กู้ฉางฉิงกลับไปยังห้องจัดเลี้ยง พอดีกับที่พิธีกรประกาศว่าถึงช่วงเวลาของงานเต้นรำ
“คุณหนูลู่ครับ วันนี้คุณเป็นดาวเด่นของงาน คุณควรจะเป็นผู้เปิดการเต้นรำ ตอนนี้ขอเชิญคุณเลือกหนุ่มหล่อในงานเพื่อมาเต้นเปิดฟลอร์ได้ ณ บัดนี้”
หลังจากที่ลู่ซือหยี่ได้ฟังแล้วเธอก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยา
อย่างไรก็ตามเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็นเธอ สายตาของเขากำลังจับจ้องไปที่กู้ฉางฉิงที่เพิ่งเดินเข้าประตูมา
เมื่อครู่เขาหาเธอแทบตายแต่ก็ไม่พบ ในที่สุดก็พบเธอจนได้
กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นสายตาของเขาจ้องมองมา จากนั้นเธอก็มองไปที่ลู่ซือหยี่ที่กำลังเดินมาหาเขา แววตาของเธอแสดงออกถึงความประชดประชัน จากนั้นเธอก็เดินหันไปอีกทางหนึ่ง
เฟิงจิ่งเหยามองตามหลังของเธอที่กำลังจากไป นึกถึงแววตาของเธอเมื่อสักครู่ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เขาขมวดคิ้ว ไม่แม้ตาจะชายตามองลู่ซือหยี่ที่กำลังเดินมาทางเขา แล้วรีบเดินตามกู้ฉางฉิงไป
ทำให้ลู่ซือหยี่ที่ตั้งใจจะไปเชิญเขาออกมาเต้นรำด้วยถึงกับนิ่งไป และสีหน้าก็เริ่มดูแย่ลง
เธอมองไปรอบ ๆ เห็นแขกเหรื่อต่างจ้องมองมาที่เธอ ในเมื่อถอยกลับไม่ไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เพียงคว้าผู้ชายที่ดูคุ้นหน้าแถวนั้นมาเป็นคู่เต้นรำ
ชายคนนั้นรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่จะตอบรับคำเชิญของลู่ซือหยี่ จากนั้นจึงเดินพาเธอไปที่กลางลานเต้นรำ
แต่ลู่ซือหยี่นั้นกลับเหม่อลอย
สายตาของเธอจับจ้องไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่ละสายตา มองดูเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านังสารเลวกู้ฉางซิน ในใจของเธอก็เกิดความอิจฉาริษยา
กู้ฉางฉิงไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของเธอ แต่กลับมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาที่กำลังค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถามว่า “ทำไมไม่ไปเต้นรำกับคุณหนูลู่ซะล่ะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟิงจิ่งเหยาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มตัวลงเข้าไปใกล้เธอ
กู้ฉางฉิงสะดุ้งตกใจ รีบก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าว เธอรู้สึกประหม่าและอายเล็กน้อย
ก่อนที่เธอจะทันตั้งคำถาม เสียงขี้เล่นของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นข้างหูว่า
“ทำไม หึงล่ะสิ?”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไป
หึงเหรอ? นี่ไม่ใช่คำที่จะใช้กับคนอย่างเขาได้
และเธอก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะหึงใครเป็น
อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟิงจิ่งเหยา……ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ กู้ฉางฉิงก็รู้สึกว่าที่เธอรู้สึกโกรธเคืองเมื่อสักครู่นั้นไม่ควรที่จะเกิดขึ้นเลย
โดยเฉพาะในสายตาคนอื่นมันก็ดูเหมือนหึงจริง ๆ นั่นแหละ
ในขณะที่เธอกำลังคิดไปเรื่อยอยู่นั้น ก็รู้สึกได้ว่ามีมือหนึ่งมาโอบเข้าที่เอวของเธอ
เธอรีบหันกลับไปมอง ก็เห็นเฟิงจิ่งเหยากำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พูดกับเธอว่า “เต้นรำกับผมนะครับ คุณนายเฟิง”
สามคำสุดท้ายของเขาถูกเปล่งออกมาด้วยเสียงต่ำดุจเสียงเชลโล่ ทำให้ใบหน้าของกู้ฉางฉิงแดงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
โดยไม่รีรอให้เธอตอบ เฟิงจิ่งเหยาก็โอบเธอเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ
เมื่อเสียงเพลงวอลทซ์ที่ไพเราะดังขึ้นถึงทำให้กู้ฉางฉิงดึงสติกลับคืนมาได้
เธอรีบคว้าตัวเฟิงจิ่งเหยาไว้แน่น โดยเฉพาะเมื่อมีคนมากมายรายล้อมที่กำลังจ้องมองมา ทำให้การเคลื่อนไหวของเธอดูแข็งกระด้างมาก
เฟิงจิ่งเหยารู้สึกได้ถึงความประหม่าของเธอ ในขณะที่พาเธอเต้นรำเขาก็พูดขึ้นด้วยความสงสัยเบา ๆ ว่า “นี่คือสิ่งที่คุณคุ้นเคยที่สุดไม่ใช่หรือ? คุณจะตื่นเต้นทำไมกัน?”
คำพูดนี้ของเขาเตือนใจกู้ฉางฉิง ทันใดนั้นเธอก็คิดขึ้นได้ว่า ในเวลานี้เธอไม่ใช่กู้ฉางฉิงแต่เป็นกู้ฉางซิน
และการเต้นรำสำหรับกู้ฉางซินนั้นถือเป็นเรื่องง่ายและธรรมดามาก
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว เธอก็บังคับตัวเองให้ผ่อนคลาย และเต้นตามจังหวะของเฟิงจิ่งเหยา
ในขณะเดียวกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจ
โชคยังดีที่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ในงานเลี้ยงฉลองประจำปีของมหาวิทยาลัยทุกปีนั้นเธอได้อยู่ตำแหน่งผู้นำเต้น จึงได้เรียนเต้นมาบ้าง ไม่เช่นนั้นคืนนี้คงจะแย่แน่
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเต้นรำแบบพอดีของกู้ฉางฉิงหรือไม่ที่ทำให้การเต้นรำของทั้งคู่ยิ่งดูเข้ากันมากขึ้นไปอีก
พวกเขาแนบชิดกัน สายตามีเพียงกันและกัน ลมหายใจรดเกี่ยวพันกัน
เฟิงจิ่งเหยาได้กลิ่นหอมหวานที่เล็ดลอดออกมาจากตัวหญิงสาวอย่างต่อเนื่อง ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงในลำคอ
เขานึกถึงรสชาติอันหอมหวานนั้นจนแทบอยากจะกลืนกินคนตรงหน้าเข้าไปทั้งตัว
กู้ฉางฉิงเองก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มเช่นกัน
โดยเฉพาะเมื่อได้กลิ่นฮอร์โมนเพศชายอันแรงกล้าที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเฟิงจิ่งเหยาแล้วนั้น ทำให้ความคิดของเธอล่องลอยออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า ได้แต่ปล่อยตัวให้หมุนและเต้นไปตามเฟิงจิ่งเหยา
และแล้ว พวกเขาก็กลายเป็นคู่ที่โดดเด่นและถูกจับตามองมากที่สุดบนฟลอร์เต้นรำนั้น
ลู่ซือหยี่ที่มองดูอยู่อีกด้านหนึ่ง สายตาของเธอเต็มไปด้วยความหึงหวง
เธอแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะไปฉีกทึ้งใบหน้าของกู้ฉางซินนังสารเลว
ดูสิว่าเธอจะใช้อะไรมายั่วยวนพี่จิ่งเหยาได้อีก
แต่เธอก็ทำไม่ได้
ไม่เพียงแค่นั้น เพื่อไม่ให้ผู้อื่นมองเห็นสายตาริษยาของเธอ เธอยังคงต้องซ่อนความหึงหวงนั้นเอาไว้
เมื่อจบเพลง เฟิงจิ่งเหยาก็พากู้ฉางฉิงหยุดเต้น
กู้ฉางฉิงพยายามดึงสติกลับมา แววตายังไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
เมื่อกี้เธอสติหลุดไป
ยังไม่ทันที่เธอจะทำใจให้สงบลง ก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นรอบตัว เธอพบว่ามีคนมากมายจ้องมองมาที่เธออย่างอยากรู้อยากเห็น ดูเหมือนว่าจะพยายามเดาว่าเธอเป็นใครกัน
เธอรู้สึกไม่ชินที่จะเป็นที่ถูกจับตามอง เธอผละตัวออกห่างจากเฟิงจิ่งเหยา และพูดว่า “ฉันรู้สึกเหนื่อยแล้ว อยากจะพักผ่อนสักหน่อยค่ะ”
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่ใบหน้าของเธอที่มีแววแห่งความเหนื่อยล้าจริง ๆ จึงพูดด้วยความเห็นใจว่า “ผมจะพาคุณไปนั่งพักเอง และจะไปหาอะไรมาให้คุณทานด้วย คืนนี้คุณคงยังไม่ค่อยได้ทานอะไร”
กู้ฉางฉิงฟังเขาพูดอย่างเอาใจใส่ และมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ทันที่จะปฏิเสธก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาพามาที่โซนอาหารเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเธอมองไปที่อาหารที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ได้กลิ่นที่หอมยั่วยวนชวนให้หิวจริง ๆ
เธอไม่มีท่าทีขัดขืนอะไรอีก ปล่อยให้เฟิงจิ่งเหยาดูแลต่อไป
จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เฟิงจิ่งเหยาเห็นคนรู้จักจึงขอตัวออกไปทักทาย
ด้านลู่ซือหยี่ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
ตอนนี้เธอรู้สึกถูกทำราวกับเป็นตัวตลก
พอการเต้นเปิดฟลอร์จบ ทุกคนก็พากันไปเยินยอนังกู้ฉางซินกันหมด
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็กำหมัดแน่น
ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรบางอย่างออก เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วหันไปเรียกสาวใช้ของเธอ
หลังจากที่เธอกระซิบไม่กี่คำที่ข้างหูของสาวใช้แล้ว สาวใช้ก็พยักหน้าและจากไป
จากนั้นไม่นานก็เห็นว่าสาวใช้ได้กลับมาพร้อมกับถาดที่มีชามซุปร้อน ๆ อยู่
“คุณหนูคะ”
เธอยกถาดมาตรงหน้าลู่ซือหยี่ และเรียกเธอเบา ๆ
ลู่ซือหยี่มองไปที่ถ้วยซุปร้อน ๆ นั่น แววตามีประกายแห่งความมุ่งมั่นอยากได้อะไรต้องได้
เธอยกซุปขึ้นดื่มหมดรวดเดียว แล้วหันหลังจะเดินขึ้นไปชั้นบน แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำสั่งไว้ว่า “ต้องให้พี่จิ่งเหยาขึ้นมาข้างบนให้ได้ เข้าใจไหม?”
“คุณหนูเชื่อใจได้ รับประกันงานสำเร็จแน่นอนค่ะ”
สาวใช้พยักหน้าพร้อมทุบหน้าอกยืนยัน
เมื่อเธอมองดูลู่ซือหยี่หายลับไปจากทางเดินแล้ว ก็รีบไปตามหาเฟิงจิ่งเหยาทันที
“คุณชายคะ คุณหนูมีธุระด่วนต้องการพบท่าน ขอให้คุณชายต้องรีบไปทันทีค่ะ”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยและพูดว่า “เธอพูดหรือเปล่าว่าเรื่องอะไร?”
สาวใช้แววตาสั่นไหวตอบกลับไปว่า “น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณนายรองค่ะ ดิฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ คุณชายไปถามคุณหนูด้วยตัวเองจะดีกว่าค่ะ”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับกู้ฉางซิน แม้ว่าในใจจะรู้สึกแปลก ๆ แต่เขาก็ขึ้นไปที่ชั้นสอง
เมื่อไปถึงห้องของลู่ซือหยี่ เขายืนเคาะประตูอยู่ที่นอกห้อง
ลู่ซือหยี่รีบมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เธอมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาที่อยู่หน้าประตูด้วยท่าทีขึงขัง จนเธอเกือบจะซ่อนแววตาแห่งความรักใคร่ไว้ไม่อยู่
“พี่จิ่งเหยามาแล้วเหรอคะ เข้ามาพูดข้างในเถอะค่ะ”