สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 86 หึงหวง

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

กู้ฉางฉิงกลับไปยังห้องจัดเลี้ยง พอดีกับที่พิธีกรประกาศว่าถึงช่วงเวลาของงานเต้นรำ

“คุณหนูลู่ครับ วันนี้คุณเป็นดาวเด่นของงาน คุณควรจะเป็นผู้เปิดการเต้นรำ ตอนนี้ขอเชิญคุณเลือกหนุ่มหล่อในงานเพื่อมาเต้นเปิดฟลอร์ได้ ณ บัดนี้”

หลังจากที่ลู่ซือหยี่ได้ฟังแล้วเธอก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยา

อย่างไรก็ตามเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็นเธอ สายตาของเขากำลังจับจ้องไปที่กู้ฉางฉิงที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา

เมื่อครู่เขาหาเธอแทบตายแต่ก็ไม่พบ ในที่สุดก็พบเธอจนได้

กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นสายตาของเขาจ้องมองมา จากนั้นเธอก็มองไปที่ลู่ซือหยี่ที่กำลังเดินมาหาเขา แววตาของเธอแสดงออกถึงความประชดประชัน จากนั้นเธอก็เดินหันไปอีกทางหนึ่ง

เฟิงจิ่งเหยามองตามหลังของเธอที่กำลังจากไป นึกถึงแววตาของเธอเมื่อสักครู่ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

เขาขมวดคิ้ว ไม่แม้ตาจะชายตามองลู่ซือหยี่ที่กำลังเดินมาทางเขา แล้วรีบเดินตามกู้ฉางฉิงไป

ทำให้ลู่ซือหยี่ที่ตั้งใจจะไปเชิญเขาออกมาเต้นรำด้วยถึงกับนิ่งไป และสีหน้าก็เริ่มดูแย่ลง

เธอมองไปรอบ ๆ เห็นแขกเหรื่อต่างจ้องมองมาที่เธอ ในเมื่อถอยกลับไม่ไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เพียงคว้าผู้ชายที่ดูคุ้นหน้าแถวนั้นมาเป็นคู่เต้นรำ

ชายคนนั้นรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะตอบรับคำเชิญของลู่ซือหยี่ จากนั้นจึงเดินพาเธอไปที่กลางลานเต้นรำ

แต่ลู่ซือหยี่นั้นกลับเหม่อลอย

สายตาของเธอจับจ้องไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่ละสายตา มองดูเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านังสารเลวกู้ฉางซิน ในใจของเธอก็เกิดความอิจฉาริษยา

กู้ฉางฉิงไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของเธอ แต่กลับมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาที่กำลังค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “ทำไมไม่ไปเต้นรำกับคุณหนูลู่ซะล่ะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงจิ่งเหยาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มตัวลงเข้าไปใกล้เธอ

กู้ฉางฉิงสะดุ้งตกใจ รีบก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าว เธอรู้สึกประหม่าและอายเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะทันตั้งคำถาม เสียงขี้เล่นของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นข้างหูว่า

“ทำไม หึงล่ะสิ?”

กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไป

หึงเหรอ? นี่ไม่ใช่คำที่จะใช้กับคนอย่างเขาได้

และเธอก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะหึงใครเป็น

อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงจิ่งเหยา……ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงกัน

เมื่อคิดเช่นนี้ กู้ฉางฉิงก็รู้สึกว่าที่เธอรู้สึกโกรธเคืองเมื่อสักครู่นั้นไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเลย

โดยเฉพาะในสายตาคนอื่นมันก็ดูเหมือนหึงจริง ๆ นั่นแหละ

ในขณะที่เธอกำลังคิดไปเรื่อยอยู่นั้น ก็รู้สึกได้ว่ามีมือหนึ่งมาโอบเข้าที่เอวของเธอ

เธอรีบหันกลับไปมอง ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยากำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดกับเธอว่า “เต้นรำกับผมนะครับ คุณนายเฟิง”

สามคำสุดท้ายของเขาถูกเปล่งออกมาด้วยเสียงต่ำดุจเสียงเชลโล่ ทำให้ใบหน้าของกู้ฉางฉิงแดงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล

โดยไม่รีรอให้เธอตอบ เฟิงจิ่งเหยาก็โอบเธอเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ

เมื่อเสียงเพลงวอลทซ์ที่ไพเราะดังขึ้นถึงทำให้กู้ฉางฉิงดึงสติกลับคืนมาได้

เธอรีบคว้าตัวเฟิงจิ่งเหยาไว้แน่น โดยเฉพาะเมื่อมีคนมากมายรายล้อมที่กำลังจ้องมองมา ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอดูแข็งกระด้างมาก

เฟิงจิ่งเหยารู้สึกได้ถึงความประหม่าของเธอ ในขณะที่พาเธอเต้นรำเขาก็พูดขึ้นด้วยความสงสัยเบา ๆ ว่า “นี่คือสิ่งที่คุณคุ้นเคยที่สุดไม่ใช่หรือ? คุณจะตื่นเต้นทำไมกัน?”

คำพูดนี้ของเขาเตือนใจกู้ฉางฉิง ทันใดนั้นเธอก็คิดขึ้นได้ว่า ในเวลานี้เธอไม่ใช่กู้ฉางฉิงแต่เป็นกู้ฉางซิน

และการเต้นรำสำหรับกู้ฉางซินนั้นถือเป็นเรื่องง่ายและธรรมดามาก

เมื่อคิดดังนั้นแล้ว เธอก็บังคับตัวเองให้ผ่อนคลาย และเต้นตามจังหวะของเฟิงจิ่งเหยา

ในขณะเดียวกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจ

โชคยังดีที่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในงานเลี้ยงฉลองประจำปีของมหาวิทยาลัยทุกปีนั้นเธอได้อยู่ตำแหน่งผู้นำเต้น จึงได้เรียนเต้นมาบ้าง ไม่เช่นนั้นคืนนี้คงจะแย่แน่

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเต้นรำแบบพอดีของกู้ฉางฉิงหรือไม่ที่ทำให้การเต้นรำของทั้งคู่ยิ่งดูเข้ากันมากขึ้นไปอีก

พวกเขาแนบชิดกัน สายตามีเพียงกันและกัน ลมหายใจรดเกี่ยวพันกัน

เฟิงจิ่งเหยาได้กลิ่นหอมหวานที่เล็ดลอดออกมาจากตัวหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงในลำคอ

เขานึกถึงรสชาติอันหอมหวานนั้นจนแทบอยากจะกลืนกินคนตรงหน้าเข้าไปทั้งตัว

กู้ฉางฉิงเองก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มเช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อได้กลิ่นฮอร์โมนเพศชายอันแรงกล้าที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเฟิงจิ่งเหยาแล้วนั้น ทำให้ความคิดของเธอล่องลอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ได้แต่ปล่อยตัวให้หมุนและเต้นไปตามเฟิงจิ่งเหยา

และแล้ว พวกเขาก็กลายเป็นคู่ที่โดดเด่นและถูกจับตามองมากที่สุดบนฟลอร์เต้นรำนั้น

ลู่ซือหยี่ที่มองดูอยู่อีกด้านหนึ่ง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหึงหวง

เธอแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะไปฉีกทึ้งใบหน้าของกู้ฉางซินนังสารเลว

ดูสิว่าเธอจะใช้อะไรมายั่วยวนพี่จิ่งเหยาได้อีก

แต่เธอก็ทำไม่ได้

ไม่เพียงแค่นั้น เพื่อไม่ให้ผู้อื่นมองเห็นสายตาริษยาของเธอ เธอยังคงต้องซ่อนความหึงหวงนั้นเอาไว้

เมื่อจบเพลง เฟิงจิ่งเหยาก็พากู้ฉางฉิงหยุดเต้น

กู้ฉางฉิงพยายามดึงสติกลับมา แววตายังไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย

เมื่อกี้เธอสติหลุดไป

ยังไม่ทันที่เธอจะทำใจให้สงบลง ก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นรอบตัว เธอพบว่ามีคนมากมายจ้องมองมาที่เธออย่างอยากรู้อยากเห็น ดูเหมือนว่าจะพยายามเดาว่าเธอเป็นใครกัน

เธอรู้สึกไม่ชินที่จะเป็นที่ถูกจับตามอง เธอผละตัวออกห่างจากเฟิงจิ่งเหยา และพูดว่า “ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อนสักหน่อยค่ะ”

เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ใบหน้าของเธอที่มีแววแห่งความเหนื่อยล้าจริง ๆ จึงพูดด้วยความเห็นใจว่า “ผมจะพาคุณไปนั่งพักเอง และจะไปหาอะไรมาให้คุณทานด้วย คืนนี้คุณคงยังไม่ค่อยได้ทานอะไร”

กู้ฉางฉิงฟังเขาพูดอย่างเอาใจใส่ และมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ทันที่จะปฏิเสธก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาพามาที่โซนอาหารเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเธอมองไปที่อาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ได้กลิ่นที่หอมยั่วยวนชวนให้หิวจริง ๆ

เธอไม่มีท่าทีขัดขืนอะไรอีก ปล่อยให้เฟิงจิ่งเหยาดูแลต่อไป

จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เฟิงจิ่งเหยาเห็นคนรู้จักจึงขอตัวออกไปทักทาย

ด้านลู่ซือหยี่ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย

ตอนนี้เธอรู้สึกถูกทำราวกับเป็นตัวตลก

พอการเต้นเปิดฟลอร์จบ ทุกคนก็พากันไปเยินยอนังกู้ฉางซินกันหมด

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็กำหมัดแน่น

ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างออก เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วหันไปเรียกสาวใช้ของเธอ

หลังจากที่เธอกระซิบไม่กี่คำที่ข้างหูของสาวใช้แล้ว สาวใช้ก็พยักหน้าและจากไป

จากนั้นไม่นานก็เห็นว่าสาวใช้ได้กลับมาพร้อมกับถาดที่มีชามซุปร้อน ๆ อยู่

“คุณหนูคะ”

เธอยกถาดมาตรงหน้าลู่ซือหยี่ และเรียกเธอเบา ๆ

ลู่ซือหยี่มองไปที่ถ้วยซุปร้อน ๆ นั่น แววตามีประกายแห่งความมุ่งมั่นอยากได้อะไรต้องได้

เธอยกซุปขึ้นดื่มหมดรวดเดียว แล้วหันหลังจะเดินขึ้นไปชั้นบน แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำสั่งไว้ว่า “ต้องให้พี่จิ่งเหยาขึ้นมาข้างบนให้ได้ เข้าใจไหม?”

“คุณหนูเชื่อใจได้ รับประกันงานสำเร็จแน่นอนค่ะ”

สาวใช้พยักหน้าพร้อมทุบหน้าอกยืนยัน

เมื่อเธอมองดูลู่ซือหยี่หายลับไปจากทางเดินแล้ว ก็รีบไปตามหาเฟิงจิ่งเหยาทันที

“คุณชายคะ คุณหนูมีธุระด่วนต้องการพบท่าน ขอให้คุณชายต้องรีบไปทันทีค่ะ”

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยและพูดว่า “เธอพูดหรือเปล่าว่าเรื่องอะไร?”

สาวใช้แววตาสั่นไหวตอบกลับไปว่า “น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณนายรองค่ะ ดิฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ คุณชายไปถามคุณหนูด้วยตัวเองจะดีกว่าค่ะ”

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับกู้ฉางซิน แม้ว่าในใจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่เขาก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง

เมื่อไปถึงห้องของลู่ซือหยี่ เขายืนเคาะประตูอยู่ที่นอกห้อง

ลู่ซือหยี่รีบมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

เธอมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาที่อยู่หน้าประตูด้วยท่าทีขึงขัง จนเธอเกือบจะซ่อนแววตาแห่งความรักใคร่ไว้ไม่อยู่

“พี่จิ่งเหยามาแล้วเหรอคะ เข้ามาพูดข้างในเถอะค่ะ”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท