การเปิดตัวเล็ก ๆ ของเหล่าผู้มีแนวโน้มที่เกาหลีได้สิ้นสุดลง
มันเป็นการไลฟ์ถ่ายทอดสดบนอินเตอร์เน็ตและกลุ่มผู้ชมจำนวนมากก็เป็นคนเกาหลีเนื่องจากความจริงที่ว่า 13 จากทั้งหมด 14 คนของฮันเตอร์และผู้มีแนวโน้มนั้นเป็นคนเกาหลี
อย่างไรก็ดีหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
คลิปวิดีโอของการเปิดตัวนี้ได้เริ่มที่จะแพร่กระจายออกไปอยู่โลกภายนอก
เหตุผลนั้นช่างแสนธรรมดา
ปรากฎการณ์การกลายพันธุ์ของดันเจี้ยนที่เกิดขึ้นกับดันเจี้ยนแรงค์ C ที่ได้ถูกอัพเกรดให้กลายเป็นแรงค์ S
และมีเด็กฝึกที่ปลอมการปลุกพลังของตัวเองขึ้นให้เหมือนกับเป็นยอดมนุษย์ด้วยการเสพอีเทอร์
แม้ว่าด้วยปัญหาเช่นนี้พวกเขาก็ยังจัดการเคลียร์ดันเจี้ยนแรงค์ S นี้ได้ด้วยคนเพียงแค่ 14 คนเท่านั้น
และถ้าคุณมองไปที่แต่ละปัญหาแยกกันออกไปผลตอบรับคงเป็นแค่ “โอ้ว มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วหรือเนี่ย?”
แต่เมื่อคุณรวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน มันจะกลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงขึ้นมาทันทีเลย
อันดันแรกเลยคือหัวข้อที่เกี่ยวกับตัวตนที่การพุ่งสูงขึ้นไปและตกลงอย่างรวดเร็วของเด็กฝึกแรงค์ C อียอนจุน
อียอนจุนเป็นคนแรกที่ก็ได้ปลุกพลังขึ้นมาได้เหมือนกับพวกยอดมนุษย์ผ่านฝึกฝนอย่างหนักและความขยันหมั่นเพียร
และได้เปิดตัวในฐานะของยอดมนุษย์แรงค์ C ทำให้มีผู้คนมากมายรอบ ๆ โลกที่ทราบถึงตัวตนของเขาเป็นอย่างดี
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเป็นคนที่ไม่ได้มีพลังพิเศษใด ๆ ก็ตาม แต่ยังไงซะโลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ต้องการที่จะเป็นฮันเตอร์แม้ไม่มีพลังใด ๆ อยู่เต็มไปหมดเช่นกันและอียอนจุนก็เป็นดังแสงแห่งความหวังให้กับคนพวกนั้น
แต่แล้ว
มันกลับเป็นเพียงแค่คำโกหก
[อียอนจุน! ที่แขนของนายมันคืออะไรกัน?]
ในทันทีที่เสียงของชายคนนั้นในวิดีโอได้จบลงกล้องไปหันไปทางแขนของอียอนจุน
ผู้คนต่างพากันตื่นตระหนกและเศร้าสลด
ดวงดาวที่อยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า ได้รับแรงกระแทกที่รุนแรงจากการตกลงมาของมัน
ไม่ใช่แค่นั้น อียอนจุนได้สูญเสียการควบคุมของตัวเขาเองเนื่องมาจากโกรธที่ความลับของเขาถูกเปิดเผยออกมาซี่งในท้ายที่สุดก็ได้นำไปสู่ผลกระทบที่แย่ที่สุดที่จะเป็นไปได้ของการเสพติดอีเทอร์ ‘มานาเป็นพิษ’
หลังจากนั้นไม่นานคลิปวิดีโอได้แสดงให้เห็นว่าอียอนจุนได้ไล่ตามฮันเตอร์ที่ชื่อว่ายูซอดัมไป แล้วทุกสิ่งทุกอย่างหลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายไปหมด และคลิปวิดีโอก็จบลงพร้อมกับคำพูดที่ว่า “งั้นก็ปิดกล้องทั้งหมดซะ”
รายละเอียดของครึ่งหลังไม่ได้รับการเปิดเผยออกมา
แต่อย่างไรก็ตามมันมีจุดสำคัญเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
ที่ว่าฮันเตอร์และเด็กฝึกทั้งหมด 13 คนได้เผชิญหน้ากับทั้งพวกกลายพันธุ์แรงค์ A ที่ทรงพลังและบอสดันเจี้ยนที่มีแรงค์ S ได้โดยที่ไม่มีคนตายเลยแม้แต่คนเดียวและได้ยังได้รับชัยชนะกลับมาอีกด้วย
ในกรณีนี้
ทำให้เกิดอีกคำถามหนึ่งพุดขึ้นมาว่ามันเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
มันเป็นธรรมดาที่ชื่อของจางฮยอนซอกคนที่มีแรงค์สูงที่สุดท่ามกลางฮันเตอร์ผ่านศึกทั้งเจ็ดคนจะพูดหยิบยกขึ้นมาพูดถึง
ดันเจี้ยนแรงค์ S นั้นโดยปกติแล้วต้องการยอดมนุษย์แรงค์ S อย่างน้อย 3 คนและยอดมนุษย์แรงค์ A อย่างน้อย 20 คนในการสนับสนุนพวกเขา
นั้นทำให้มีข้อสรุปออกมาว่าแรงค์ S จางฮยอนซอกนั้นอาจจะเก่งกว่าที่คนอื่นคิดซะอีก
มันก็เป็นเรื่องปกติที่คนจะคิดกันแบบนั้นอะนะ…
แต่
มันไม่ใช่อย่างนั้นนะซิ
“มันเป็นเพราะว่าความเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบของฮันเตอร์แรงค์ F ยูซอดัมที่….”
มันเป็นสิ่งที่ฮันเตอร์ทุกคนที่รอดชีวิตมาได้รวมไปถึงตัวจางฮยอนซอกเองด้วยที่พูดมันออกมา
ว่าถ้าไม่ได้กลยุทธ์และข้อมูลจำนวนมากของยูซอดัมพวกเขาคงจะไม่มีทางรอดชีวิตออกมาได้แน่
ในความเป็นจริง เขาได้สนับสนุนเด็กฝึกแรงค์ D ของเขาโดยที่แทบจะไม่ได้แสดงตัวตนใด ๆ ออกมาเลยผ่านคลิปวิดีโอในช่วงแรกแต่กลับเริ่มที่จะแสดงตัวของเขาเองในตอนที่การกลายพันธุ์ของดันเจี้ยนเกิดขึ้นแล้ว
ในลักษณ์ที่เหมือนกับนักกีฬามืออาชีพที่มองดูเกมส์การแข่งขันซอกเกอร์ในแมตช์ฝึกซ้อมอย่างเงียบ ๆ แล้วอยู่ดี ๆ ก็เขาก็ก้าวลงไปสอนเด็กพวกนั้นที่อยู่ในสนาม
เขายึดอำนาจสั่งการมาจากจางฮยอนซอกในทันทีและไม่สนใจแม้กระทั้งคำสั่งโดยตรงจากกองบัญชาการหลักด้วยซ้ำเพราะงั้นเขาเลยสามารถที่จะนำทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัยด้วยความเด็ดขาดของตัวเขาเอง
ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่ยูซอดัมเป็นคนแรกที่เห็นสถานที่อันตรายเป็นอย่างมากของอียอนจุนและรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ในการปราบปรามภัยคุมคามทั้งสองอย่างนี้ได้
“ยูซอดัม ไอ้คนเหลวแหลกเอ้ย ไม่ใช่ว่ามันพึ่งจะแค่ไม่กี่วันเองไม่ใช่หรือที่นายได้รับการปล่อยตัวออกมาจากโรงพยาบาลนะ?”
ช่วงบ่ายแก่ ๆ ที่สนามบินนานาชาติอินชอน
เทเลอร์ไนน์ กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนม้านั่งที่ป้ายรถโดยสารประจำทางด้านนอกสนามบิน ได้ม้วนผมของเธอไปมาในขณะที่กำลังมองไปที่บทความบนโทรศัพท์มือถือของเธอ
‘ฉันดีใจนะที่นายยังล่าอยู่…’
ทุก ๆ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้แต่ชำเลืองมองไปที่เธอ
มันแน่นอนอยู่แล้วว่ารูปร่างของเทเลอร์ไนน์สามารถบอกได้เลยว่าโดดเด่นมาก ๆ
เธอมีผมสันสีเงิน ดวงตาสีทอง เจาะหูทั้งหมดเก้ารูและสวมใช่เสื้อผ้าที่เปิดเผยเล็กน้อยที่ไม่ได้เข้ากับเลยกับสภาพอากาศที่เย็นยะเยือกในตอนนี้เลย และยังมีความดุร้ายภายใต้ใบหน้าที่สวยงามเมื่อรวมมันเข้าด้วยกันทำให้เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่โดดเด่นออกมา
“นั้นมันฮันเตอร์แรงค์ S เทเลอร์ไนน์ไม่ใช่หรือไงนะ?”
“อะไรนะ? คนที่ล่าอยู่ในยุโรปนั้นนะหรอ?”
“ว้าว ร้ายกาจ เธอน่ารักสุด ๆ ไปเลย เราลองเข้าไปคุยกับเธอดีไหมน้า?”
“เธอพูดภาษาอังกฤษรึป่าวอะ?”
เทเลอร์ไนน์หันหัวของเธออย่างแรงไปที่ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ เธอที่เริ่มจะกระซิบกระซาบกันเป็นภาษาเกาหลีออกมา
แล้วตอนนั้นเองเธอก็พูดภาษาเกาหลีด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนออกมา
“มองหาอะไรไม่ทราบ ไสหัวไปซะ!”
“อ-อะไรนะ?”
“นี่พวกคุณไม่เข้าใจภาษาเกาหลีหรือไงกันหา?”
“นี่คุณมีปัญหาอะไร….”
ผู้คนที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและเร่งรีบไปตามทางของตัวเองหลังจากที่ได้เห็นดวงตาที่แสนดุร้ายของเทเลอร์ไนน์
หลังจากที่คนพวกนั้นจากไปเทเลอร์ไนน์ก็ได้หันกลับไปจมอยู่กับโทรศัพท์มือถือของเธอเอง
[คำแถลงการณ์ของกิลด์ลอสเดย์เกี่ยวกับเหตุการณ์มานาเป็นพิษ…]
[เรื่องอื้อฉาวใหม่ล่าสุดของกิลด์ลอสเดย์]
[การปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในเรื่องการกลายพันธุ์]
กิลด์ลอสเดย์ยักษ์ในเกาหลีเริ่มที่จะอ้ำอึ้งจนพูดไม่ออกที่ละเล็กที่ละน้อย
มันเป็นเรื่องที่น่าสนในมากสำหรับเธอ
เพราะว่าไม่นานมานี้เองมันเป็นที่ที่ซอดัมได้ถูกบีบบังคับใช้งานอย่างหนักจนเปรียบเสมือนทาสเลย
“เยี่ยมมาก เจ้าสารเลวตัวน้อย”
แน่นอนว่าลอสเดย์ที่เป็นกิลด์ยักษ์ใหญ่นั้นก็ไม่ได้เจ็บพวกสักเท่าไหรหรอกสำหรับเรื่องอื้อฉาวเล็ก ๆ น้อยแบบนี้
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเทเลอร์ไนน์นั้นสุขใจจริง ๆ ที่ได้เห็นกิลด์ลอสเดย์เจ็บแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
เทเลอร์ไนน์เด้งตัวขึ้นจากที่นั่งของเธอ ยืดตัวออกและยิ้มในทันที
มันจะดีมากเลยถ้าเธอสามารถที่จะช่วยซอดัมได้แต่มันยากมากที่จะมาที่เกาหลีเนื่องจากเหตุการณ์จำนวนมากที่เธอต้องรับมือที่ทางโน้น
“มันก็นานแล้วนะตั้งแต่ที่เราได้ล่าไปด้วยกันงั้นฉันไปถามเขาดีกว่า ยังไงเขาก็ไม่ได้อยู่ในกิลด์แล้วด้วย”
…………………………………………………………………………..
ตูม!!
กระสอบทรายที่ดูเหมือนว่าจะติดอยู่กับมือฉันในที่สุดมันก็ได้ระเบิดออกมา
ด้วยมือของฉันที่อยู่บนกำแพง ฉันหอบเอาอากาศเข้าไปราวกับว่าร่างกายของฉันนั้นช็อกเนื่องจากตื่นเต้นมากที่เกินไป
สามวันหลังจากเหตุการณ์ดันเจี้ยนแรงค์ S นั้น
ฉันได้ทำการทดลองต่าง ๆ กับทักษะของฉันเองและในตอนนี้ฉันสามารถพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า
ศักยภาพร่างกายของฉันในตอนนี้ในที่สุดก็ได้มาถึงแรงค์ E แล้ว
ร่างกายทั้งร่างของฉันในตอนนี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
นี้เป็นพลังที่ฉันได้รับมาจากการที่เลเวลเพิ่มขึ้น
มิหนำซ้ำ ฉันก็ได้ล่าอียอนจุนสำเร็จแล้วและยังสามารถที่จะขโมยหนึ่งทักษะหนึ่งพรสวรรค์มากจากเขาได้
[พรสวรรค์ของอียอนจุน การลดทอน (A) ได้รับการดูดกลืน]
หน้าของฉันบูดบึ้งเมื่อได้เห็นข้อความเมื่อกี้ปรากฎขึ้น
[ทักษะของอียอนจุน เป็นจุดสนใจ (A+) ได้รับการดูดกลืน]
แล้วหน้าของฉันก็ได้กลายมาเป็นเป็นหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมแทนเมื่อได้เห็นข้อความนี้เด้งขึ้นมา
เป็นจุดสนใจ
ลองคิดดูสิว่าอียอนจุนความทรงพลังขนาดไหนหลังจากที่เขาได้รับสกิลนี้มา
อย่างไรก็ตามเหมือนที่คาดไว้ว่ามันไม่น่าจะใช่สกิลปกติทั่ว ๆ ไป
[เนื่องจากสกิลนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยการฝืนบังคับให้เกิดเปลี่ยนแปลงของพล็อตเรื่องขึ้น]
[การได้รับสกิล เป็นจุดสนใจ (A+) จึงได้ถูกยกเลิก]
แล้วในตอนนี้เองที่ฉันได้กลับมาผิดหวังอีกครั้งเพราะว่าฉันคิดว่าฉันได้เสียโอกาสที่แสนยอดเยี่ยมนี้ไปหนึ่งอย่าง
[ภายใต้อิทธิพลของพล็อตซ้ำซาก ทำให้คุณสามารถที่จะเลือกพรสวรรค์หรือทักษะหนึ่งอย่างเพื่อที่จะดูดกลืนได้ ยกเว้นทักษะที่ถูกยกเลิกไปแล้ว]
พูดอีกอย่างก็คืออย่างน้อยมันก็ไม่ได้สูญปล่าวสินะ
ในทางกลับกันกับของการที่ไม่สามารถที่จะดูดกลืนสกิลนั้นที่ตัวเอกมีได้ ฉันได้รับโอกาสที่จะได้เลือกทักษะหรือพรสวรรค์หนึ่งอย่างแทน
‘นี่ไม่ใช่ว่ามันเยี่ยมไปเลยหรือถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทุกครั้งในอนาคตก็คงดีสิ?’
ด้วยความคิดเช่นกันเอง ฉันได้ตรวจสอบไปที่รายการพรสวรรค์และทักษะที่อียอนจุนมี
พรสวรรค์
การลดทอน (A) การถักไหมพรม (B+)
ความงาม (C-) การเรียนรู้ (D+)
เสน่ห์ (D) ความเยาว์วัย (E)
ความยืดหยุ่น (F)
ทักษะ
คลั่ง (S+) เป็นจุดสนใจ (A+)
พลังของสเตียรอยด์ (B) ก้าวสายลม (B)
การหายใจของนักรบ (E)
เหมือนที่คาดไว้เลย เขามีทักษะและพรสวรรค์หลากหลายเลยทีเดียว
เอะ! เดี่ยวก่อนนะพรสวรรค์ ‘การถักไหมพรม’ มันมีไว้เพื่ออะไรกับแน่เนี่ย?
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแต่มือฉันกลับสั่นสุด ๆ เมื่อได้เห็นสกิล คลั่ง (S+)
พลังพิเศษแรงค์ S
มันคงจะเป็นพลังพิศษในหมวดหมู่ความสามารถที่มี “ผลข้างเคียง” แน่นอน ซึ่งมันต้องทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม
ผลข้างเคียงของมันคงจะไม่สามารถควบคุมได้และนั้นทำให้มันเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงที่ทำให้ฉันไม่สามารถใช้มันได้ตลอดเวลาในตอนที่ฉันต้องการจะใช้ เช่นเดียวกันกับการสูญเสียเหตุและผลเมื่อมันถูกเปิดใช้งานอีกด้วย
ซึ่งหมายความว่ามันเปรียบเสมือนดาบสองคม
ยิ่งไปกว่านั้นฉันกลับต้องการความสามารถที่สามารถให้ประโยชน์กับฉันได้ในตอนนี้เลยซะมากกว่า
[ทักษะ ก้าวสายลม (D) ได้ถูกดูดกลืน]
มันเป็นสกิลที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงและสามารถเติมเต็มในเรื่องการเคลื่อนที่ที่แสนเชื่องช้าของฉันได้
มันเป็นสกิลในหมวดหมู่ท่าร่างการเคลื่อนที่
เป็นพลังพิเศษที่สามารถเติบโตได้โดยผ่านการฝึกฝน แม้ว่าสกิลพวกนี้จะมีแรงค์เริ่มต้นที่ต่ำก็ตาม
และแน่นอนว่าบ่อยครั้งที่ฉันมักจะถูกปิดกันเส้นทางการเติบโตในอนาคตโดยขีดจำกัดที่มาจากพรสวรรค์ของฉันเองแต่ในตอนนี้ฉันไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมันอีกแล้วหละ
ดังนั้นฉันจึงได้เลือกที่จะดูดกลืนทักษะที่มีแรงค์ต่ำนี้ด้วยจิตใจอันแนวแน่
พลังของสเตียรอยด์และคลั่งอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในตอนนี้แต่มันดีกว่าสำหรับตัวฉันเองที่จะค่อย ๆ สร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตที่กว่า มันดีกว่าที่จะตามืดบอดด้วยผลประโยชน์ระยะสั่น
ด้วยความคิดนี้ฉันเลยได้รับทักษะที่เหมาะสมมามันทำให้ฉันพอใจแล้ว
ทันใดนั้นเองข้อความก็ได้ปรากฏขึ้นมา
พรสวรรค์ ‘สัญชาตญาณ (A)’ และ ‘การลดทอน (A)’ ได้เกิดผลสะท้อนกลับซึ่งกันและกัน
[ทักษะ สัมผัสที่หก (F) ได้ถูกสร้างขึ้น]
มันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้อยู่ดี ๆ พรสวรรค์ของฉันก็ได้เกิดผลสะท้อนซึ่งกันและกันทำให้สกิลใหม่ถูกสร้างขึ้นมา
และนี้มันก็เป็นสกิลที่ฉันต้องการเป็นอย่างมากซะด้วยสิ
มันเคยมีคนที่มีประสบการณ์ที่พรสวรรค์สองอย่างเกิดผลสะท้อนซึ่งกันและกันบ้างไม่เนี่ย?
พรสวรรค์เป็นบางสิ่งที่ผู้คนจะได้รับมันต้องแต่เกิดมา
เว้นแต่ว่าจะมีหนทางที่จะดูดกลืนพรสวรรค์ของคนอื่นได้อะนะ
ตัวฉันเองนะมีสัญชาตญาณที่ดีอยู่เสมอมา
ในตอนที่ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันกำลังจะตายหรือในตอนที่วิกฤตจริง ๆ ได้เกิดขึ้น หรือไม่ก็ในตอนที่ฉันรู้สึกว่ามีบางสิ่งนั้นผิดปกติไป
มันเป็นตอนที่ฉันได้เริ่มต้นการล่าตัวเอกเท่านั้นเองที่ฉันได้รับรู้ว่าจริง ๆ แล้วนี้มันเป็นพรสวรรค์ของฉันเอง
พรสวรรค์ สัญชาตญาณ (A)
แล้วก็ การลดทอน (A) ที่ได้รับมา
[ในตอนนี้คุณมีความสามารถที่จะสัมผัสได้ได้ถึงสิ่งที่ประสาทสัมผัสทั้งห้าไม่สามารถสัมผัสได้แล้ว]
ถึงแม้ว่าแรงค์มันจะยังคงต่ำอยู่และฉันไม่สามารถที่จะรู้สึกได้ถึงทุก ๆ สิ่ง มันจะยังเป็นสกิลที่ดี
ฉันไม่มีทางเลือกจึงทำได้แต่หลีกเลี่ยงมอนสเตอร์ล่วงหน้าในอดีตแต่ในตอนนี้ฉันได้พัฒนาทักษะของฉันแล้ว
มากไปกว่านั้นเลเวลของสกิล นักล่าตัวเอก ก็ยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย
[จากความสำเร็จในการล่าตัวเอง 3 คน เลเวลของ นักล่าตัวเอก ได้รับการเพิ่มขึ้น 2]
[เพิ่มขีดจำกัดน้ำหนักที่พกพาได้เป็น 30 กิโลกรัม]
[เริ่มจากตอนนี้คุณสามารถที่จะรับรู้ในเรื่องราวของตัวเอกได้แล้ว]
[การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามที่ตัวเอกได้ทำให้เกิดขึ้นในโลกของพวกเขา คุณจะสามารถรับรู้มันได้]
…พูดตามตรงเลยนะ
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหมายความว่าอะไร
ฉันแค่คิดว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอนเนื่องจากมันได้รับการยกระดับเลเวลขึ้น
‘หน้าต่างสถานะ’
ชื่อ : ยูซอดัม (LV.27)
ความแข็งแกร่ง: 25 ความอึด: 24
ความว่องไว: 26 พลังงาน: 1
มานา: 12
พรสวรรค์
ความชำนาญดาบ (A+) การลดทอน (A)
สัญชาตญาณ (A) นักแม่นปืน (C)
การล่า (D) การทำอาหาร(D-)
ทักษะ
นักล่าตัวเอก LV.2 เพลงดาบสีขาว (S)
ก้าวสายลม (D) สัมผัสที่หก (F)
นี้มันพอแล้วสำหรับฉันที่จะอยู่อย่างสบาย ๆ ไปทั้งชีวิตเลยหละ แต่ฉันไม่ได้มีความตั้งใจที่จะหยุดอยู่แค่นี้
มีใครบางคนเข้ามาหาฉันในตอนที่ฉันกำลังทำความสะอาดกระสอบทรายที่ถูกทุบตีหลังจากที่ฉันได้ทดสอบความสามารถของตัวฉันเอง
เมื่อมองกลับหลังไป ฉันเห็นเซเลสเต้ที่ยืนอยู่ในสภาพที่ใส่ชุดแบบสบาย ๆ
มันสร้างความประหลาดใจได้เล็กน้อยเนื่องจากฉันเคยเห็นแต่เธอในแบบที่ใส่ชุดทางการหรือไม่ก็ชุดสูทต่อสู้เท่านั้น
ชุดพีชที่ถูกสวมใส่อยู่ด้านใต้เสื้อขนมิ้งและถุงน่องสีดำที่ด้านล่างของมัน
มองไปที่ผมที่ถูกถักอย่างเรียบร้อยของเธอและการแต่งหน้าอ่อน ๆ เธอดูเหมือนว่าจะตัวเตรียมตัวสำหรับอะไรสักอย่าง
นี่เธอกำลังจะไปที่ไหนเนี่ย?
ในตอนที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้นเธอก็ได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงว่า
“ไปซื้ออุปกรณ์ของคุณกันค่ะ”
“หะ! อะไรนะ?”
อ่า ใช่สินะ
ฉันพึงจะจำได้ว่า ฉันยังมีหนี้ที่เป็นอุปกรณ์เกรด 2 ที่ยังไม่ได้รับเนื่องจากการช่วยเหลือเธอโดยการเป็นฮันเตอร์อาวุโสให้เธอเลย
ว่าแต่…
“นี่ฉันต้องไปพร้อมกับเธอด้วยด้วยหรอ?”
แล้วเซเลสเต้ก็ปิดปากของเธอแล้วครุ่นคิดเกี่ยวกับบางสิ่งและพยักหน้าในทันที
“…ใช่ค่ะ”
“จริงนะหรอ?”
เท่าที่ฉันรู้มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ
อย่างแรกเลยแม้แต่ ‘บัตรกำนัล’ ของร้านค้าก็สามารถที่จะส่งผ่านโทรผ่านโทรศัพท์มือถือได้
ถ้าเพียงแค่ฉันกดลงไปที่โทรศัพท์ของฉันเพื่อส่งคำขอ ทุก ๆ สิ่งก็จะโอเค
แต่ด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น
“ฉันไม่สามารถไปด้วยโดยที่ไม่มีคุณค่ะ”
นี่คือสิ่งที่เธอพูดดังนั้นแล้วในท้ายที่สุดฉันก็ไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องไปกับเธอ
ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องของอุปกรณ์เกรด 2
ถึงแม้ว่ามันไม่ได้ดีเท่ากับที่มันเคยเป็นแค่มันก็ยังคงมีราคาที่แพงกว่า 10 ถึง 20 ของอุปกรณ์เกรด 3 ที่ฉันใช้อยู่ในตอนนี้และมันก็คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป
แต่เดี่ยวก่อนนะ
ด้วยอุปกรณ์เช่นนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปได้ที่จะใช้ล่าตัวเอกที่พิเศษได้หรอกหรือ?
ตัวอย่างเช่น ‘นักเวทย์’
เวทมนตร์ยังคงเป็นความสามารถที่ไม่สามารถเข้าใจได้สำหรับฉันและฉันรู้เกี่ยวกับมันน้อยมาก ๆ แต่มันก็ไม่น่านานมากไปกว่านี้อีกแล้วหละถ้าฉันมีเวลาที่เพียงพอหละก็นะ
ฉันได้เห็นว่านักเวทย์มีวิธีการต่อสู้ยังไงมาพอแล้วในตอนที่ฉันได้ล่าดาบศักดิ์สิทธิ์ในครั้งก่อนนั้น
ฉันไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับเวทมนตร์
มันมีความเป็นไปได้ที่มากมายที่ฉันอาจจะไม่สามารถที่จะใช้มันได้แม้ว่าฉันจะได้รับมันมา
มันหมายความว่าฉันไม่ได้เพียงแค่ต้องจะต้องมีสกิลเวทมนตร์เพียงเท่านั้นแต่ยังต้องมีพรสวรรค์ที่ดีอีกด้วย
และฉันก็ได้เห็นว่ามันมีโอกาสอันสมบูรณ์แบบสำหรับการแก้ปัญหานั้นอยู่แล้ว
#นักเรียน_ที่_กลายมา_เป็น_นักเวทย์_อัจฉริยะ
#แฟนตาซี #ย้อนอดีต
#แนวโรงเรียน #ฮาเรม
ตัวเอกที่มาพร้อมกับแฮชแท็ก ‘อัจฉริยะ’
มันให้กลิ่น ‘พรสวรรค์’ โชยออกมาเลย
สำหรับเหตุผลนั้นเองที่ทำให้ในเวลาเดียวกันกับที่ฉันกำลังซื้ออุปกรณ์กับเซเลสเต้ ฉันก็ได้เสร็จสิ้นการเตรียมการสุดท้ายเพื่อที่จะล่านักเวทย์ด้วยเหมือนกัน