กู้ฉางฉิงคิดไม่ถึงว่า แม้เธอจะได้อธิบายไปอย่างชัดเจนแล้ว ผู้ชายคนนี้ก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นที่สวนอีก
รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ใจแคบมาก
แต่คิดไปก็อาจเป็นเพราะเหตุผลของเธอไม่เพียงพอ เธอจึงอธิบายอีกครั้ง
“อะไรที่ควรพูดฉันก็พูดไปแล้ว ฉันรับประกันว่าเป็นความจริงทุกคำ ถ้าคุณยังไม่เชื่ออีกก็ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดดู ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ใหญ่ขนาดนี้ทุกคนล้วนมีอิสระ ฉันก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้คนอื่นเดินไปเดินมาได้”
ในตอนท้าย เธอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าคุณพบว่าฉันโกหกแม้สักครึ่งคำ ฉันยินดีรับการลงโทษจากคุณ”
เฟิงจิ่งเหยามองเธอและเห็นว่าเธอพูดอย่างมั่นใจ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาราวกับเชื่อเธอแล้วว่า “คุณจำสิ่งที่ตัวเองพูดในวันนี้ไว้ก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบเขาก็ไม่สนใจกู้ฉางฉิงอีก หันตัวขึ้นไปข้างบนเพื่อจะอาบน้ำ
เขาเป็นคนรักความสะอาดมาก การที่เมื่อกี้นี้ถูกลู่ซือหยี่โอบกอดอยู่พักหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าทั่วทั้งร่างมีกลิ่นน้ำหอมและกลิ่นแป้งติดอยู่
อึดอัดแทบตาย
กู้ฉางฉิงเห็นเขาจากไป ก็ไม่ได้คิดอะไรและรีบขึ้นชั้นบนไป
เมื่อเข้ามาในห้องก็ได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องอาบน้ำ
เธอรู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาอาบน้ำอยู่ในนั้น ก็ไม่ได้คิดจะรบกวน เธอจึงตรงไปที่ห้องเสื้อผ้าเพื่อจะเปลี่ยนชุด
ในขณะที่เธอจะถอดชุดให้ตัวเอง ทำยังไงก็เกี่ยวไม่ถึงซิบที่อยู่ด้านหลัง
เธอพยายามจัดการอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่สำเร็จสักที
ในตอนนี้ เฟิงจิ่งเหยาที่อาบน้ำเสร็จแล้ว กำลังเดินเช็ดผมออกมาจากห้องอาบน้ำ
ได้ยินเสียงจากห้องเสื้อผ้าก็เลยเดินเข้าไปดู
ก็เห็นกู้ฉางฉิงกำลังโน้มตัวพยายามเอื้อมมือไปดึงซิป
เธอกลับไม่ตัวรู้เลยว่าท่าทางของเธอนั้นน่าดึงดูดมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าอกที่สะท้อนกับกระจก
เฟิงจิ่งเหยามองดู อดไม่ได้ที่จะนึกถึงความอบอุ่นก่อนหน้านี้ของพวกเขา ความร้อนวูบวาบก็พุ่งขึ้นจากท้องน้อยของเขา
“คุณทำอะไรอยู่น่ะ?”
เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
กู้ฉางฉิงไม่อยากจะตอบ “ไม่เห็นเหรอคะ? กำลังถอดเสื้อผ้า”
เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ และพยายามจะถอดซิปอยู่อีกหลายครั้ง แต่ก็มือก็พลาดไม่โดนซิปสักที
“เฟิงจิ่งเหยา คุณช่วยฉันดึงซิปลงหน่อยได้ไหมคะ ฉันดึงไม่ถึง”
ในที่สุด เธอก็ขอความช่วยเหลือจากผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง
ยังไงเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว
เฟิงจิ่งเหยาตะลึงเล็กน้อย เขาเหล่สายตามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ทำเป็นพูดเล่นว่า “คุณต้องการให้ผมช่วยเหรอ?”
กู้ฉางฉิงไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา กลับรีบเร่งเขาอีก “ใช่ค่ะ คุณเร็วหน่อยเถอะ”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นดั่งนั้นก็ยิ้มออกมา
เขาไม่ปฏิเสธ เดินไปยืนนิ่งที่ด้านหลังเธอ
กู้ฉางฉิงเห็นว่าเขาเดินมาแล้วจึงปล่อยมือออก เธอเกี่ยวผมไว้รอบคอเพื่อไม่ให้ไปโดนซิป
เธอไม่รู้เลยว่า การกระทำนี้ของเธอทำให้ไหปลาร้าที่ดูเซ็กซี่อยู่แล้วดูน่าสนใจขึ้นไปอีก
เฟิงจิ่งเหยายิ่งมองดู ความมืดในตาของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
กลิ่นกายใต้จมูกเคล้ากลิ่นเหล้าจาง ๆ ทำให้เขาหลงใหลอย่างสุดซึ้ง
โดยเฉพาะเมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่เกือบจะถูกลู่ซือหยี่ล่วงเกินเมื่อครู่ รู้สึกราวดวงตาของเขาได้แปดเปื้อน จึงถือโอกาสตอนนี้ล้างตาเสียหน่อย
กู้ฉางฉิงไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว
เพราะเธอสังเกตว่ามือของใครบางคนเริ่มอยู่ไม่สุข
“เฟิงจิ่งเหยา คุณ……”
เธอหันมาดุเขา แต่ไม่ทันที่จะพูดจบ ริมฝีปากบางอันร้อนผ่าวก็ได้ทับลงมา ทำเธอราวกับตัวหมุน
เฟิงจิ่งเหยาดูดปากเธออย่างรุนแรงโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอต่อต้าน
กู้ฉางฉิงเองก็ไม่สามารถต้านทานการบุกรุกอย่างดุดันของเขาได้ จึงทำได้เพียงเลยตามเลย
หลังจากจูบแรก ทั้งสองคนหายใจแทบไม่ทัน เฟิงจิ่งเหยาวางคางของเขาไว้บนต้นคอของกู้ฉางฉิง แล้วสูดหายใจเข้าลึก
“ยังคงเป็นคุณที่หอม”
คำบอกรักของเขานี้ทำให้กู้ฉางฉิงถึงกับตะลึง
ก่อนที่เธอจะกลับมามีสติ ต้นคอของเธอก็มีอาการชาขึ้นมา ทำให้ทั้งตัวของเธอสั่นไหว และอ่อนระทวยลงในอ้อมอกของเฟิงจิ่งเหยา
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ จึงอุ้มเธอขึ้นมาราวกับเจ้าหญิงแล้วเดินไปทางห้องนอน
ค่ำคืนยาวนาน กับ ห้องแห่งความรัก
……
วันรุ่งขึ้น กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นด้วยอาการปวดเมื่อยไปทั้งตัว ไม่เห็นเฟิงจิ่งเหยาอยู่ข้างกายแล้ว
แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ ลุกจากที่นอน อาบน้ำ และตั้งใจจะเข้าบริษัท
โดยเฉพาะที่ช่วงนี้เธอยุ่งอยู่กับการทำเสื้อผ้า ไหนจะเตรียมงานเลี้ยงวันเกิดของลู่ซือหยี่อีก จึงไม่ได้เข้าไปบริษัทเสียนาน ไม่รู้ว่าจะมีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้นบ้าง
ในขณะที่เธอเตรียมของเสร็จและกำลังเตรียมตัวออกไปนั้นเอง ก็พบเข้ากับลู่ซือหยี่โดยบังเอิญ
ลู่ซือหยี่ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับกู้ฉางฉิง
ดวงตาของเธอจ้องกู้ฉางฉิงอย่างดุเดือดราวกับจะพ่นพิษใส่
ถ้าไม่ใช่เพราะนังผู้หญิงคนนี้มาทำให้แผนการของเธอพังไม่เป็นท่า พี่จิ่งเหยาก็คงจะไม่รังเกียจเธอ และแผนการของเธอก็อาจจะสำเร็จก็เป็นได้
กู้ฉางฉิงสังเกตเห็นถึงสายตาของเธอ แต่ก็ไม่ได้อยากใส่ใจ
ผู้หญิงคนนี้มีความคิดสกปรก ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งวางยาตัวเอง ก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยแล้วจริง ๆ
เธอไม่สนใจลู่ซือหยี่และเดินไปทางประตูใหญ่
แต่ลู่ซือหยี่จะยอมปล่อยเธอไปแบบนี้ได้อย่างไร
เธอเดินก้าวไปข้างหน้าขวางกู้ฉางฉิงไว้
“กู้ฉางซิน เธอคงสะใจมากสิท่า?”
จู่ ๆ กู้ฉางฉิงก็ถูกถามขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งตัว แต่เมื่อนึกดูดีดี เธอก็เข้าใจว่าคงหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี่เอง
จากนั้น เธอก็เอามือกอดแล้วตอบกลับไป “ทำไมจะไม่ล่ะ สะใจจริง ๆ นี่เค้าเรียกว่าอะไรนะ ยกหินฟาดตัวเอง หรือว่าจะขโมยไก่แต่กลับเสียข้าวสาร?”
เมื่อลู่ซือหยี่ได้ยินคำนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
กู้ฉางฉิงไม่รอให้เธอระเบิดก็รีบประชดต่อ “จะว่าไป ก็ต้องขอบคุณน้องซือหยี่สำหรับการช่วยเหลือเมื่อคืนนี้ ทำให้ฉันกับจิ่งเหยาได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งขึ้นไปอีก แต่ก็เล่นเอาฉันเหนื่อยล้าไปทั้งตัว จนเพิ่งตื่นเอาป่านนี้”
อย่าหาว่าเธอพูดแรงเกินไปเลย แม้แต่ตุ๊กตาดินเผาก็ยังมีอารมณ์ได้ นี่เธอถูกรังแกมาตั้งเท่าไหร่ ถ้าไม่รู้จักตอบโต้เสียบ้างก็คงจะไม่ใช่กู้ฉางฉิง
ลู่ซือหยี่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะไร้ยางอายจนถึงกับพูดเรื่องบัดสีออกมาได้
อีกด้านหนึ่งในใจของเธอก็ทั้งโกรธทั้งหึงหวง
“คนสารเลวอย่างเธอ พี่จิ่งเหยาไม่อยากจะแตะต้องด้วยซ้ำ ต้องเป็นเธอที่ยั่วยวนพี่จิ่งเหยาแน่”
เธอพูดแล้วพลางวิ่งไปจะตบกู้ฉางฉิงราวกับขาดสติ
กู้ฉางฉิงจะยืนนิ่ง ๆ ให้เธอตบได้อย่างไร เธอขยับตัวหลบ
ลู่ซือหยี่โถมไปกลางอากาศ ทรงตัวไม่ดีจนเธอเซไปสองสามที
กู้ฉางฉิงมองดูแววตาเป็นประกาย มุมปากยกขึ้นอย่างร้าย ๆ
เมื่อเห็นว่าลู่ซือหยี่ไม่สามารถทำร้ายเธอได้ เธอจึงได้ยื่นเท้าข้างหนึ่งออกไปข้าง ๆ ทันใดนั้นลู่ซือหยี่ก็สะดุดล้มลง
“อุ๊ยตายแล้ว น้องซือหยี่ ทำไมไม่ระวังตัวแบบนี้ หกล้มอีกแล้ว นี่คงจะหาว่าฉันเป็นคนผลักอีกล่ะสิ”
หลังจากที่เธอทำเรื่องไม่ดีแล้ว ก็ทำท่าราวกับกลัว แล้วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว แสร้งทำทีตกใจและร้องตะโกนออกมา
เมื่อลู่ซือหยี่เห็นท่าทางเธอแบบนั้นและฟังคำพูดของเธอแล้ว เธอก็หน้าดำคร่ำเครียดราวก้นหม้อ โกรธจนอกแทบระเบิด
คำพูดที่ตั้งใจจะโยนความผิดก็ถูกกลืนกลับเข้าไป
“นังกู้ฉางซิน!”
เธอพูดอย่างโกรธเกรี้ยว