กู้ฉางชิงมองลู่ซือยวี่ที่กำลังจากไปและนึกถึงคำพูดของเธอ ในใจรู้สึกกระวนกระวาย
เธอขมวดคิ้วและยังไม่ทันคิดว่าเกิดอะไรขึ้น คำถากถางของคุณนายเฟิงก็ดังขึ้นในหัว
“กู้ฉางซิน พอใจแกหรือยัง?”
กู้ฉางชิงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนี้
เธออยากพูดบางสิ่งแต่คุณนายเฟิงไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดเลยแถมพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีอีกว่า: “อย่าคิดว่าแกยุยงให้จิงเหยาไล่ซือยวี่ออกไปได้แล้วฉันจะมองแกเปลี่ยนไป ในสายตาฉันแกไม่มีวันสู้ซือยวี่ได้!”
เธอพูดจบก็จ้องกู้ฉางชิงอย่างเกรี้ยวโกรธแล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่หันมามอง
สาวใช้เห็นเช่นนี้ก็ทำเสียงหึออกมาเบาๆจากนั้นเดินตามคุณนายเฟิงเข้าบ้านไป
กู้ฉางชิงมองพวกเขาและหัวเราะออกมา
เรื่องที่ลู่ซือยวี่ต้องออกจากบ้าน พวกเขาบอกเป็นความผิดของเธอ?
แต่มันเกี่ยวข้องกับเธอตรงไหน ทั้งหมดก็เป็นการตัดสินใจของเฟิงจิงเหยา เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องราวเมื่อเช้านี้
คงเพราะไม่กล้าบ่นว่าต่อหน้าเฟิงจิงเหยา จึงมาหาที่ลงระบายแทน
เมื่อเธอคิดแบบนี้ ในใจก็ปล่อยโล่งและมุ่งหน้าไปบริษัท
จะว่าไปวันนี้ลู่ซือยวี่ไม่เข้าบริษัทก็คงเป็นอีกวันที่เงียบสงบ
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน กู้ฉางชิงกลับถึงบ้านกำลังจะเข้าไปห้องอาบน้ำก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันดังมาจากข้างนอก
“ถอยไปนะ!”
เฟิงจิ้งหยวนพูดต่อว่าผู้ดูแลบ้าน
“คุณหนูห้า ไม่ควรเข้าไปนะคะคุณนายรองกำลังอาบน้ำและอีกอย่างก็เป็นของนอนของคุณชายอีก”
ผู้ดูแลบ้านยืนขวางและพูดอย่างสุภาพ
“เหอะ นังช่างหน้าด้านเนอะทำให้ซือยวี่ต้องย้ายออกจากบ้านแล้วยังมีหน้ามามีความสุขอยู่แบบนี้!”
เฟิงจิ้งหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของผู้ดูแลบ้านเลย คิดแต่จะแก้แค้นให้เพื่อน
“ฉันจะพูดครั้งสุดท้าย ถอยไป ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”
เธอขมวดคิ้วและต่อว่าผู้ดูแลบ้าน: “อย่าลืมสิ! แกก็เป็นแค่คนใช้ของบ้านนี้ มีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน ถ้ายังไม่ถอยไป คืนนี้ฉันให้จิงเหยาไล่แกออกแน่!”
ผู้ดูแลบ้านได้ยินเช่นนี้ มองไปที่เฟิงจิ้งหยวนอย่างเย็นชา ดูไม่ออกว่าสุขหรือทุกข์และตอบกลับอย่างเย็นชา:” ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องให้คุณหนูห้าเสียน้ำลายเปล่าๆแล้วหล่ะ”
พูดมาขนาดนี้ก็ปล่อยให้เฟิงจิ้งหยวนไปบอกเถอะ
เฟิงจิ้งหยวนเข้าใจถึงความหมายของคำรู้สึกโกรธมากจนหน้าแดงไปหมด
ในขณะที่เธอกำลังจะสวนกลับอีกคำ กู้ฉางชิงก็เดินออกมาจากห้อง
“เอะอะโวยวาย มีเรื่องอะไรกัน?”
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยินการโต้เถียงเมื่อกี้จึงตำหนิและถามออกมา
จากนั้นก็หันไปสังเกตเห็นเฟิงจิ้งหยวนจึงถามด้วยความประหลาดใจว่า: “เอ้ะ คุณอาเล็ก ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เฟิงจิ้งหยวนเห็นท่าทางเธอทำเหมือนไม่รู้เรื่อง ตอบด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง: “ฉันมาทำไม แกไม่รู้จริงๆหรอ? ฉันขอเตือนให้แกไปพาซือยวี่กลับมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันไม่จบกับแกแน่!”
กู้ฉางชิงเลิกขมวดคิ้ว และดูออกท่าทางของเธอมาเพราะเกี่ยวข้องกับลู่ซือยวี่
“เรื่องนี้ฉันต้องขอโทษด้วย มันเป็นการตัดสินใจของจิงเหยา ถ้าฉันไปพาคนกลับมาก็คงเป็นการหักหน้าจิงเหยา”
เฟิงจิงเหยาฟังคำยุยงของเธอ ไม่ใช่โกรธเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว
“โกหกทั้งเพ ใครๆก็รู้ว่าจิงเหยาไล่ซือยวี่ออกจากบ้านก็เป็นเพราะคำยุยงของแก กู้ฉางซิน แกมันตัวอิจฉา อิจฉาที่แม่รักและเอ็นดูซื่อยวี่มากกว่า แกกลัวจะโดนแทนที่ ฉันจะบอกให้ ต่อให้แกอิจฉาไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะแกมันคนนอก แต่ซือยวี่เป็นคนในบ้านของพวกเรา!”
เธอชี้หน้าต่อว่ากู้ฉางชิงอย่างดุเดือน จนกู้ฉางชิงทนฟังไม่ไหว
“ใช่ค่ะ คุณอาเล็กพูดถูก ในสายตาพวกคุณฉันเป็นแค่คนนอก แต่จิงเหยาปกป้องฉัน แล้วคุณจะทำไม?”
เธอพูดอย่างเย็นชา หัวเราะและมองไปที่เฟิงจิ้งหยวน: “อีกอย่าง ถ้าฉันเป็นคนไล่น้องซือยวี่ออกจากบ้านจริง คุณอาคิดว่าหลังจากที่ฉันพยายามไล่คนออกจากบ้านไปได้แล้ว ฉันจะตามเขากลับมาอีกงั้นหรอ? คุณอาเล็กอย่ามาพูดตลกจะดีกว่า!”
“แก——“
เฟิงจิ้งหยวนตกใจอึ้ง จ้องมองเธอเป็นเวลานานและพูดอะไรไม่ออก
”ฉันทำไมหรอ?”
กู้ฉางชิงเลิกขมวดคิ้วทำหน้าตาเฉยๆ
เฟิงจิ้งหยวนเห็นท่าทางเธอแบบนี้ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า
“แกได้เห็นดีแน่ ฉันไม่ปล่อยเรื่องนี้ไว้หรอก!”
เธอทิ้งท้ายคำเหล่านี้ไว้และเดินหันหลังจากไปด้วยความโกรธ
เห็นเธอเดินจากไป กู้ฉางชิงก็หุบยิ้มที่มุมปากและกลับมาหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
สัญชาตญานบอกเธอ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่
แต่ในความเป็นจริงยิ่งไปกว่านั้น
หลังจากเฟิงจิงเหยาออกไป ก็ตรงไปที่บ้านใหญ่เพื่อไปหาคุณนายเฟิง
“พี่สะใภ้!”
เธอเห็นคุณนายเฟิงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ก็เดินไปหาพร้อมความโกรธ
“จิ้งหยวนเกิดอะไรขึ้น? ใครทำให้โมโหขนาดนี้?”
คุณนายเฟิงเห็นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความโมโหจึงรีบเอ่ยถาม
“จะใครล่ะก็นังกู้ฉางซินผู้หญิงคนนั้นไง!”
เฟิงจิ้งหยวนกัดฟันตอบด้วยความโมโห
คุณนายเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกมีน้ำโหด้วย: “มันทำอะไรอีกแล้ว?”
“ผู้หญิงคนนั้นน่าไม่อาย!”
เฟิงจิ้งหยวนเล่าบทสนทนาเมื่อกี้ทั้งหมดออกมา คุณนายเฟิงที่กำลังฟังก็รู้สึกโกรธขึ้นมาด้วย
“ผู้หญิงคนนี้พูดแบบนี้จริงๆหรอ?”
“คงไม่ใช่เพราะว่าจิงเหยาเข้าข้างเธอ ยิ่งอยู่ยิ่งเหิมเกริม”
เฟิงจิ้งหยวนกัดฟันตอบด้วยความโมโห
ทันใดนั้นก็เหมือนว่าเธอจะนึกอะไรออก บทสนทนาเปลี่ยนไป เม้มปากและพูดว่า: “ใช่สิ พวกเราส่งซือยวี่กลับไปครั้งคิดผิดแน่ๆเลย”
คุณนายเฟิงที่กำลังโมโหกู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ก็รีบถามกลับ: “ว่ายังไงนะ?”
เฟิงจิ้งหยวนเห็นเช่นนี้จึงเล่าสิ่งที่เธอได้ยินออกมา
“เมื่อสองวันก่อนฉันไปที่งานเลี้ยง และได้ยินเพื่อนในแวดวงเล่ากันว่า พ่อของลู่ซือยวี่กำลังก้าวหน้าไปได้ดี”
คุณนายเฟิงฟังจบก็ขมวดคิ้ว
“เรื่องจริงหรอ?”
“จริงแท้แน่นอนไม่อย่างงั้นคนในแวกวงคงไม่เอามาพูดกัน พวกเราส่งซือยวี่กลับไปแบบนี้ ไม่รู้ว่าตระกูลลู่ทางนุ้นจะเคืองเราไหม ไม่ใช่ว่าเราอาจจะได้โอกาสดีๆแต่ก็กลับไม่ได้”
คุณนายเฟิงเม้มปากไม่ได้พูดอะไรกำลังคิดถึงข่าวลือนี้ด้วยความสงสัย
ใช้เวลาไม่นานความสงสัยของเธอก็ถูกไข
เพราะคืนวันก่อนที่เฟิงซู่กลับมาใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“มีแต่คุณนายนี่แหละที่มองการณ์ไกล”
เขาจับมือคุณนายเฟิงและพูดออกมาด้วยความโล่งใจ
คุณนายเฟิงได้ยินเช่นนี้ ไม่เข้าใจและมองไปที่เหิงซู่
“นายท่าน พูดว่าอย่างไร?”
เฟิงซู่เห็นเช่นนี้ คิดว่าเธอไม่รู้การเลื่อนขั้นของพ่อลู่ จึงเล่าใหม่อีกรอบ
“ก็ตอนแรกเพราะเธอชอบยัยซือยวี่ พาเธอมาอาศัยอยู่บ้าน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถึงตอนที่บ้านลู่เลื่อนขั้น บ้านเฟิงของเราก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย”
ในขณะที่กำลังพูดอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา: “เราต้องพึ่งพาอาศัยกัน คราวนี้ต้องรักษาความสัมพันธ์กับตระกูลลู่ให้ดี”
คุณนายเฟิงได้ยินเล่นนี้สายตาเต็มไปด้วยความอึ้ง
ไม่มีเหตุผลอื่น เพียงแค่ตำแหน่งที่พ่อลู่ได้เลื่อนเป็นตำแหน่งที่สูงและมีอำนาจ
แค่รอให้เธอใจเย็นลงหน่อย ใบหน้าที่มืดมนยังมีความกังวลอยู่
เพราะเธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลู่ซือยวี่ถูกพวกเขาไล่ออกไปแล้ว!
อีกอย่างคำพูดที่น้องสะใภ้บอกเธอเมื่อเช้ายังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้สีหน้าเธอเปลี่ยนไปดูแย่มาก