เมื่อกู้ฉางฉิงเห็นสองคนอยู่ด้วยกัน ก็แสดงสายตาประหลาดใจออกมา
เพราะเธอไม่คิดว่าลู่ซือหยี่จะอยู่ที่นี่ด้วย
แต่ทั้งห้องจัดเลี้ยง มีเพียงแค่พวกเขาสามคน
เธอหยุดชะงัก แล้วคิดจะถอยหลังกลับ
ความรู้สึกบอกว่าที่นี่ดูไม่ชอบมาพากล
แต่เฟิงจิ้งหยวนไม่มีทางปล่อยเหยื่อที่เข้ามาติดกับให้หลุดไปได้ง่ายๆแน่
เธอจึงแสร้งมองไม่เห็น แล้วก็เข้าไปในห้อง
กู้ฉางฉิงมองไปรอบๆ แล้วแสร้งถามขึ้นมาว่า “คุณอาเล็กคะ นี่ฉันมาช้าไปหรือคะ ทำไมมีเพียงแค่คุณกับน้องซือหยี่คะ จิ่งเหยาล่ะ กลับไปแล้วหรอ ”
เฟิงจิ้งหยวนรู้ว่าเธอยากจะพูดอะไร จึงยิ้มขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าเธอมาช้าหรอก แต่พวกเรามาเร็วต่างหาก เป็นความผิดฉันเองแหละ ที่จำเวลาผิด เธอก็รอไปก่อนนะ อีกสักพักพวกเขาคงมากัน”
กู้ฉางฉิงสบตาเธอ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำแค่เพียงนั่งรอเงียบๆอยู่ไม่ไกล
ลู่ซือหยีมองเฟิงจิ้งหยวนด้วยสายตามีเลศนัย
โดยไม่ต้องอธิบายออกมาเป็นคำพูด
ผ่านไปสักพัก ก็เริ่มมีคนทยอยเข้ามา
คนเหล่านั้นก็คุ้นหน้าคุ้นตา เป็นกลุ่มลูกคนรวยที่เคยเข้าสังคมกับกู้ฉางซิน
เมื่อพวกเขาเห็นกู้ฉางฉิง ก็เข้ามาทักทาย
“กู้ฉางซิน ไม่เจอกันนาน ออกมาได้แล้วหรอ คิดว่าเธอจะไม่ออกสังคมแล้วซะอีก”
“จริงด้วย ได้ยินว่าเธออยู่บ้านตลอดเลย พวกเราคิดว่าเธอจะเปลี่ยนสไตล์แล้วซะอีก”
“เมื่อก่อนนะ เห็นชวนพวกเราออกมาเที่ยวด้วยกันตลอดเลย ในที่สุด ก็ทนไม่ไหวล่ะสิ ออกมาจนได้นะ”
คนนั้นพูดทีคนนี้พูดที ทำเอากู้ฉางฉิงที่ยิ้มพอเป็นมารยาท กลับยิ้มแห้งเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอเหลือบไปเห็นชวี่จือยวี่ แววตาเธอเรียบนิ่ง
มองชวี่จือยวี่ก้าวเข้ามาตรงหน้า
“ฉางซิน ฉันรู้ว่าเธอคงทนได้ไม่นานหรอก เหอะ เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด วิถีชีวิตแบบนั้นที่พยายามทำให้ท่านประธานเฟิงเห็นน่ะ ไม่อึดอัดหรอ ป่ะ คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ”
เขาพูดพลางเอื้อมมือไปจับเธอ
กู้ฉางฉิงมอง คนที่อยู่ๆก็มาลากเธอออกไป “คุณชายชวี่คะ กรุณาระวังด้วยค่ะ”
พูดจบเธอก็หยุดเดิน แล้วหันไปมองทางเฟิงจิ้งหยวนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ในใจคิดว่าเธอถูกหลอกล่อให้ออกมาแน่ๆ
เพราะปกติ เฟิงจิ้งหยวนก็ไม่มีเจตนาดีต่อเธออยู่แล้ว อยู่ๆจะใจดีมาบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องของเฟิงจิ่งเหยาได้ยังไง
และถ้ามีเรื่องอะไร เฟิงจิ่งเหยาก็ต้องบอกเธอตรงๆอยู่แล้ว
เป็นเพราะเธอโง่เอง ที่คิดว่ายังไงเฟิงจิ้งหยวนก็นคนในตระกูลเฟิง ไม่น่าหาเรื่องกัน ใครจะคิดว่าเธอเป็นคนวางแผน
วันนี้เธอต้องมั่วซุมอยู่กับคนพวกนี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีข่าวลืออะไรออกไปบ้าง
เกรงว่าจะทำให้ตระกูลเฟิงเสียชื่อเสียง คุณนายเฟิงคงไม่ยกโทษให้เธอแน่ๆ
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอก็พยายามไม่ให้เป็นไปตามแผนของเฟิงจิ้งหยวน จึงพูดขึ้นมาว่า “ขอโทษนะคะ พอดีว่าฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ”
“เอ๊ะ กู้ฉางซิน เธอหมายความว่ายังไง พวกเราเพิ่งมาถึงเองนะ เธอจะไปแล้วหรอ”
“หรือว่า พอเป็นสะไภ้ตระกูลเฟิงแล้ว จะไม่เห็นหัวพวกเรา”
“ไม่ใช่ว่า พอเธอเข้าไปอยู่ในตระกูลเฟิงแล้ว จะไม่สนใจเพื่อนๆแบบพวกเรา แล้วก็ตีตัวออกห่างจากพวกเรางั้นสิ”
กู้ฉางฉิงได้ยินพวกเขาต่อว่า ก็คิ้วขมวดแน่น
ถึงแม้ว่าเธออยากตีตัวออกห่างจากพวกคนเหล่านี้จริงๆ แต่ก็พูดออกมาไม่ได้ กลัวว่าทุกคนจะโกรธเอาได้
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันมีธุระจริงๆ”
เธอเม้มปาก แล้วพูดออกมาอีกครั้ง หวังว่าคนพวกนี้จะปล่อยเธอไป
ในขณะนั้นเอง ก็มีทายาทเศรษฐีสองคนก้าวเข้ามา
คนหนึ่งออกแรงจับเธอไว้ แล้วลากเธอไป “ก็ได้ ไหนๆเธอก็จะไปแล้ว งั้นก็มาดื่มสักหน่อยก่อนไปสิ”
พูดจบ พวกเขาก็ลากกู้ฉางฉิงไปที่โต๊ะเหล้าข้างๆ ตรงนั้นมีคนเตรียมเครื่องดื่มไว้เรียบร้อยแล้ว
ในแสงไฟสลัว ก็มองเห็นเครื่องดื่มวางเรียงรายอยู่
กู้ฉางฉิงมองไปก็คิดว่าต้องปฏิเสธให้ได้
และคิดว่างานที่จัดขึ้นในครั้งนี้ต้องเป็นแผนของเฟิงจิ้งหยวนและลู่ซือหยี่ ก็ยิ่งต้องระวังตัว
เครื่องดื่มที่วางอยู่ด้านหน้าดูเป็นสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง
“เกรงว่าจะรบกวนทุกคน ช่วงนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดี หมอสั่งให้งดดื่มค่ะ”
เธอพูดเอาตัวรอด
คนที่ได้ฟังกลับไม่ยอมปล่อยเธอไป
“อ๊ะ ดื่มเหล้าไม่ได้หรอ แต่เมื่อวานฉันยังเห็นเธอดื่มอยู่เลยนะ”
ลู่ซื่อหยี่ทำท่าประหลาดใจ
หลังจากเธอพูดจบ บรรยากาศภายในห้องก็ดูจะอึดอัดขึ้นมา
แต่แค่ครู่เดียวก็หายไป
เหล่าคุณหนูต่างมองกู้ฉางฉิงอย่างไม่พอใจ
“กู้ฉางซิน เธอทำอย่างนี้มันน่าเบื่อนะ”
“แล้วยังจะออกมาเที่ยวกับพวกเราแบบนี้อีก”
กู้ฉางฉิงเห็นสถานการณ์แล้ว ก็ตวัดสายตาไปมองลู่ซือหยี่ แล้วรีบปฏิเสธออกมา “ฉันดื่มไม่ได้จริงๆ เมื่อวานมันจำเป็น นอกจากเมื่อวานแล้ว พวกเธอเห็นฉันออกไปดื่มตอนไหนอีกไหมล่ะ”
พูดจบ ก็กวาดสายตามองไปรอบๆ
ทุกคนจ้องมองมา แต่ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมา “ถ้าหากเธอดื่มไวน์แรงๆไม่ได้ งั้นพวกเรามาดื่มค็อกเทลเบาๆแทนไหมล่ะ”
“ใช่ๆ มีค็อกเทลด้วยนี่ งั้นมาฟังเพลงและดื่มเบาๆกันเถอะ”
ทุกคนเห็นด้วย แล้วก็เรียกพนักงานให้มาเสิร์ฟค็อกเทล
กู้ฉางฉิงมองค็อกเทลหลากสี ก็ปฏิเสธไม่ได้ ถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มอยู่หลายรอบ
ยังโชคดี ที่เครื่องดื่มนี้ดีกรีของแอลกอฮอล์ไม่สูงมาก อยู่ในระดับที่เธอดื่มไหว ไม่ทำให้สติหลุดจนเปิดเผยตัวตนออกมา
ขณะที่เธอถูกเพื่อนนักดื่มเหล่านี้บังคับให้ดื่มอยู่นั้น ด้านเฟิงจิ้งหยวนก็ชวนลู่ซือหยี่ให้ปลีกตัวออกมา
ทั้งคู่ออกจากห้องจัดเลี้ยงไป ซึ่งไม่ได้ลงไปชั้นล่าง แต่กลับมุ่งไปทางห้องจัดเลี้ยงที่เฟิงจิ่งเหยาอยู่
พวกเขารู้ว่าคืนนี้เฟิงจิ่งเหยามีคุยธุรกิจที่นี่ และต้องพาผู้ช่วยมาด้วย จึงแกล้งทำเป็นบังเอิญเจอ
แล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้
ชวี่ยี่เห็นทั้งคู่จึงทักทายอย่างสุภาพ “คุณหนูห้า กับคุณหนูลู่ อยู่ที่นี่ด้วยหรอครับ”
ลู่ซือไม่ได้ตอบ แต่หันไปมองเฟิงจิ้งหยวน
เฟิงจิ้งหยวนระบายยิ้มออกมา “พอดีว่ามีนัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆค่ะ ที่ห้องจัดเลี้ยงด้านหน้านี้เองค่ะ”
เธอพูดพลางชี้นิ้วไปด้านห้องจัดเลี้ยง แล้วก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามว่า ” ผู้ช่วยชวี่อยู่ที่นี่ งั้นจิ่งเหยาก็คุยธุรกิจอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ”
ชวี่ยี่พยักหน้า “ใช่ครับ ท่านประธานมีนัดคุยกับกรรมการหวาง”
เฟิงจิ้งหยวนพยักหน้า “ถ้างั้น ฉันไม่รบกวนแล้วล่ะค่ะ ไปก่อนนะคะ”
พูดจบ ก็ชวนลู่ซือหยี่ออกไป
แต่เพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว เธอก็แสร้งทำเป็นคิดอะไรบางอย่างออก แล้วหันกลับมาหาชวี่ยี่อีกครั้ง
“เอ่อ ผู้ช่วยชวี่คะ คือมีเรื่อง…… คุณช่วยไปบอกจิ่งเหยาหน่อยได้ไหมคะ”
ชวี่ยี่มองเธออย่างลังเล และสงสัยนิดหน่อย
“คุณหนูห้ามีเรื่องอะไรหรอครับ”
เฟิงจิ้งหยวนฟัง และคิดไปตามแผน
เธอเม้มปาก แล้วพูดว่า “คือฉันเพิ่งมาจากตรงนั้น แล้วเหมือนเห็นฉางซิน อยู่ที่ห้องนั้นกับคนกลุ่มนึงค่ะ ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ เลยอยากจะให้จิ่งเหยาช่วยเข้าไปดูหน่อย ไม่อยากให้เกิดเรื่องกับฉางซิน”