สองวันผ่านไปอย่างสงบสุข และงานเลี้ยงวันเกิดของลู่ซือหยี่ก็เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว
สถานที่ถูกตกแต่งได้อย่างสวยงามตามที่เฟิงจิ่งเหยาได้ให้สัญญาไว้ ทำให้ลู่ซือหยี่ที่ยิ่งเห็นก็ยิ่งแน่วแน่ในแผนการณ์ของเธอ
ในที่สุดวันนี้ที่เป็นวันเกิดของเธอก็มาถึง
แม้จะบอกว่าคุณหนูตระกูลลู่นั้นเป็นเพียงแขกในบ้านตระกลูเฟิง แต่ตระกูลผู้ร่ำรวยทั่วทั้งเมืองต่างก็ให้เกียรติมาร่วมงาน
ในงานเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มาก แขกเหรื่อมากันอย่างคับคั่ง
รถหรูทุกชนิดถูกจอดเรียงคิวยาวอยู่นอกประตู
กู้ฉางฉิงสวมเดรสยาวแนบเนื้อพอดีตัวสีม่วงอ่อน และแต่งหน้ารับกับชุด เดินเข้าบ้านใหญ่มาพร้อมกับเฟิงจิ่งเหยา
วันนี้เฟิงจิ่งเหยาก็ยังคงสวมสูทสีดำตามเคย แต่ก็ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อเลยเมื่ออยู่บนตัวเขา
ร่างที่สูงเรียว บวกกับฐานะสูงส่งราวพระราชาที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกเกรงกลัวตั้งแต่แรกเห็น
ตรงข้ามกับกู้ฉางฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งเขาโดดเด่นเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งไม่เป็นที่สะดุดตามากเท่านั้น ในสายตาของผู้คนมีเพียงเฟิงจิ่งเหยาเท่านั้นที่ราวกับเป็นเทพบุตร
ลู่ซือหยี่ก็สังเกตเห็นพวกเขาทั้งสองคนเช่นกัน และเธอก็ไม่ได้สนใจกู้ฉางฉิง แต่กลับจ้องไปที่เฟิงจิ่งเหยาด้วยสายตาละโมบ ลืมสนใจแม้กระทั่งพ่อแม่ที่กำลังคุยกับเธออยู่
คุณแม่ลู่มอง เธอจะไม่รู้ความคิดลูกสาวของตัวเองได้อย่างไร
แววตาของเธอเป็นประกาย จากนั้นเธอก็เผยรอยยิ้มสวยงามและหันมาพูดคุยกับคุณนายเฟิง
“หลายปีมานี้ ลำบากให้คุณต้องมาดูแลซือหยี่แทนจริง ๆ”
คุณนายเฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม “ลำบากที่ไหนกัน ซือหยี่เด็กคนนี้เป็นเด็กดีน่ารักมาตลอด คุณนายลู่ต่างหากที่อย่ามาโทษว่าถูกเราแย่งซือหยี่ไปก็แล้วกัน”
“ไม่แน่นอนค่ะ พวกเราก็หวังว่าจะมีคนรักและเอ็นดูซือหยี่เหมือนเรา”
ทั้งสองคุยไปหัวเราะไป ส่วนคุณพ่อลู่กับเฟิงซู่ก็คุยเรื่องธุรกิจกันอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง
เมื่อกู้ฉางฉิงเข้ามาพร้อมกับเฟิงจิ่งเหยา และเห็นเข้ากับภาพที่กลมเกลียวนี้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยประกายให้ความสับสน
เห็นท่าทีสนิทสนมของคุณนายเฟิงที่มีต่อพวกเขาแล้ว คนที่ไม่รู้ก็คงจะเข้าใจว่าบ้านตระกูลลู่เป็นทองแผ่นเดียวกับพวกเขาแล้วแน่ ๆ
เธอคิดกับตัวเอง แล้วหันไปเห็นลู่ซือหยี่
ก็พบว่าเธอกำลังส่งสายตาที่เปี่ยมด้วยความหลงใหลไปทางเฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่สามารถปกปิดได้
ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดนี้เธอช่างไม่กลัวใครจะมาเห็นเข้ากับปฏิกิริยานี้เสียจริง
ขณะที่กำลังคิด ก็ได้ยินเสียงของเฟิงจิ่งเหยากล่าวทักทาย
“คุณพ่อ คุณแม่”
เฟิงจิ่งเหยาทักทายพ่อแม่ของตัวเอง จากนั้นมองไปที่บ้านตระกูลลู่
“คุณลู่ คุณนายลู่ ซือหยี่”
ไม่รู้ว่าเพราะวันนี้เป็นวันเกิดของลู่ซือหยี่หรือเปล่าเขาจึงพูดกับเธอเพิ่มขึ้นอีกว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่จิ่งเหยา”
เมื่อลู่ซือหยี่ได้รับคำอวยพรจากเฟิงจิ่งเหยา ความสุขก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่อาจจะปิดบังไว้ได้
เธอขอบคุณเขาอย่างเขินอาย รอยยิ้มปรากฎขึ้นให้เห็นบนใบหน้าของทั้งสองครอบครัว
เมื่อกู้ฉางฉิงเห็นดังนั้น ก็รีบกล่าวคำทักทายตามด้วย
พ่อแม่ลู่มองไปที่เธอ
แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่พวกเขาก็รู้จักกู้ฉางฉิงเป็นอย่างดี
เพราะลู่ซือหยี่เล่าเรื่องเธอให้พวกเขาฟังอยู่ไม่น้อย และผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนที่ชิงเอาการแต่งงานที่พวกเขาหมายตาไว้ไป
พวกเขาก็หุบยิ้มบนใบหน้า พยักหน้าทักทายกู้ฉางฉิงอย่างเฉยเมยว่า “คุณกู้”
กู้ฉางฉิงไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีเฉยเมยของพวกเขา เธอหันมายิ้มและอวยพรลู่ซือหยี่ “สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องซือหยี่”
“ขอบใจ”
ลู่ซือหยี่ตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ
บรรยากาศก็เย็นขึ้นมาทันใด
คุณนายเฟิงเข้าใจดีว่าเป็นเพราะอะไร เธอมองไปที่กู้ฉางฉิง เหลืบตาลงและพูดว่า “ฉางซิน วันนี้มีแขกเหรื่อมาไม่น้อยเลย เธอออกไปดูแลทักทายแขกแทนฉันหน่อยนะ”
กู้ฉางฉิงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ได้แต่พยักหน้ารับคำและหมุนตัวจากไป
เดิมทีเฟิงจิ่งเหยาก็จะตามออกไป แต่ถูกคุณนายเฟิงเรียกไว้เสียก่อน
“จิ่งเหยา ลูกอยู่นี่แหละอยู่คุยกับพวกเราก่อน น้าลู่ทั้งสองไม่ได้เจอลูกมานานทีเดียว”
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินคำนี้ ก็หันกลับไปมอง
เห็นเฟิงจิ่งเหยาถูกคุณนายเฟิงลากตัวไปยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่ซือหยี่
ไม่รู้ว่าคุณนายเฟิงพูดอะไรออกไปบ้าง แต่เห็นลู่ซือหยี่ก้มหน้าด้วยความเขินอาย
และในขณะนี้เธอที่สวมชุดราตรีสีขาวแนบเนื้อยืนคู่อยู่กับเฟิงจิ่งเหยาที่สวมชุดสีดำ ทั้งคู่ดูเหมือนกับสวมเสื้อคู่ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก
กู้ฉางฉิงมองเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะคว่ำมุมปาก จากนั้นก็หันตัวกลับเข้าไปในฝูงชนเพื่อทักทายแขกเหรื่อ
ต้อนรับแขกอยู่ไม่นาน เธอก็มองเห็นนายท่านเฟิง
คิดขึ้นได้ว่าคืนนี้เธอยังไม่ได้ทักทายนายท่านเลย จึงเดินเข้าไปหา
“คุณปู่คะ”
เมื่อเฟิงเทียนหรูเห็นกู้ฉางฉิงเข้าก็ดีใจมาก “ฉางซินมาแล้วเหรอ ทำไมถึงมาคนเดียวล่ะ?”
ท่านขมวดคิ้วและถามเมื่อเห็นว่ากู้ฉางฉิงมาคนเดียว
“จิ่งเหยาอยู่กับคุณแม่น่ะค่ะ หนูเลยออกมาเดินดูรอบ ๆ”
กู้ฉางฉิงปกปิดไม่ได้บอกว่าเธอถูกใช้ให้ออกมา
แต่ถึงอย่างนั้น เฟิงเทียนหรูก็ยังดูออก
เพราะท่านรู้ว่ากู้ฉางฉิงกับคุณนายเฟิงนั้นไม่ลงรอยกัน แต่ท่านก็ไม่ได้แสดงออกว่ารู้ ท่านให้กู้ฉางฉิงอยู่ด้วยและก็ถือโอกาสแนะนำคนบางคนให้เธอได้รู้จัก
กู้ฉางฉิงไม่ปฏิเสธ และได้รู้จักคนใหญ่คนโตมากมายผ่านทางการแนะนำของเฟิงเทียนหรู
ระหว่างนั้นเฟิงเทียนหรูเองก็มักกล่าวชื่นชมเธอกับเพื่อน ๆ ทำให้กู้ฉางฉิงรู้สึกขัดเขินไม่น้อย
จนถึงกับอยากจะหนีไป
โชคยังดีที่พิธีเปิดงานเลี้ยงได้ช่วยเธอไว้
เธอเดินตามนายท่านและยืนดูท่ามกลางฝูงชนอยู่ด้านล่างเวที และเห็นคู่สามีภรรยาตระกูลเฟิงและตระกูลลู่ขึ้นเวทีมาพร้อมกับลู่ซือหยี่และเฟิงจิ่งเหยา
ภาพที่กลมเกลียวนั้นราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเข้าใจผิดไปไม่น้อย
“คุณชายเฟิงกับคุณหนูตระกลูลู่ช่างเหมาะสมกันจริง ๆ ตอนนี้พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้พบปะกัน ประกอบกับความใกล้ชิดสนิทสนมของคุณชายเฟิงกับคุณหนูลู่ งานแต่งของทั้งสองเห็นทีคงอีกไม่นาน”
“ฉันก็ว่าใช่ ถ้าตระกูลลู่กับตระกูลเฟิงดองกันเมื่อไหร่ จะเป็นการรวมตัวที่แข็งแกร่งมาก ต่อไปในเมืองหลวงแห่งนี้ก็คงจะไม่มีใครเหนือกว่าตระกูลเฟิงได้อีก”
“ฉันล่ะอิจฉาคุณชายเฟิงซะจริง ๆ ทั้งประสบความสำเร็จในชีวิต การงาน ชื่อเสียง และรูปร่างหน้าตา ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลย”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นจากทุกทิศทาง เมื่อเฟิงเทียนหรูได้ฟังแล้ว ก็มีสีหน้าที่เข้มขึ้น และเริ่มมีอารมณ์โกรธขึ้นมา
เมื่อกู้ฉางฉิงเห็นดังนี้ก็รีบปลอบประโลมว่า “คุณปู่อย่าโกรธไปเลยนะคะ คนพวกนี้เขาไม่รู้ความจริง เป็นธรรมดาที่เขาจะพูดกันแบบนี้ ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเขารู้ความจริง ก็จะไม่เป็นแบบนี้แน่ค่ะ”
เพราะการแต่งงานของกู้ฉางซินกับเฟิงจิ่งเหยานั้นเกิดจากการตัดสินใจโดยพลการของเฟิงเทียนหรู ไม่ได้มีการเปิดเฟยต่อสาธารณะชน จึงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ประกอบกับคนในบ้านตระกูลเฟิงที่นอกจากเฟิงเทียนหรูแล้วก็ไม่มีใครชอบกู้ฉางซิน เรื่องนี้จึงยิ่งปิดสนิทจากคนภายนอก
เมื่อเฟิงเทียนหรูคิดถึงจุด ๆ นี้ ก็มองไปที่กู้ฉางฉิงอย่างรู้สึกผิด แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉางซิน ฉันทำให้หนูลำบาก”
กู้ฉางฉิงกลับไม่ได้สนใจ และพูดเปลี่ยนเรื่องตลก ทำให้ชายชรามีความสุขและยิ้มได้อีกครั้ง
แต่รอยยิ้มที่เพิ่งจะปรากฎได้ไม่นานก็ถูกเก็บกลับไปอีกครั้ง
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เฟิงจิ่งเหยากับลู่ซือหยี่กล่าวเปิดงานจบแล้ว และพวกเขาก็กำลังเดินมาทางทั้งสองคน
“คุณปู่เฟิง”
“คุณปู่ ฉางซิน”
ทั้งสองทักทายอย่างพร้อมเพรียงกัน
เฟิงเทียนหรูมองไปที่ทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา แล้วจ้องไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างโกรธเคือง โดยไม่ได้สนใจลู่ซือหยี่
“นี่แกยังรู้จักฉางซินอยู่เหรอ ฉันนึกว่าแกลืมไปแล้วว่ายังมีเมียอยู่”
เฟิงจิ่งเหยารู้สึกงงไปกับคำตำหนิอย่างกะทันหันนี้ และมองไปที่ชายชราอย่างไม่เข้าใจท่าน