สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 97 ไม่ช้าก็เร็วต้องรู้ความลับของเธอ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

เมื่อตกดึกเฟิงจิงเหยาก็กลับมา

กู้ฉางชิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวนอกประตูเธอรีบขึ้นเตียงและแกล้งทำเป็นนอนหลับ

เฟิงจิงเหยาเปิดประตูเข้ามาก็เห็นเธอนอนอยู่บนเตียง ดวงตาสองข้างปิดสนิทแต่ขนตายังมีความกระพริบกระพริบเล็กน้อย ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่หลับแล้ว

เขารู้ว่าเธอกำลังแกล้งหลับแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่มองดูและรู้สึกสงสัยขึ้นมาอีกครั้งว่าผู้หญิงคนนี้กำลังปกปิดอะไรกันแน่

ผู้หญิงคนนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่ทำให้เธอต้องกลัวขนาดนี้ถึงขั้นไม่อยากอยู่ใกล้

และเขาก็ขึ้นไปนอนบนเตียงพร้อมความสงสัย

แต่เธอที่อยู่บนเตียงเมื่อเขาขยับไปใกล้ร่างกายเธอก็เกรงไปหมดและค่อยๆปล่อยผ่อนคลายทีหลัง

เฟิงจิงเหยาหันหน้ามาดวงตาทั้งสองจ้องมองไปที่ใบหน้าของกู้ฉางชิง

ไม่ว่าเธอจะซ่อนความลับอะไรไม่ช้าก็เร็วฉันจะต้องรู้ให้ได้!

กู้ฉางชิงไม่รู้ว่าความแปลกของเธอถูกเฟิงจิงเหยาจ้องมองกัดไม่ปล่อยแต่แรกแล้ว

เธอแกล้งหลับไปได้สักพักก็เผลอหลับสนิทจริงๆอย่างสบาย

ทั้งคืนไม่มีอะไรเกินขึ้น

……

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนลุกจากเตียง หลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จก็ลงมาข้างล่างพร้อมกัน

น่าจะเป็นเพราะพิรุธของเธอเมื่อคืน ทำให้เช้านี้กู้ฉางชิงเงียบกว่าปกตื

เฟิงจิงเหยาแอบเหลือบมองเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

แต่จนเวลานี้แล้วเขายังอยู่ที่บ้านทำให้กู้ฉางชิงประหลาดใจเล็กน้อย

เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็ลุกขึ้นและพูดว่า: “ฉันกินเสร็จแล้ว จะแวะไปบริษัทสักหน่อย”

พูดจบ กำลังจะเดินจากไปก็ถูกเรียกหยุดชะงักซะก่อน

“เดี๋ยวก่อน รอแปปนึงฉันจะไปพร้อมกับเธอ”

กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งรถไปบริษัทพร้อมกัน กู้ฉางชิงยังคงลงจากรถที่ปากทาง

เธอเดินไปถึงบริษัท กำลังจะเดินเข้าแผนกไม่คาดคิดทันใดนั้นก็เจอลู่ซือยวี่

ลู่ซือยวี่เองก็เห็นเธอเช่นกัน มองเธอด้วยสายตาเยือกเย็นและเดินผ่านไป

กู้ฉางชิงเห็นเช่นนี้ ไม่ได้ใส่ใจและเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

ในใจเธอเองรู้ดี ถึงแม้ว่าลู่ซือยวี่จะย้ายออกไปจากบ้านตระกูลเฟิงแต่นี่ก็เป็นเพียงชั่วคราวไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับมาสักวัน

คิดถึงตรงนี้ เธอรีบจัดการความคิดในใจและลงมือจัดการงานที่อยู่ในมือ

วันนี้เป็นวันที่ต้องส่งเสื้อที่ออกแบบ ตามหลักแล้วเธอน่าจะต้องส่งผลงานไปให้ลู่ซือยวี่

แต่ประสบการณ์ของเธอบอกถ้าหากส่งมอบให้ลู่ซือยวี่ต้องมีอะไรแผลงๆเกินขึ้น

ผู้หญิงคนนั้นอยากแก้แค้นเธอ ยิ่งไปกว่าถ้ามีโอกาสได้แก้แค้นเธอคงไม่ปล่อยไปแน่

และนี้เป็นการตัดเย็บครั้งแรกบริษัทต้องกำลังจับตามอง เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ยอมส่งผลงานให้ลู่ซือยวี่เด็ดขาด

คิดเช่นนี้แล้ว เธอหยิบเสื้อทั้งสามตัวที่เธอทำเองเดินตรงไปที่ห้องทำงานของผู้จัดการ

“ผู้จัดการใหญ่”

เธอเคาะประตูเข้ามา หลี่ม่านเห็นเธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ดีไซเนอร์กู้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ ไม่ได้บอกจุดประสงค์ของเธอออกมา แต่กลับยื่นเสื้อผ้าของเธอให้

“ฉันเองก็ไม่อยากเอาความคิดของตัวเองไปตัดสินจิตใจคน จะว่าไปแล้วผู้จัดการก็น่าจะรู้ถึงปัญหาระหว่างฉันกับผู้อำนวยการลู่ เพราะอย่างงี้ฉันขอส่งมอบเสื้อนี้ให้คุณดีกว่าจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น มันอาจส่งผลต่อความก้าวหน้าของบริษัทได้”

หลี่ม่านเข้าใจความหมายของเธอ ไม่ปฏิเสธและพูดต่อ: “ได้สิ มีเรื่องอื่นอีกไหม?”

“ไม่มีแล้ว”

กู้ฉางชิงส่ายหัว หันหลังเดินกลับไปที่ห้องทำงาน

เมื่อเธอกลับถึงโต๊ะทำงาน ก็มีแจ้งมาว่าจะมีการประชุม

การประชุมนี้มีสองประเด็น ประเด็นที่หนึ่งให้ดีไซเนอร์ส่งแบบ อีกประเด็นคือบริษัทประกาศจะดำเนินการงานต่อไป

ในห้องประชุม นอกจากกู้ฉางชิง ดีไซเนอร์คนอื่นเขาได้ส่งผลงานหมดแล้ว

“ดีไซเนอร์กู้ เสื้อผ้าของคุณล่ะ?”

ลู่ซือยวี่ที่คอยจับตามองกู้ฉางชิง เมื่อเห็นทุกคนส่งหมดแล้วเหลือแต่เธอ อดไม่ได้ที่จะเดาว่า: “หรือว่าเสื้อผ้าของดีไซเนอร์กู้ยังออกแบบไม่เสร็จ?”

เธอจ้องมองกู้ฉางชิงไม่หยุด ดวงตาเต็มไปด้วยเจตนาร้าย

เพียงแค่กู้ฉางชิงตอบมาคำเดียวว่าใช่ เธอก็พร้อมที่จะจัดการผู้หญิงคนนี้ เหมาะกับช่วงเวลานี้ที่เธอต้องการเอาคืน

กู้ฉางชิงมองไปที่ตาเธอและเดาออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ หัวเราะเบาๆและพูดว่า: “สงสัยคงต้องทำให้ผู้อำนวยการผิดหวังแล้วล่ะ เพราะงานของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

“จริงหรอ? แล้วทำไมไม่โชว์ผลงานเธอล่ะ ทำไมมันน่าอับอายหรอ?”

ลู่ซือยวี่ถามด้วยความร้อนรน

กู้ฉางชิงไม่ได้ใส่ใจ เสแสร้งแปลกใจและพูดว่า: “ใครบอกฉันยังไม่ได้ส่ง ฉันส่งให้ผู้จัดการใหญ่แล้ว นี่ฉันยังไม่ได้บอกเธอหรอ?”

ลู่ซือยวี่ได้ยินเช่นนี้รู้สึกเสียหน้าทันที

“กู้ฉางซิน เธอหมายความว่ายังไง?”

ทำเช่นนี้ดูเหมือนว่าเป็นการข้ามหัวเธอ เอาผลงานไปส่งให้ผู้จัดการใหญ่โดยตรงราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ในสายตา

“ผู้อำนวยการทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย ฉันไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย แค่กลัวว่าถ้าผู้อำนวยการต้องรับเสื้อผ้ามากมายขนาดนี้จะเกิดความสับสนหรือถ้าเกิดตำหนิอะไรก็อาจส่งผลต่อบริษัท……อีกอย่าง ผู้จัดการก็อยากดูเสื้อผ้าที่ฉันออกแบบพอดีฉันก็เลยส่งมอบให้ผู้จัดการไปเลยทีเดียว”

พูดจบเธอก็มองไปที่ลู่ซือยวี่อย่างลึกซึ้ง

ลู่ซือยวี่ก็ไม่ใช่ว่าจะฟังไม่ออกเธอพูดหมายความว่าอะไร นี่เป็นการแสดงที่กำลังเสแสร้ง

เธอโกรธจนหน้าซีดแต่ก็ตอบโต้อะไรไม่ได้

“ถ้าเป็นความต้องการของผู้จัดการก็แล้วไป แต่คราวหลังถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก ดีไซเนอร์กู้ช่วยแจ้งก่อนสักคำจะได้ไม่ทำให้ใครเข้าใจผิดอีก!”

เธอกัดฟันพูดออกมาทีละคำ

กู้ฉางชิงยักไหล่ แสดงท่าทางว่ารับรู้แล้ว

ลู่ซือยวี่เห็นเช่นนี้ก็เปลี่ยนหัวเรื่อง และพูดถึงการโปรโมทการออกแบบของบริษัท

“เกี่ยวกับโฆษณาของบริษัท ฉันได้ยินมาว่าบริษัทจะจ้างนายแบบที่มือชื่อเสียงอันดับหนึ่งของโลกมาเป็นตัวแทนของแบรน์ ฉันหวังว่าทุกคนจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ออกมาดีและไม่มีข้อผิดพลาดที่จะส่งผลกระทบต่อบริษัท!”

เมื่อเธอพูดจบก็มองไปที่ทุกคนรอบๆแต่สายตาจ้องมองไปที่กู้ฉางชิง

กู้ฉางชิงไม่ได้สังเกตมากนัก เธอก็เหมือนคนอื่นๆที่ทำตามการตลาดของบริษัท เพื่อให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นถึงเป้า

ต้องรู้ไว้เลยว่ามู่เฉาเกอเป็นถึงคนดังอันดับหนึ่งในประเทศเธอคงไม่ใช่คนง่ายๆแน่นอน เธอยังเป็นมาตราฐานของสุภาพสตรี

ไม่เพียงแค่นั้น ยังเป็นบรรณาธิการบริหารของนิตยสารแฟชั่นชั้นนำในประเทศแถมยังเป็นผู้นำเทรนด์อีกด้วย

และเสื้อผ้าที่เธอใส่ยังเป็นของลิมิเต็ดมีจำกัด ดาราไม่น้อยยังต้องแย่งกันเพื่อได้มันมา

พูดได้เลยว่าเธอคือผู้นำแฟชั่นที่ไม่เคยตกเทรนด์!

ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงแต่ลู่ซือยวี่ได้มีการคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว

เธอตบมือเบาๆเพื่อให้ทุกคนอยู่ในความสงบ จากนั้นก็ฝากงานไว้อีกเล็กน้อยและได้ยุติการประชุม

กู้ฉางชิงเดินออกไปพร้อมคนอื่นๆ

ตอนแรกคิดว่าลู่ซือยวี่ต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แต่ปรากฏว่าผ่านไปครึ่งวันแล้วยังไร้วี่แววว่าเธอจะมาหาเรื่อง

มันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจแต่เธอก็ไม่ได้คิดมากอะไร

เมื่อถึงตอนเย็น เธอเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่าจะออกจากบริษัทเลย จะได้ไม่ต้องเจอหน้าลู่ซือยวี่ที่เหม็นขี้หน้าต่อกันด้วย

ลู่ซือยวี่ไม่รู้ว่ากู้ฉางชิงได้ออกจากบริษัทไปแล้ว

เธอไปที่ห้องทำงานของหลี่ม่าน อ้างนุ้นนี้เพื่อขอให้หลี่ม่านเอางานของกู้ฉางชิงให้เธอดู

หลี่ม่านก็ไม่ได้คิดมากจึงเอาเสื้อออกมา

เมื่อเธอหยิบงานที่กู้ฉางชิงออกแบบออกมาทั้งสามชุด ลู่ซือยวี่เห็นแล้วตาเป็นประกาย……เกิดความอิจฉาขึ้น!

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท