กู้ฉางชิงได้ยินดังนั้น ก็พบว่าเขาอยู่ที่นี่ ราวกับว่าตกตะลึง
เฟิงจิงเหยาแสร้งทำเป็นไม่เห็นความกังวลที่แปลกๆบนหน้าของเธอและถามว่า:“ร่างกายคุณเป็นยังไงบ้าง?ยังเจ็บท้องอยู่ไหม?”
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่กู้ฉางชิงดื่มเหล้าจนเป็นลมหมดสติไป
กู้ฉางชิงกลับมามีสติ ขมวดคิ้วและถามว่า:“นี่ฉันอยู่ที่ไหน?”
“ทำไม?เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ลืมหมดแล้วหรอ?”
เฟิงจิ่งเหยาเดิมทีไม่ได้จะหมายความอย่างที่พูด
แต่ไม่รู้ว่าทำไม คำพูดที่พูดออกมามีแต่จะทิ่มแทง ทำให้สีหน้าของกู้ฉางชิงนิ่งสงบ
เธอเม้มริมฝีปากแน่น ราวกับว่าเธอไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเตือนสติเธอแล้ว เธอก็จำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ และดวงตาของเธอก็เป็นประกายซับซ้อน
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่เธอเป็นลมสลบไป เฟิงจิ่งเหยาเป็นคนช่วยเธอ
แม้ว่าเธอจะไม่อยากสนใจคนๆนี้นัก แต่การปลุกฝังที่เธอได้รับมา ไม่อนุญาตให้เธอทำอย่างนั้น
ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างไม่เต็มใจว่า:“ขอบคุณนะ”
พอพูดสองคำนี้จบ เธอก็ไม่คิดจะให้ความสนใจเฟิงจิ่งเหยา ทำเหมือนเขาเป็นอากาศ
เฟิงจิ่งเหยายืนอยู่ที่ปลายเตียง และเหล่ตามองการกระทำของเธอ
ในใจเขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังโกรธอยู่ จึงยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
กู้ฉางชิงนอนอยู่บนเตียงฟังเสียงในห้องที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จึงไม่แน่ใจ
ผู้ชายคนนั้นไปแล้วหรอ?
เมื่อคิดอย่างนี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด จึงหันกลับมาด้วยความโกรธ และเห็นใครบางคนยืนอยู่ที่ปลายเตียง
“คุณทำไมยังไม่ไป?”
เธอประหลาดใจและแอบดีใจ แต่เธอไม่ทันได้สังเกตตัวเอง และพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า:“ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนก็ได้นะ”
เฟิงจิ่งเหยามองเธอที่ปากพูดไม่ตรงกับใจ
เดิมทีเขาไม่มีหน้าจะพูด แต่ในตอนนี้ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรยาก
“อย่าโกรธเลย ตอนนี้เธอไม่สบายอยู่นะ และเรื่องนั้นฉันก็ตรวจสอบชัดเจนแล้ว ไม่ถือโทษโกรธที่เธอโกหก ฉันก็ไม่ควรใจร้อนจนทำไม่ดีกับเธอ”
กู้ฉางชิงได้ยินคำกล่าวขอโทษของเขาก็ตกตะลึง
เธอไม่คิดว่าเฟิงจิงเหยาจะเป็นฝ่ายขอโทษเธอ
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่หยิ่งทะนง โดยปกติคนอื่นมักจะประจบสอพลอ อะไรๆก็ขอโทษเขา
ตอนนี้ในใจเธอรู้สึกปั่นป่วน
มีใจสั่น มีแอบดีใจ และมีความคับข้องใจเล็กน้อย
ไม่สนว่าจะพูดว่ายังไง เธอก็เป็นภรรยาเขา แต่เขาไม่ได้เชื่อเธอตั้งแต่ครั้งแรก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ความรู้สึกที่เพิ่งเกิดขึ้นก็หายไปทันที และกลายเป็นความซึมเศร้า
อย่างไรก็ตามเธอไม่กล้าที่จะแสดงความคิดพวกนี้ออกมาต่อหน้าเฟิงจิ่งเหยา
เธอทำเสียงฮึออกมาอย่างเย็นชา และไม่มองเฟิงจิ่งเหยาที่แสร้งทำเป็นพักผ่อน
เฟิงจิ่งเหยาเห็นอย่างนั้นก็ไม่สนใจ
ถึงอย่างไรเมือคืนวานเขาก็พูดแย่ๆไว้มาก เขารู้ตัวเอง
อยากให้คนอื่นหายโกรธโดยเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไร อยู่เป็นเพื่อนเธออย่างเงียบๆ
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงอยู่ในโรงพยาบาลอย่างงุ่มง่ามเป็นเวลาสองวัน
โรคกระเพาะอาหารอักเสบของกู้ฉางชิงก็ดีขึ้นมาก
วันนี้ต้องออกจากโรงพยาบาล หมอก็ไม่ลืมที่จะพูดว่า:“กลับไปแล้วต้องใส่ใจเรื่องอาหาร ทานอาหารอ่อนๆให้มาก อาหารรสเผ็ดและแอลกอฮอล์ไม่แตะต้องมันเลยก็จะดี”
กู้ฉางชิงพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเข้าใจ
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เขาอยู่ที่โรงพยาบาลดูแลกู้ฉางชิงมาสองวัน ยังไม่ได้ไปหาคุณอาเล็กเพื่อคิดบัญชีเลย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็มีความคิดในใจ
จากนั้นทั้งสองคนก็กลับไปที่บ้านหลังใหม่ของตระกูลเฟิง
“เธออยู่บ้านพักผ่อนให้ดีดี ฉันจะออกไปข้างนอก”
ในขณะที่พูดเขาก็จัดการให้กู้ฉางชิงเรียบร้อย
กู้ฉางชิงสายตาเย็นชา ส่งเสียง ‘โอ้’ และไม่ได้สนใจเขา
แม้ว่าสองวันที่ผ่านมาเฟิงจิ่งเหยาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ แต่เธอก็รู้สึกอึดอัดใจตราบเท่าที่เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่เชื่อเธอ
เฟิงจิ่งเหยารู้ว่าเธอยังไม่หายโกรธ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก บอกให้พ่อบ้านดูแลเธอให้ดีดี หันหลังแล้วไปที่บ้านหลัก ตรงไปหาจิ้งหยวนที่ลานบ้าน
พูดได้ว่าจิ้งหยวนเป็นลูกสาวคนเล็กที่นายท่านรักใคร่เอ็นดูที่สุด ลานบ้านของเธอดีที่สุดในตระกูลเฟิง
ฌ็องเซลิเซ่ สวนดอกไม้แห่งนี้จัดแต่งด้วยฝีมือที่ละเอียดและงดงาม และยังมีพันธุ์ที่หาได้ยากอยู่มากมาย แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจที่จะไปดู
“คุณหนูของพวกเธอล่ะ?”
เขาคว้าคนใช้ และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณหนูห้าอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ”
คนใช้ตอบอย่างกลัวๆ เฟิงจิ่งเหยาปล่อยเขา และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
“คุณหนู คุณชายเฟิงมาค่ะ”
ในห้องรับแขก พ่อบ้านเห็นเฟิงจิ่งเหยาก็รีบรายงานทันที
เฟิงจิิ้งหยวนจริงๆก็ไม่ได้คิดว่าเฟิงจิ่งเหยาจะมาหาเธอเพื่อคิดบัญชี ดังนั้นเธอจึงทักทายเขาอย่างเป็นมิตร
“จิ่งเหยา ทำไมวันนี้มาหาอาเล็กถึงที่นี่ มานั่งตรงนี้เร็ว
เฟิงจิ่งเหยาเดินเข้ามาโดยไม่ฟังที่เธอบอกให้นั่ง เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
เฟิงจิ้งหยวนเห็นอย่างนั้น ก็สังเกตเห็นความผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาที่มืดครึ้มของเขา ทำให้ใจเธอรู้สึกไม่สงบ
“จิ่งเหยา คุณเป็นอะไร?ใครทำให้คุณขุ่นเคือง?”
เธอถามด้วยรอยยิ้ม และเฟิงจิ่งเหยาก็ส่งเสียงอย่างเย็นชา
“ใครทำให้ฉันขุ่นเคือง อาเล็กคุณไม่ใช่รู้ดีอยู่แก่ใจหรอ?”
เฟิงจิ้งหยวนสีหน้านิ่ง:“จิ่งเหยา คุณหมายความว่ายังไง?”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พูดอ้อมค้อมกับเธอ พูดตรงไปตรงมาถึงเรื่องคืนนั้น
“ฉันรู้ว่าอาเล็กไม่ชอบกู้ฉางซิน ดั้งนั้นแต่ไหนแต่ไรถึงไม่ขอให้พวกคุณอยู่ร่วมกันดีดี เห็นแก่หน้ากันก็เลยปล่อยผ่านไป แต่คุณเป็นผู้ใหญ่ ช่วยคนอื่นวางแผนคิดร้ายกับหลานสะใภ้ ยุแยงความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเรา ผู้ใหญ่เป็นแบบนี้หรอ?คุณรู้ไหมว่านี่เป็นการกระทำที่ผิด?”
เสียงของเขาดังขึ้นในตอนท้ายของประโยค
เฟิงจิ้งหยวนตัวสั่น เพราะตกใจกลัว
แต่ไม่นานเขาก็มีท่าทีโต้ตอบกลับมา เฟิงจิ่งเหยาทำไมถึงติเตียนเธอเช่นนี้ จะให้กู้ฉางซินผู้หญิงคนนั้นมีหน้ามีตา และอดไม่ได้ที่จะโมโห
“เฟิงจิ่งเหยา คุณมาสั่งสอนฉันเพื่อผู้หญิงคนนั้นหรอ?”
เธอตำหนิกลับไปอย่างไม่พอใจ:“แล้วฉันทำอะไรผิด?ตั้งแต่ต้นจนจบผู้หญิงคนนั้นล้วนหลอกลวงคุณ ฉันแค่ช่วยให้คุณได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเธอ!คุณอย่าเป็นสุนัขกัดหลี่ตังปิน ไม่รู้จักคนดีมีตาหามีแววไม่”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้ว
เขารู้ว่าอาเล็กหมายถึงอะไร แต่เขาเลือกที่จะเข้าข้างกู้ฉางซิน
ถึงอย่างไรในตอนนี้กู้ฉางซินกับข้อมูลก็มีความไม่สอดคล้องกัน เขารู้ทุกอย่างชัดเจนกว่าใคร
“หน้าจริงหน้าปลอมอะไร ที่คุณพูดล้วนฟังสิ่งที่ไม่เป็นความจริงพูดลือผิดๆต่อกันไป หรือว่านี่คือการคบค่าสมาคมกัน คุณยังไม่เห็นว่าจริงๆแล้วฉางซินไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูด?”
เฟิงจิ้งหยวนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน
“เฟิงจิ่งเหยา ฉันว่าคุณสติเลอะเลือนเหมือนถูกผีเข้าสิง สิ่งที่เห็นเป็นแค่เปลือกนอกที่ผู้หญิงคนนั้นล้วนหลอกลวงคุณ คุณยังเชื่ออยู่อีก”