ลู่ซือยวี่มองดูชุดที่สมบูรณ์แบบ คิดไม่ถึงว่ากู้ฉางชิงจะมีความสามารถขนาดนี้
ก็ว่าล่ะทำไมเมื่อกี้ถึงกล้าพูดท้าทายกับเธอ
เธอคิดถึงตรงนี้ก็ใช้ตามองและเริ่มวิเคราะห์
กู้ฉางชิงคนแบบนั้นคงมโนว่าตัวเองเก่งมากสินะ?
ถ้าเกิดงานออกแบบนี้มีปัญหา อยากรู้ว่าแกจะยังหยิ่งผยองได้อีกไหม พี่จิงเหยาจะยังปกป้องแกได้อีกหรือเปล่า!
……
กู้ฉางชิงไม่รู้ว่ามีคนกำลังวางแผนจะทำลายงานของเธอ
เมื่อกลับถึงบ้านเธอก็ไม่ได้เถลไถลที่ไหน แต่กลับหาที่เงียบๆและนั่งวาดงานออกแบบของเธอ
ถึงแม้ว่างานชุดแรกของเธอจะเสร็จแล้ว แต่เธอก็รู้สึกว่างเกินไป
ยิ่งนึกถึงเฟิงจิงเหยาช่วยเธอมากเท่าไหร่ เธอก็อยากวาดออกแบบเพื่อตอบแทนมากเท่านั้น
อีกอย่างระแวกบ้านใหม่ไม่รู้ว่าเพราะอยู่นอกหมู่บ้านหรือไม่ ทิวทัศน์สวนดอกไม้งดงาม สภาพแวดล้อมเงียบสงบ
ศาลาและแท่นจัดดอกไม้มีไม่ขาด ตกแต่งประณีตสวยงาม
ซ่อนตัวที่นี่ เอาชามาด้วยสักเยือกเก้าอี้สักตัวก็สามารถอยู่ได้ทั้งวัน
กู้ฉางชิงเองก็ทำเช่นนี้
เมื่อเริ่มค่ำ เธอก็เตรียมตัวกลับบ้านไปทานมื้อค่ำ ไม่คาดคิดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุย
เธออดไม่ได้ที่จะหยุดและมอง
ทันใดนั้นก็พบว่าเป็นเสียงของเฟิงจิงเหยากับผู้หญิงอีกคน
กู้ฉางชิงได้ยินโดยไม่รู้ตัว ไม่ไกลนักก็มีเสียงผู้หญิงหัวเราะลอยมา
“จิงเหยา ไม่คิดเลยว่าเธอจะชวนฉันมาวันนี้”
เฟิงจิงเหยาเหลือบมองคนข้างๆและพูดว่า: “บรรณาธิการอำดับหนึ่งของนิตยสารแฟชั่น สามารถเชิญมาบ้านตระกูลเฟิงได้ ถือเป็นเกียรติอย่างมาก”
ถึงแม้จะเป็นบทสนทนาปกติ แต่กู้ฉางชิงก็รู้ถึงความหมายคำหยอกล้อนี้ ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ
ปกติไม่ค่อยเห็นเฟิงจิงเหยาพูดหยอกล้อกับใคร แต่หยอกล้อกับผู้หญิงคนนี้ ความสัมพันธ์คงไม่ธรรมดาแน่เลย
ในขณะที่เธอกำลังคิดเรื่อยเปื่อย เสียงตำหนิของผู้หญิงดังขึ้น
“อย่ามาหยอกฉัน ปกติไม่มีธุระไม่เห็นจะมาหาฉันเลย!”
เฟิงจิงเหยาเม้มปากไม่พูดอะไร ผู้หญิงเองก็ไม่ได้ใส่ใจมองไปรอบๆ
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเรื่องพูดด้วยรอยยิ้ม: “ไม่ได้มาที่บ้านตระกูลเฟิงตั้งนาน ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย”
“ต้องเปลี่ยนอะไร?”
เฟิงจิงเหยามองไปที่เธอด้วยความสงสัย
ทั้งสองคนยิ่งคุยยิ่งเข้าใกล้กู้ฉางชิง
แต่ในขณะนั้นกู้ฉางชิงก็ได้ใบเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น
แค่เพียงแวบแรกเธอก็รู้ว่าเธอคือใคร
มู่เฉาเกอ!
ดวงตาเธอเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าเฟิงจิงเหยาจะรู้จักกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
ก็เห็นข้างหน้าไม่ห่างนัก ผู้หญิงแต่งหน้าที่ดูอ่อนช้อยงดงาม ผมลอนสีน้ำตาลยาวพาดไว้หลังบ่า เผยให้เห็นลำคอที่ขาวบาง
ราวกับหงษ์ผู้สูงศักดิ์ ดูแพงและสง่างาม
ทั้งตัวสวมใส่ชุดกี่เพ้าประดับดอกโบตั๋นที่ตัดเย็บละเอียดด้วยงานฝีมือ รัดแน่นตัวเธอทำให้เห็นรูปร่างผอมเพียวสวยงามอย่างชัดเจน
กระโปรงผ่าข้างที่ต้นขาทำให้เมื่อเธอเดินเคลื่อนไหวเผยให้เห็นขาทั้งสองข้างที่เรียวยาว
ทั้งสองคนยืนคู่กันราวกับนางฟ้ากับเทวดา ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวย กู้ฉางชิงที่ดูอยู่รู้สึกทนไม่ได้
เธอขมวดคิ้ว และอยากหลบจากสายตาของทั้งสอง
ไม่คาดคิดแค่เพียงขยับเล็กน้อยก็ถูกพบเห็น
“ฉางซิน”
เฟิงจิงเหยาเรียกเธอ ขมวดคิ้วและถามว่า: “เธอมาทำอะไรตรงนี้?”
กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ต้องหยุดชะงักและหันกลับมา
“ฉันเห็นบรรยากาศตรงนี้ดีก็เลยมานั่งวาดออกแบบตรงนี้”
เฟิงจิงเหยาเห็นกระดานวาดภาพในมือเธอ จึงไม่ได้สงสัยเธอ
“ฉันขอแนะนำ คนนี้เธอจำเป็นต้องทำความรู้จักไว้ มู่เฉาเกอ เธอจะมาเป็นตัวแทนแบรนด์ของบริษัทเรา”
เขาชี้มู่เฉาเกอและแนะนำอย่างนุ่มนวล
”คุณมู่ ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว”
มู่เฉาเกอได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้าให้เธอ ถือเป็นการตอบรับ
แล้วเธอก็หันไปหัวเราะพูดกับเฟิงจิงเหยา
“เรื่องนี้ฉันยังไม่ตอบตกลง เธออย่ามาพูดเล่นหน่ะ”
เฟิงจิงเหยาไม่สนใจและตอบ: “รอให้เธอเห็นงานออกแบบของกู้ฉางชิงก่อน ฉันคิดว่าเธอต้องตอบตกลงแน่นอน”
มู่เฉาเกอได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว มองไปที่กู้ฉางชิงด้วยความประหลาดใจ
กู้ฉางชิงรู้สึกอึ้ง เธอไม่คิดว่าเฟิงจิงเหยาจะพูดแบบนี้
มู่เฉาเกอสังเกตเห็นถึงท่าทีของเธอ ขมวดคิ้วและถามเฟิงจิงเหยา: “เธอกำลังจะบอกว่าให้ฉันเป็นพรีเซ็นเตอร์งานออกแบบของเธอหรอ?”
เฟิงจิงเหยายิ้มไม่ตอบ แต่ในตาเขาสื่อความหมายชัดเจน
มู่เฉาเกอเห็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้เธอประหลาดใจ
“ฉันเคยได้ยินเรื่องราวของคุณกู้แล้วบ้าง แต่ไม่คิดว่าคุณกู้ออกแบบเป็นด้วย เคยเรียนมาหรอ?”
เธอเอ่ยถามกู้ฉางชิง
กู้ฉางชิงไม่สามารถพูดความจริงได้ เพราะตอนนี้เธอคือกู้ฉางซิน
เกี่ยวกับเรื่องของกู้ฉางซิน คนอื่นเขาก็รู้กันอย่างดี
“ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นแค่ความชอบก็เลยลงวิชาเลือกออกแบบ”
เธอใช้ข้ออ้างเดิมที่เคยใช้มาก่อน แต่ดวงตาของมู่เฉาเกอมีความไม่พอใจเล็กน้อย
แต่เธอก็ไม่ได้แสดงอาการออก มองไปที่กระดานออกแบบในมือเธอ หัวเราะและพูดว่า: “คุณกู้จะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะขอดูที่คุณออกแบบ?”
กู้ฉางชิงรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร พยักหน้าและตอบ: “ได้สิ หวังว่าคุณมู่จะให้คำแนะนำเพิ่มเติม”
พูดจบเธอก็ยื่นกระดานออกแบบให้
พูดตามตรงความคิดเห็นของคนในบ้านกับคนนอกบ้านมันแตกต่างกัน
มู่เฉาเกอที่เป็นบรรณาธิการนิตยสารและยังเป็นคนดัง มีมุมมองของตัวเองในการออกแบบเสื้อผ้า เขาได้รับงานออกแบบของกู้ฉางชิง แค่แวบเดียวเธอก็รู้แล้วว่าดีหรือไม่
แต่เฟิงจิงเหยาอดไม่ได้และถามก่อน: “เป็นอย่างไรบ้าง?”
มู่เฉาเกอได้ยินเช่นนี้ ปิดงานออกแบบ หัวเราะจางๆมองไปที่กู้ฉางชิง แล้วตอบว่า: “เธอเจอสมบัติล้ำค่าแล้ว”
เธอพูดจบก็ไม่ได้สนใจสีหน้าของเฟิงจิงเหยา และยื่นกระดานออกแบบคืนกู้ฉาง
”คุณกู้ คุณทำให้ฉันเซอร์ไพรส์มาก”
กู้ฉางชิงเป็นคนถ่อมตัว
ทั้งสองคนพูดคุยกันสองสามคำ เฟิงจิงเหยาเห็นว่าพวกเขาก็อยู่ตรงนี้มาเป็นเวลานานแล้ว พูดขึ้นมาว่า: “ เฉาเกอ เธอเองก็ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว เดี๋ยวรอกินมื้อค่ำด้วยกันนะ”
เพียงแค่เขาเอ่ยคำนี้ออกมาทำให้กู้ฉางชิงอึ้ง
เพราะว่าเฟิงจิงเหยาไม่เคยเอ่ยคำชวนกับใคร
แต่เธอก็ไม่ได้คิดมาก ในเมื่อทั้งสองคนต้องร่วมงานกันการทานอาหารร่วมกันถือเป็นพื้นฐานทางสังคม
มู่เฉาเกอไม่ปฏิเสธ พยักหน้าและพูดว่า: “ได้สิ จะว่าไปฉันเองก็ไม่ได้เจอคุณอาคุณน้ามานานแล้ว ถือโอกาสนี้พบปะท่านเลยละกัน”
พูดจบ ทั้งสามคนก็เดินไปบ้านหลัก
คุณนายเฟิงเมื่อเห็นมู่เฉาเกอก็ดีใจมาก
ยิ่งเป็นช่วงเวลามื้อค่ำยิ่งปลื้มปิติ
ทั้งคีบอาหารให้ ทั้งจับมือ
“เฉาเกอ พูดแล้วก็ฉันล่ะอิจฉาแม่เธอจริงๆ มีลูกสาวที่ดีแบบเธอ อายุยังน้อยก็ได้ดิบได้ดีแล้ว”
“คุณน้าก็ชมเกินไป จิงเหยาเองก็ไม่แพ้กันพ่อของหนูชมแกบ่อยมากๆ”
มู่เฉาเกอตอบอย่างสุภาพ คุณนายเฟิงที่ฟังอยู่ก็รู้สึกสุขไปทั้งใจ
เธอมองไปที่เฟิงจิงเหยาด้วยความพอใจ พูดได้ว่าชีวิตนี้สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้มีลูกชายที่แสนดีแบบนี้
เมื่อเธอมองไปเห็นกู้ฉางชิงที่อยู่ข้างๆเฟิงจิงเหยา อารมณ์ที่กำลังปิติยินดีก็เปลี่ยนไป
ถ้าหากลูกชายเป็นความภาคภูมิใจของเธอ กู้ฉางชิงก็คงเป็นความล้มเหลวของเธอ!