สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 96 เกือบหลุดไปแล้ว

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ลู่ซือยวี่เข้าใจความหมายที่แม่พูด พยักหน้าและจัดการกับอารมณ์ตัวเอง

จริง เธอยังมีโอกาส จะให้เพียงช่วงเวลาสั้นๆแค่นี้มาทำให้เธอแพ้ไม่ได้

กู้ฉางซิน อนาคตยังอีกยาวไกลเรามาดูกัน

……

ทางกู้ฉางชิง ยังไม่รู้ว่าลู่ซือยวี่วางแผนที่จะแข่งกับเธอไปทีละนิด

ทั้งสองคนกลับถึงบ้านใหม่ จู่ๆเฟิงจิงเหยาก็ถามว่า: “ว่าแต่ เสื้อผ้าที่ฝ่ายออกแบบกำลังผลิตเป็นอย่างไรบ้าง อีกสองวันบริษัทก็จะเอาออกมาโปรโมทแล้วนะ”

กู้ฉางชิงขมวดคิ้วและตอบ: “น่าจะใกล้เสร็จหมดแล้ว ที่ฉันยังเหลืออีกชุดเดียว คืนนี้แก้สักนิดก็เรียบร้อยหมดละ”

เฟิงจิงเหยาพยักหน้า: “เหนื่อยหน่อยนะ”

กู้ฉางชิงส่ายหัวพูดสั้นๆว่าอาบน้ำและเดินเข้าห้องอาบน้ำไป

ผ่านไปไม่นานเธออาบน้ำเสร็จออกมาก็ไม่ได้สนใจเฟิงจิงเหยา เดินไปโต๊ะทำงานตั้งหน้าตั้งตาทำงานตัวเองต่อ

เฟิงจิงเหยาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หยิบชุดนอนและเดินเข้าห้องอาบน้ำ อาบเสร็จออกมาก็ไม่ได้รบกวนเธอ เขาเปิดไวน์แดงและหยิบนิตยสารการเงินไปนั่งอ่านอยู่ที่โซฟาในห้องอย่างสบายๆ

แต่ว่าตัวอักษรในหนังสือไม่เข้าหัวสักตัวเพราะว่าสายตามัวแต่จ้องมองกู้ฉางชิงโดยไม่รู้ตัว

ภายใต้แสงที่นุ่มนวล หลังของกู้ฉางชิงที่ผอมตัวเล็ก ทำให้คนอดใจไม่ไหวที่อยากจะอุ้มมากอดไว้ในอ้อมกอด

เขาจิบไวน์และจ้องมองไปที่กู้ฉางชิงด้วยความมึนมัว

และนึกถึงความสัมพันธ์ช่วงนี้ ทำให้รู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

กู้ฉางชิงสังเกตเห็นรู้สึกมีคนจ้องมองอยู่ข้างหลัง ทำให้เธอรู้สึกเกรงไปทั้งตัว แต่เธอก็ปรับตัวได้ไวทำให้ตัวเองไม่สนใจสิ่งรอบข้างและตั้งใจลงมือทำงานต่อไป

ไม่รู้ว่าเธอใช้เวลานานแค่ไหน สุดท้ายชุดสุดท้ายที่เธอทำก็ถือว่าสำเร็จลุล่วง

“เสร็จแล้ว!”

เธออดไม่ได้ที่จะยืดเส้นยืดสาย มองไปที่ผลงานของเธอใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม

เฟิงจิงเหยาได้ยินเสียงดีใจจึงหันไปมอง

“สมบูรณ์แบบที่สุด”

เขาต้องยอมรับในความสามารถด้านการออกแบบของกู้ฉางชิง

ชุดที่เสร็จแล้วเต็มไปด้วยสีสัน มีความเป็นสามมิติดึงดูดสายตาคนที่สุด

กู้ฉางชิงกำลังฟังคำชมของเขา กำลังจะพูดถ่อมตนแต่เสียงท้องร้อง’จ๊อกจ๊อก’ก็ดังขึ้นก่อน

เสียงดังไม่เบา เธอรับประกันได้เลยว่าเฟิงจิงเหยาต้องได้ยินแน่นอน

ใบหน้าเธอรู้สึกเขินอาย

“เธอหิวหรอ?”

เฟิงจิงเหยาไม่ได้หัวเราะขำเธอและถามเบาๆ

กู้ฉางชิงพยักหน้า

“หิวนิดหน่อย”

มื้อค่ำวันนี้ที่บ้านตระกูลลู่ เธอแทบจะไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อกี้ก็มัวแต่วุ่นกับการแก้งานทำให้ย่อยเร็วกว่าปกติ

เฟิงจิงเหยาไม่พูดอะไรมาก ให้เธอลงไปข้างล่างแล้วเรียกคนรับใช้ทำอาหารให้

กู้ฉางชิงไม่ได้ปฏิเสธ เธอพยักหน้าและเดินออกไป

เมื่อเธอไปถึงห้องครัว คนรับใช้เลิกก็เลิกงานหมดแล้ว

เธอก็ไม่อยากไปรบกวนจึงตัดสินใจจะหาอะไรกินเอง

ทันทีที่เธอเปิดตู้เย็นก็ต้องตะลึง

ข้างในมีแต่อาหารสดทำให้เธอไม่สามารถลงมือทำได้

เธอไม่เชื่อว่าห้องครัวใหญ่ขนาดนี้จะไม่มีอาหารสำเร็จรูปเลย จึงค้นหาอย่างจริงจังแล้วก็เจอบะหมี่

“โชคดียังมีแก ไม่งั้นคืนนี้ฉันได้หิวทั้งคืนแน่เลย”

เธอกำลังเตรียมจะเทบะหมี่ลงจาน ทันใดนั้นก็คิดได้ว่ายังมีเฟิงจิงเหยาที่อยู่ข้างบน เวลาผ่านไปนานแล้วเขาเองก็น่าจะหิวแล้วแหละมั้ง?

อีกอย่างอยู่ที่บ้านลู่ ฉันก็เห็นเขากินไม่เยอะ

คิดได้เช่นนี้ เธอจึงเดินขึ้นไปถาม

“เฟิงจิงเหยา เธอจะกินอะไรไหม?”

เฟิงจิงเหยาได้ยินเช่นนี้ ใบหน้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

เขาเหลือบไปมองเวลาในโทรศัพท์ ขมวดคิ้วและพูดว่า: “เวลานี้คนรับใช้น่าจะเลิกงานไปหมดแล้วไม่ใช่หรอ?”

“ใช่สิ ฉันเลยว่าจะทำเอง พอดีนึกขึ้นได้ว่ามื้อค่ำเธอเองก็กินไปเยอะก็เลยมาถามดูก่อน”

กู้ฉางชิงตอบโดยไม่คิด ทำให้เฟิงจิงเหยาต้องหรี่ตาสงสัย

เพราะเขาไม่เคยได้ยินเลยว่าคุณหนูกู้ทำอาหารเป็นด้วย

ข่าวลือกันว่าคุณหนูคนนี้เหมือนคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด อย่าว่าแต่แต่งมาตระกูลเฟิงเลย ต่อให้อยู่ตระกูลกู้เธอก็สุขสบายไม่เคยลำบาก

กู้ฉางชิงไม่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าสงสัยของเฟิงจิงเหยา เห็นเขาไม่ตอบสักทีจึงถามอีกรอบ

“เธอจะกินไหม?”

เฟิงจิงเหยาตั้งสติ มองเธออย่างลึกซึ้งและตอบว่า: “กิน”

กู้ฉางชิงพยักหน้าแล้วหันหลังเดินลงไปเตรียมตัวข้างล่าง เธอไม่ได้สังเกตเห็นความแปลกใจของเฟิงจิงเหยาและไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเข้าครัวมันผิดปกติยังไง

ใครบอกให้เธอหิวเกินไปล่าว!

ในขณะเดียวกันเฟิงจิงเหยามองข้างหลังเธอที่กำลังเดินไป ทันใดนั้นเหมือนนึกออกไรจึงวางนิตยสารและเดินตามลงไปดู

เมื่อเขามาถึงห้องครัวก็เห็นกู้ฉางชิงสวมผ้ากันเปื้อน กำลังจัดการวัตถุดิบอย่างชำนาญ

ล้างผัก หั่นผัก หั่นเนื้อ เทน้ำมัน ต้มหมี่ ทำทุกอย่างอย่างชำนาญราวกับว่าทำเป็นประจำอยู่แล้ว

เวลาผ่านไปไม่นาน ผัดหมี่กลิ่นหอมฟุ้งสองจานก็พร้อมเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ

หน้าตาและกลิ่นน่ากิน จนเฟิงจิงเหยาต้องตะลึงยิ่งไปกว่านั้นเขายังสงสัยอีก

“กินได้แล้ว”

กู้ฉางยังก็ยังไม่สังเกตเห็นความประหลาดใจในสายตาเขา ยื่นตะเกียบให้พร้อมบอกให้กิน

เฟิงจิงเหยาตั้งสติและเหลือบมองเธอ นั่งลงที่โต๊ะอาหาร

ท่าทางของเขาสง่างามมากราวกับเป็นงานศิลปะที่ประดับประดางดงาม จนกู้ฉางชิงที่มองอยู่รู้สึกหวั่นไหวไปทั้งใจ

เหมาะสมแล้วที่ได้รับการสอนมารยาทแค่กินก๋วยเตี๋ยวยังดูดีขนาดนี้

“รสชาติพอได้ไหม?”

เธอเห็นเฟิงจิงเหยาวางตะเกียบลงก็เลยเอ่ยถามไปโดยไม่รู้ตัว

เฟิงจิงเหยามองเธอด้วยสายตาสับซ้อนและตอบว่า: “ก็ไม่เลวนะ”

“เธอพอกินได้ก็โอเคแล้ว”

ไม่รู้ว่านี่ใช่คำชมของเขาไหม กู้ฉางชิงก็ก้มหน้ากินบะหมี่ในชามต่อ

เพราะว่าหิว เธอกินอย่างมุมมาม

เฟิงจิงเหยาเอาแต่จ้องมองเธอและแกล้งถามว่า: “ปกติเธออยู่บ้านทำอาหารไหม?”

“อืม เมื่อก่อนอยู่บ้านทำเป็นประจำ ฉัน……”

กู้ฉางชิงตอบไปโดยไม่รู้ตัว พูดถึงครึ่งนึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอพูดหลุดออกไป

“เธอทำไม?”

เฟิงจิงเหยาไม่สังเกตเห็นสีหน้าของเธอ จึงถามต่อไป

กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้แววตาทั้งคู่มองที่เขารู้สึกกดดันไปทั้งใจ

“ฉัน……ตอนฉันเรียนมหาลัยไม่ชินกับอาหารข้างนอก เพราะงั้นเลยชอบต้มบะหมี่กินเอง”

เฟิงจิงเหยาเห็นท่าทีกระสับกระส่ายของเธอจึงถามอีกว่า: “ทำเป็นแค่บะหมี่หรอ?”

กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขาเชื่อไหมทำได้แค่พยักหน้าและตอบว่า: “ใช่แล้วทำเป็นแต่บะหมี่เพราะมันง่ายที่สุดแล้ว”

เฟิงจิงเหยาเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา

“ต้มบะหมี่เป็นก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว เดี๋ยวนี้มีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกที่เข้าครัวทำอาหารเป็น”

กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

คำพูดนี้ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อแล้ว

ในขณะที่เธอก็ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่ของเธอสองสามคำอย่างตั้งใจ

เฟิงจิงเหยาเห็นเธอก้มหน้ากินอาหาร ตาทั้งคู่ก็หรี่ลง

เขาไม่สามารถดูออกได้ว่าเมื่อกี้ผู้คนนี้กังวลเรื่องอะไรราวกับว่ามีอะไรซ่อนอยู่ทำให้เขารู้สึกมีอะไรผิดปกติแต่เขาก็คิดไม่ออกว่ามีอะไรผิดปกติ ทำได้เพียงรอสังเกตครั้งต่อไป

กู้ฉางชิงไม่รู้ว่าในใจเขากำลังสงสัยอะไรแต่ว่าการถากถามเมื่อกี้ทำให้เธอรู้สึกผิดและเธอก็กลัวที่จะอยู่กับเฟิงจิงเหยา

ดังนั้นเธอจึงรีบเก็บถ้วย อ้างว่าจะไปทำงานต่อและรีบขึ้นไปข้างบน

เมื่อถึงห้องนอน เธอก็ตบที่หน้าอกตัวเองเบาๆและพูดว่า: “วันนี้เสี่ยงมาก เกือบหลุดพูดออกไปแล้วครั้งหน้าต้องระวังกว่านี้!”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท