองไปทางเหอหลินด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง
เหอหลินสังเกตเห็นสายตาของเธอ เนื้อตัวก็สั่นเทา สองตาแดงก่ำร้องไห้พูดว่า : “คุณหนู ฉันไม่ได้โขมย ฉันไม่ได้โขมยจริงๆ”
หัวหน้าจางเห็นเช่นนั้นก็รีบพูดคล้อยตาม : “คุณหนู คุณต้องเชื่อพวกเรานะ พวกเราทำงานอยู่ตระกูลกู้มาสิบกว่าปี จะทำผิดพลาดชั้นต่ำแบบนี้ได้อย่างไร”
ลู่ซือหยี่ได้ฟังคำพูดที่ปฏิเสธความรับผิดชอบของพวกเธอ ก็ปรากฏความไม่พอใจในแววตา
“พวกคุณไม่ได้โขมย งั้นของจะวิ่งไปอยู่ที่ตัวคุณเองหรอ?”
เธอพูดถากถางด้วยความโกรธ ทำให้หัวหน้าจางและเหอหลินเงียบไปชั่วขณะ ใบหน้าแดงไม่หยุด
นี่เป็นเรื่องจริงที่พวกเขาไม่สามารถโต้แย้งได้!
ลู่ซือหยี่เห็นเช่นนี้ ในแววตาประกายความลำพองใจมองไปที่กู้ฉางชืง
กู้ฉางชิงชำเลืองมอง รู้สึกได้ว่าภาพด้านหน้านี้คุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก แค่นึกไม่ออก
เธอทำได้แค่ช่างมัน กวาดสายตาไปที่หัวหน้าจาง แล้วหันกลับมาถามว่า : “แม่ ไม่ทราบว่าของอะไรของท่านหายไป?”
คุณนสยเฟิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า : “ของที่หายไม่ใช่ของฉัน คุณน่าจะถามซือหยี่”
กู้ฉางชิงหันมองไปที่ลู่ซือหยี่โดยจิตใต้สำนึก ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็กลับมาโจมตีในใจอีกครั้ง
ชั่วแวบเดียว จู่ๆเธอก็นึกถึงเรื่องการโขมยแผนการออกแบบที่ห้องทำงานก่อนหน้านี้ได้
ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวครั้งนี้ ผู้หญิงคนนี้กำลังใช้กลอุบายเก่าๆซ้ำหรือไม่
คิดจบ เธอก็เอ่ยถามด้วยสายตามีเลศนัยว่า : “ไม่ทราบว่าครั้งนี้น้องซือหยี่ทำอะไรหายหรอ?”
เธอทิ้งน้ำหนักในคำพูด เตือนสติเรื่องในห้องทำงานกับลู่ซือหยี่
เป็นธรรมดาที่ลู่ซือหยี่จะฟังออก จ้องมองเธอด้วยความโกรธและอาย ตอบกลับไปว่า : “สาวใช้คนนี้โขมยสร้อยข้อมือฉันไปหนึ่งเส้น ถึงแม้ว่าสร้อยข้อมือนั้นจะสึกหรอไปเล็กน้อย ฉันใส่น้อยมาก แต่นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่คุณน้าหมิงให้ฉันเมื่อสองปีก่อน”