ชวี่ยี่ฟังเธอพูดจบ นึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับคุณนายรองก่อนหน้านี้ ทำให้เขาอ่อนใจ
“ขอบคุณที่เตือนครับคุณหนู เดี๋ยวผมจะไปแจ้งท่านประธานให้ทราบ”
เฟิงจิ้งหยวนพยักหน้าตอบรับ แล้วก็พาลู่ซือหยี่ออกไปจริงๆ
ชวี่ยี่มองตามหลังพวกเธอออกไป แล้วคิดถึงสิ่งที่คุณหนูห้าเพิ่งพูด ก็รู้สึกลังเลขึ้นมา แต่สุดท้ายก็หันกลับไปเคาะประตูห้องด้านหลังอีกครั้ง
“เชิญ”
ด้านในส่งเสียงตอบกลับมาทันที
ชวี่ยี่ผลักประตูเข้าไป
เฟิงจิ่งเหยาจ้องมองเขา คิ้วขมวดแล้วถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไร”
ชวี่ยี่ได้ฟังก็หันหน้าไปทางกรรมการหวาง แล้วชะงักไป
เฟิงจิ่งเหยาเห็นท่าทาง ก็เข้าใจว่าคงไม่สะดวกให้มีคนอื่นอยู่ด้วย จึงหันไปขอโทษกรรมการหวาง “ขออภัยด้วยนะครับ ขอตัวสักครู่”
กรรมการหวางไม่ได้ยี่หระ พยักหน้าอนุญาตให้เขาออกไป
หลังจากนั้นเฟิงจิ่งเหยาก็นำชวี่ยี่ออกไปด้านนอก
“มีเรื่องอะไร”
เมื่อออกมาด้านนอก เฟิงจิ่งเหยาก็ถามขึ้นมาทันที
ชวี่ยี่ไม่สามารถปกปิดได้ จึงพูดสิ่งที่เฟิงจิ้งหยวนเพิ่งบอกมา
“ท่านประธานครับ เมื่อสักครู่บังเอิญเจอคุณหนูห้า เธอบอกว่าพบคุณนายรองที่ห้องจัดเลี้ยงด้านหน้านั้นครับ ด้านในมีผู้คนมากหน้าหลายตา ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ เพื่อความปลอดภัยของคุณนายรอง จึงอยากให้ท่านประธานไปดูสักหน่อยครับ”
เฟิงจิ่งเหยาฟังจบ สีหน้าเข้มขึ้นทันที
เขามุ่งตรงไปยังห้องจัดเลี้ยงที่ชวี่ยี่พูดถึงทันที
ขณะเดียวกัน ด้านในห้องจัดเลี้ยง กู้ฉางฉิงที่ไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะมา
เธอกำลังพยายามเอาตัวเองออกจากตรงนี้
“ฉันดื่มไม่ไหวแล้วจริงๆ”
เธอขมวดคิ้วแน่นพยายามปฏิเสธคนที่เอาแต่ยื่นมาให้เธอดื่ม
แต่อีกฝ่ายยังไม่ยอม และมีอีกคนคอยช่วยอยู่ข้างๆ ยื่นแก้วไวน์มาให้กู้ฉางฉิงอีก
ทุกคนรอบตัวต่างเชียร์ให้เธอดื่มต่อ
ทันใดนั้น ประตูด้านหน้าถูกผลักเข้ามาอย่างแรง มีเสียงดังปัง จนทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว
มองไปเห็นเฟิงจิ่งเหยายืนหน้านิ่งอยู่ที่ประตู สายตาคมกริบแต่ดูเยือกเย็น กวาดมองไปที่ใคร คนนั้นก็รู้สึกถึงความเยือกเย็น
รอบๆตัวเขาแผ่รังสีความน่ากลัวออกมา ทำให้บรรยากาศในห้องอึดอัดขึ้นมาทันที
“คนนี้ใคร ดูเหมือนมาหาเรื่อง”
“แต่ว่า คนนี้ดูมีออร่ามากเลยนะ”
“นี่คือเฟิงจิ่งเหยา เป็นประธานกรรมการของเฟิงซื่อกรุ๊ป พวกเธออย่าพูดจาเลอะเทอะ”
ทุกคนมีสติกลับมา เก็บความกลัวไว้ในใจ แล้วสงบคำ
แต่ท่าทางของเฟิงจิ่งเหยาดูเดือดดาล ทำให้คนที่ซุบซิบอยู่เงียบเสียงลง
ในสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเกรงกลัว
ท่าทางของเฟิงจิ่งเหยาดูแตกต่างจากทุกคน
ไม่ใช่แค่เพียงเฟิงจิ่งเหยา แต่คนของตระกูลเฟิงทั้งหมดล้วนไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
เฟิงจิ่งเหยาไม่สนท่าทีของทุกคน แต่กวาดสายตามองไปท่ามกลางผู้คน จนเจอกู้ฉางฉิง
มองไปก็เห็นชวี่จือยวี่ยืนเด่นอยู่ข้างๆเธอ
ทันใดนั้น เขาเหมือนนักล่าที่จะตะครุบเหยื่อ มองไปทางชวี่จือยวี่ด้วยสายตาดุดัน
ชวี่จือยวี่รู้สึกถึงสายตาที่อันตราย จนสะท้านไปทั้งตัว และคิดว่าควรออกห่างจากกู้ฉางฉิง
หลังจากที่เขาถอยออกมา สายตาที่ดุดันนั้นถึงหายไป
เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แล้วยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก
หลังจากเห็นสายตาดุดันที่ส่งมาจากเฟิงจิ่งเหยามาถึงเขา
แต่ทว่ากู้ฉางฉิงกลับไม่รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไป และไม่สังเกตเห็นเฟิงจิ่งเหยา
เธอเพิ่งโดนคนกลุ่มนี้กรอกไวน์เข้าไป เร็วจนไม่ทันระวัง จึงสำลักและไอโขลกอยู่ตรงนั้น
และตอนนี้ท้องไส้เธอก็เริ่มปั่นป่วน
เธอดื่มไม่เก่งเท่ากับกู้ฉางซินคนนั้น
แต่ทุกคนที่นี่คิดว่าเธอคือกู้ฉางซิน
แม้ว่าจะเป็นค็อกเทลเบาๆ เธอก็ดื่มได้ไม่เยอะมาก
ทำให้ตอนนี้เธอเริ่มไม่ไหว และคิดหนักว่าจะออกไปจากตรงนี้ได้อย่างไร
กลุ่มคนเหล่านี้คงไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่
ขณะที่เธอครุ่นคิดจนคิ้วขมวดผูกเป็นโบว์อยู่นั้น ก็เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศรอบๆที่เปลี่ยนไป มันเงียบมาก
เธอจึงเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาปะทะเข้ากับเฟิงจิ่งเหยาพอดี
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่หญิงสาวที่มีสายตาหยาดเยิ้มตรงหน้า ด้วยสายตาที่แปลไม่ออก
กู้ฉางฉิงไม่รู้สึกถึงความไม่พอใจในสายตาของเขา แต่ตกใจที่ได้เห็น และรีบพุ่งเข้าไปหา แล้วคว้าข้อมือของเขาไว้ด้วยความดีใจ “จิ่งเหยา คุณมาแล้วหรอ”
เฟิงจิ่งเหยามองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอ คิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้
จนถึงขั้นคิดว่าว่าเธอแกล้งทำท่าทางแบบนี้ออกมา
ทำให้ความโกรธในใจทวีคูณเพิ่มขึ้น จึงบีบข้อมือของกู้ฉางฉิงไว้แน่น แล้วกระชากเดินออกไป
กู้ฉางฉิงที่แทบยืนไม่ไหวแล้วยังโดนเขาลากออกไปอีก จึงทำให้ล้มลงกับพื้น
“เฟิงจิ่งเหยา คุณทำอะไรเนี่ย ปล่อยฉันนะ”
เธอพยายามขัดขืน แต่กลับทำให้เฟิงเหยายิ่งโมโหมากขึ้น
แค่เห็นเสี้ยวหน้าดุดัน ที่ลากเธออกจากห้องจัดเลี้ยง
ผู้คนในห้องจัดเลี้ยงต่างมองตามหลังพวกเขาออกไปเป็นสายตาเดียวกัน
“นี่……กู้ฉางซินจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ใครจะไปรู้ล่ะ หรือเธอจะลองตามไปดู”
คนที่เริ่มเอ่ยปากส่ายหน้า “ฉันไม่กล้าไปดูหรอก เธอไม่เห็นสายตาอันน่ากลัวของเฟิงจิ่งเหยาเมื่อครู่นี้หรอ แทบอยากจะฉีกพวกเราออกเป็นชิ้นๆ ฉันไม่กล้าหรอก”
หลังจากเขาพูดจบ บางคนที่ยังแคลงใจอยู่ ก็คลายข้อสงสัยไป
ขณะเดียวกัน ทางด้านกู้ฉางฉิงที่โดนเฟิงจิ่งเหยาลากออกไปที่โถงทางเดิน ก็ถูกเขาสะบัดแขนออก
กู้ฉางฉิงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หลังจึงไปกระแทกกับผนัง กระแทกอย่างแรง เจ็บจนน้ำตารื้น
“เฟิงจิ่งเหยา คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย ”
เธอโกรธจนต้องตะโกนออกมา
เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอยังกล้าหงุดหงิดใส่เขาอีก สีหน้ายิ่งเข้มขึ้น
“ฉันเป็นบ้าอะไรงั้นหรอ กู้ฉางซิน เธอลืมที่ฉันเตือนเธอก่อนหน้านี้ไปแล้วหรือไง”
กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไป นึกถึงคำเตือนว่าให้ห่างจากผู้ชายคนอื่น
ทว่าเหตุการณ์ในคืนนี้เธอไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นแผนการของคนอื่น
เธอคิดที่จะอธิบาย แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดเลย กลับต่อว่าเธออีก “ฉันคิดว่าช่วงนี้เธอจะปรับปรุงตัวแล้วซะอีก แต่เข้าใจแล้ว ว่าเธอเสแสร้ง เธอขาดผู้ชายไม่ได้เลยงั้นสิ หรือว่าแค่ฉันคนเดียวไม่พอ”
“ไม่ใช่…….”
กู้ฉางฉิงยิ่งฟังที่เขาพูดยิ่งรับไม่ได้ ในใจก็รู้สึกเจ็บปวด คิดอยากจะอธิบาย แต่ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกขัดขึ้นมาก่อน
“ไม่ใช่งั้นหรอ แล้วที่ฉันเห็นคืออะไร ฉันเห็นว่าเธอคงอัดอั้นมานาน ในที่สุดคงทนไม่ไหว เผยธาตุแท้ออกมาจนได้”
เฟิงจิ่งเหยายิ่งพูดยิ่งโกรธ จนตาแดง
กู้ฉางฉิงสบตาเขา และรู้ว่าถ้าไม่อธิบายให้ชัดเจน เรื่องนี้ต้องไปกันใหญ่แน่
“เฟิงจิ่งเหยา คุณช่วยฟังฉันให้จบก่อนได้ไหม เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด ฉันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมา พอฉันจะปลีกตัวออกมา พวกเขาก็ไม่ยอมปล่อย”
เธอพยายามอธิบาย แต่เฟิงจิ่งเหยาที่ไม่เชื่อแต่แรก
เขายิ้มเยาะแล้วพูดถากถาง “เธอคิดอยากจะออกมาหรอ ฉันคิดว่าคนอย่างสะไภ้ตระกูลเฟิงอย่างเธอ ไม่น่าจะมีใครกล้าปฏิเสธนะ ฉันว่าเธอคงอย่างจะมั่วอยู่กับคนพวกนั้นล่ะสิ นี่ถ้าฉันมาช้ากว่านี้อีกนิด เธอคงไปต่อกันที่โรงแรมแล้วล่ะ ”