สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 85 อย่าแยกไปจากเธอ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เมื่อนายท่านเห็นดังนั้น ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเกิดของซือหยี่ แต่เรื่องที่ไม่ควรจะให้เข้าใจผิดก็ควรจะหลีกเลี่ยง สมัยที่แกอยู่ต่างประเทศ เรื่องของแกกับฉางซินไม่มีใครรู้ก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ในเมื่อกลับมาแล้ว ฐานะของฉางซินก็ควรจะเปิดเผยให้คนอื่นรู้เสียที”

เมื่อท่านพูดจบ ท่านก็หันไปมองลู่ซือหยี่ที่มีสีหน้าแข็งกระด้าง และพูดอย่างจริงจังว่า “ส่วนเธอก็เหมือนกัน เรื่องที่ฉางซินเป็นพี่สะใภ้ของเธอนั้นเป็นความจริงที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และในอนาคต ฉันหวังว่าเธอจะระมัดระวังคำพูดและการกระทำให้มากกว่านี้”

เมื่อลู่ซือหยี่ฟังจนจบ สีหน้าของเธอก็ดูผะอืดผะอม ช่างไม่น่าดู

ราวกับความคิดของเธอถูกทำลายลงภายใต้ดวงอาทิตย์

“คุณปู่เฟิง หนูทราบแล้วค่ะ ต่อไปหนูจะระมัดระวังมากกว่านี้”

เธอกัดฟันตอบกลับไป นัยย์ตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

ตาแก่เฒ่าฆ่าไม่ตายนี่ชอบก้าวก่ายเรื่องคนอื่นดีนัก แล้วก็เอาแต่เข้าข้างนังสารเลวกู้ฉางซิน

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเข้ามาแทรก ป่านนี้คนที่ได้แต่งงานกับเฟิงจิ่งเหยาก็ควรจะเป็นเธอ

เธอโกรธเคืองอยู่ในใจ แต่กลับไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด

เฟิงเทียนหรูคิดว่าเธอคงเข้าใจสิ่งที่เขาพูดอย่างดีแล้ว จึงหันไปมองที่เฟิงจิ่งเหยา

เฟิงจิ่งเหยาส่งสายตาไปทางกู้ฉางซิน ตอบว่า “ต่อไปผมจะใส่ใจให้มากขึ้นครับ”

เฟิงเทียนหรูถึงได้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“แบบนั้นแหละดี”

ในขณะที่พูด ท่านก็ได้จับมือของกู้ฉางฉิงส่งให้กับเฟิงจิ่งเหยา กำชับว่า “ฉางซิน คืนนี้ติดตามเขาให้ดีดี อย่าแยกจากกันล่ะ”

กู้ฉางฉิงมองดูด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ยังพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้ค่ะ”

พูดจบ เธอก็หันไปมองที่เฟิงจิ่งเหยา

น่าเสียดายที่เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางใด ๆ

ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกใจหายเบา ๆ

เฟิงเทียนหรูไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งนี้ เขามองไปที่สองมือที่ประสานกันนั้นจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ พวกเธอไปดูแลแขกเหรื่อต่อเถอะ ฉันจะไปหาพวกเฟิงซู่สักหน่อย ซือหยี่ก็มาด้วยกันกับฉัน แนะนำพ่อแม่ของเธอให้ฉันรู้จักสักหน่อย”

เมื่อลู่ซือหยี่ได้ยินดังนั้น ก็ไม่รู้จะใช้ข้ออ้างอะไรในการปฏิเสธ ได้แต่ตามท่านไปอย่างไม่เต็มใจ

และแล้วก็เหลือเพียงแค่กู้ฉางฉิงกับเฟิงจิ่งเหยา

กู้ฉางฉิงมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาซึ่งดูไม่อาจคาดเดาได้ เม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ถ้าคุณมีธุระก็ไปจัดการเถอะค่ะ ไม่ต้องสนใจสิ่งที่คุณปู่ท่านพูดหรอกค่ะ”

เฟิงจิ่งเหยาจ้องมองเธอ

“โอ้ ฟังดูดีนะ แต่ลับหลังไม่รู้จะไปฟ้องคุณปู่ว่าอะไร”

กู้ฉางฉิงขมวดคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้

“คุณหมายความว่าอย่างไร? คุณคิดว่าฉันเป็นคนไปฟ้องคุณปู่ใช่ไหมล่ะ?”

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้ยอมรับแต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณควรจะเข้าใจว่าที่ผมต้องอยู่ที่นี่ เพราะเห็นแก่พ่อแม่ของลู่ซือหยี่”

กู้ฉางฉิงหัวเราะ ความโกรธค่อย ๆ พุ่งขึ้นในใจ

คนนอกเช่นเธอยังมองความคิดของพวกเขาออก เธอไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายคนนี้จะไม่รู้อะไรเลย

คำแก้ตัวที่ฟังดูสูงส่งเช่นนี้ เขาก็สามารถพูดมันออกมาจากปากได้

จากนั้นเธอก็ดึงมือกลับและพูดอย่างประชดประชันว่า “ต้องขออภัยจริง ๆ ดูแล้วการมีอยู่ของฉันจะรบกวนเรื่องดี ๆ ของพวกคุณ ถ้าเช่นน้้นคุณสามารถทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนได้เลย เชิญอยู่กับพวกเขาต่อเถอะ”

เมื่อพูดจบ เธอก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง

เฟิงจิ่งเหยามองดูเธอจากไปด้วยความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าปฏิกิริยาของเธอจะมากขนาดนี้

ในขณะที่เขาจะตามเธอไปนั้น ก็ได้ยินเสียงซุบซิบจากรอบข้าง

“นี่ เมื่อกี้มันเรื่องอะไรกันน่ะ? คุณชายเฟิงกับคุณหนูลู่เขาคู่กันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคุณชายเฟิงถึงอยู่กับผู้หญิงคนนั้นได้ ดูท่าจะทะเลาะกันจบไม่สวยด้วย”

“จะอะไรซะอีก ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่หวังสูง แต่มารู้เข้าว่าคุณชายเฟิงมีคุณหนูลู่อยู่แล้ว ก็เลยทะเลาะกันล่ะสิ”

“ใช่เลย ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าทั่วทั้งเมืองมีผู้หญิงมากเท่าไหร่ที่ใฝ่ฝันอยากแต่งงานกับคุณชายเฟิง”

คำพูดเหล่านั้นเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง ทำให้เฟิงจิ่งเหยาถึงกับหยุดนิ่งไป

เขามองหากู้ฉางฉิง แต่ดูเหมือนกู้ฉางฉิงจะไปไกลแล้ว เขามองไม่เห็นเธอท่ามกลางฝูงชนซะแล้ว

เขาถอนสายตากลับมาด้วยความรำคาญใจ เข้าใจคำพูดของคุณปู่แล้วว่ามาจากไหน

ยิ่งรู้สึกว่าท่าทีของตัวเองที่มีต่อกู้ฉางซินเมื่อครู่นี้นั้นเกินไปหน่อย

ทันทีที่เขาตัดสินใจจะตามเธอออกไปนั้น ก็กลับถูกแขกคนหนึ่งที่เป็นคู่ค้าของตระกูลเฟิงเรียกเขาไว้เสียก่อน ทำให้เขาทำได้เพียงระงับความคิดที่จะออกไป และอยู่ต่อไป

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้กู้ฉางฉิงไม่รู้

หลังจากที่เธอเดินแยกไป ก็ได้ออกจากงานเลี้ยงไปเลย

อันที่จริงเธอก็ไม่ชอบงานแบบนี้อยู่แล้ว ยิ่งคนในนั้นก็ไม่มีใครต้อนรับเธอด้วยแล้ว ฉะนั้นเธอจึงมาที่สวนหลังบ้านพร้อมกับแก้วไวน์ พลางดื่มไปชมจันทร์ไป

สายลมอ่อนพัดโชยและเสียงใบไม้ดังก้องในหูของเธอ ทำให้ทุกอย่างดูสงบลง

แม้แต่ความขุ่นเคืองในใจของเธอก็สงบลงด้วย

ในขณะที่เธอหลับตาและนั่งลงบนม้านั่งอย่างสงบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ผมได้ยินหมดแล้ว”

เสียงที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นนี้ ทำให้กู้ฉางฉิงตกใจไม่น้อย

เธอหันหน้าไปและเห็นว่าคนที่มานั้นคือฉินเป่ยหานนั่นเอง ในขณะที่โล่งใจ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

ทำไมคน ๆ นี้ถึงมาได้?

ฉินเป่ยหานไม่รู้มาก่อนว่าเธอกำลังไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาก้าวขึ้นมาข้างหน้ามองดูเธอด้วยสายตาแห่งความรักและความสงสาร

“ฉางซิน นี่คือสิ่งที่คุณอยากได้เหรอ?”

กู้ฉางฉิงรู้สึกสับสนกับคำถามของเขา

ฉินเป่ยหานก็พูดขึ้นต่อโดยไม่รอเธอตอบกลับว่า “คนนอกไม่ยอมรับ และยังถูกคนในตระกูลเฟิงไม่ยอมรับว่าเป็นลูกสะใภ้อีก นี่เป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงเหรอ?”

กู้ฉางฉิงฟังเขา เหมือนกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบแล้วทำให้เกิดระลอกคลื่น

เธอไม่เต็มใจแต่ก็พูดออกไปอย่างใจเย็นว่า “คุณชายฉิน โปรดระวังคำพูดด้วยค่ะ ฉันอยู่ในบ้านตระกูลเฟิงสบายดีทุกอย่าง อีกอย่าง นี่เป็นทางที่ฉันเลือกเอง และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะอดทนยืนหยัด แต่สำหรับคุณ……ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามก็ไม่ควรมาหาฉันอีก นี่ถ้ามีใครมาเห็นเข้าไม่รู้จะเอาฉันไปนินทาว่าอะไรอีก”

เมื่อฉินเป่ยหานเห็นเธอดื้อรั้นและยืนกรานโดยไม่ฟังคำทัดทาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ

“ฉางซิน ทำไมคุณถึงหลอกตัวเองแบบนี้? เฟิงจิ่งเหยาเขาไม่ได้สนใจคุณเลยด้วยซ้ำ!”

กู้ฉางฉิงเม้มริมฝีปากนิ่งเงียบ

เธอรู้ดีว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจเธอ ที่แต่งงานกับเธอก็เพียงเพราะไม่อยากจะเป็นหลานที่อกตัญญูเท่านั้นเอง

ฉินเป่ยหานมองเธอที่ไม่พูดอะไร แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกและพูดโน้มน้าวต่อไปว่า “ฉางซิน คุณฟังผมนะ ผมไม่เหมือนกับเฟิงจิ่งเหยา ผมรักคุณ คนพวกนั้นพูดแบบนั้นถึงคุณ คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?”

กู้ฉางฉิงฟังเขายิ่งพูดยิ่งไม่เข้าท่า รู้สึกว่าถ้าปล่อยให้เขาพูดต่อไปคงจะไม่ดีแน่ ๆ เธอจึงรีบตัดบท

“คุณชายฉิน นี่เป็นเรื่องของฉัน คุณอย่ายุ่งจะดีกว่า”

เมื่อพูดจบและเธอกำลังจะเดินจากไป ฉินเป่ยหานก็รีบคว้าข้อมือเธอเอาไว้

“ฉางซิน ทำไมเธอถึงดื้อเช่นนี้?”

กู้ฉางฉิงมองไปที่ข้อมือที่ถูกเขาจับไว้ เธอขมวดคิ้วแน่น และรีบสบัดมือของเขาให้หลุดไป ขณะเดียวกันใบหน้าเธอก็เย็นชาขึ้น “ฉินเป่ยหาน คุณต้องการทำให้ทุกคนไม่สามารถจะเป็นแม้แต่เพื่อนกันได้ใช่ไหม?”

ในที่สุดฉินเป่ยหานก็สงบลงเมื่อได้ยินคำพูดที่ดุดันเย็นชานี้

เขามองไปที่กู้ฉางฉิงด้วยสีหน้าลำบากใจ และพึมพัมว่า “ขอโทษครับ ผมวู่วามไปหน่อย”

กู้ฉางฉิงเม้มริมฝีปากมองเขาและพูดอย่างเย็นชา “หวังว่ามันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก”

พูดจบเธอก็หันหลังจากไป ทิ้งไว้เพียงฉินเป่ยหานอย่างเงียบเหงา

ทั้งคู่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าที่มุมหนึ่งของสวนมีสาวใช้คนหนึ่งใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายภาพขณะที่ทั้งสองกำลังทำท่าเหมือนจับมือกันไว้ได้

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท