คุณนายเฟิงได้ยินความคิดของเฟิงจิ้งหยวน สีหน้าก็ลังเล
มิน่าล่ะก่อนหน้านี้น้องสาวสามีถึงบอกเธอว่าไม่เต็มใจ
ถึงอย่างไรกู้ฉางชิงก็ยังเป็นสะใภ้คนโตของตระกูลเฟิง ถ้าเธอต้องขายหน้าก็จะส่งผลกระทบต่อตระกูลเฟิงด้วย
และถ้าหากเกิดเรื่องใหญ่โต เธอก็กังวลมากว่าเรื่องมันจะไม่จบไม่สิ้น
โดยเฉพาะนายท่าน ไม่สนอะไรทั้งนั้นเพราะกู้ฉางซินคือคนที่เขาเลือก ถ้าเกิดเรื่องน่าอับอายขึ้น ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง
เธอคิดอย่างนี้แล้วก็พูดออกมา
“มีเรื่องอะไรต้องเป็นกังวล ถึงตอนนั้นก็ให้คุณพ่อได้เห็นว่ากู้ฉางชิงนังสารเลวนั่นกำลังนัวเนียกับผู้ชายคนอื่น คุณคิดว่าคุณพ่อของพวกเราจะยังปกป้องเธออยู่ไหม?”
ในขณะที่เฟิงจิ้งหยวนพูด ในตาของเธอก็เปล่งประกายสะท้อนให้เห็นความชั่วร้าย
นับตั้งแต่เฟิงจิ่งเหยาทำเพื่อผู้หญิงคนนี้ โดยการมาสร้างความยุ่งยากให้เธอ เธอก็ทนไม่ได้ที่จะให้ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงต่อไป
เธอมองไปที่คุณนายเฟิงที่ยังคงลังเล ในตาดูสลัวเหมือนกินยาเกินขนาด
“อีกอย่างพี่สะใภ้คิดว่านิสัยผู้หญิงสำส่อนอย่างกู้ฉางซิน คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าถ้าเธอตั้งท้องแล้วจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเราตระกูลเฟิงจริงๆ ?ฉันก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดเพราะจิ่งเหยาไม่ได้อยู่ในประเทศจีน แต่ตอนนี้จิ่งเหยากลับมาแล้ว ให้ตายยังไงเธอก็ไม่กลับตัว แอบลักลอบนัดชู้เข้ามาถึงในบ้าน คุณคิดว่าถ้าเด็กคนนั้นเกิดออกมาจะใช่ลูกของจิ่งเหยาหรอ?”
คุณนายเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็ลังเลใจ
กู้ฉางชิงผู้หญิงที่ทรยศจิ่งเหยา จี้ถูกจุดเธอเข้าแล้ว อย่าคิดว่าจะได้มาปะปนเป็นสายเลือดของพวกเธอตระกูลเฟิง
เธอจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนนั้นทำอะไรที่เป็นภัยต่อชื่อเสียงของจิ่งเหยาเด็ดขาด
“เรื่องนี้ก็ทำตามที่เธอพูดแล้วกัน ฉันจะจัดการเรื่องงานการกุศลเอง”
เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เฟิงจิ้งหยวนก็ดีใจ และพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับรายละเอียดของงานการกุศล
……
ที่บ้านหลังใหม่ กู้ฉางชิงยังไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามา
หลังจากที่เธอกลับไปที่ห้อง แม้ว่าเธอจะบอกว่าไม่สนใจเรื่องที่เฟิ่งจิ่งเหยาพบกับฉินเป่ยหาน แต่ในใจก็อดที่จะนึกถึงไม่ได้
และก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นหมายความว่ายังไง จนตอนนี้ก็ยังไม่พบปัญหา
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานและคิดฟุ้งซ่าน แม้แต่ภาพวาดในมือของเธอก็ไม่มีการเคลื่อนไหว
ในขณะเดียวกันเธอก็มองไปที่ประตูเป็นครั้งคราว
แต่ข้างนอกประตูนั้นเงียบสงบ สายตาเธอที่เฝ้ารอเปลี่ยนเป็นจิตตก
ไม่นานเธอก็พบว่าตัวเองมีท่าทีผิดปกติ และส่ายหัวทันที
ทำไมเธอจิตตก เฟิงจิ่งเหยาไม่สนใจไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องดีหรือ และพวกเขาก็ไม่ต้องทะเลาะกัน
อีกอย่างผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้ชอบเธอ ที่ต้องแต่งงานด้วยกันกับเขาก็เพื่อที่จะทำตามภารกิจที่คุณปู่ของเขามอบให้
คิดอย่างนี้แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะเบะปากหัวเราะเยาะตัวเอง
เธอบังคับตัวเองให้สงบลงและจดจ่อกับภาพการออกแบบในมือ
ก็เป็นอย่างนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จนพ่อบ้านมาแจ้งว่าอาหารเย็นพร้อมแล้ว
กู้ฉางชิงพยักหน้า เก็บกวาดแบบง่ายๆ และเดินออกนอกประตูไป
เธอไม่คิดว่าเดินมาถึงที่บันได แล้วจะชนกับเฟิงจิ่งเหยาที่กำลังจะเดินลงไปข้างล่าง
เธอหยุดชะงักและมองไปที่ใบหน้าของเฟิงจิ่งเหยาโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเธอต้องการรู้ว่าเขารู้สึกยังไงในตอนนี้
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ว่าเธอยังคงให้ความสนใจกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อเห็นเธอหยุดชะงัก เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและพูดว่า:“ทำไมไม่เดิน?”
น้ำเสียงไม่ใส่ใจแสดงว่าไม่ได้โกรธ ทำให้กู้ฉางชิงรู้สึกโล่งใจและอึดอัดใจในเวลาเดียวกัน
เธอไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแบบนี้
“ก็ไปนี่ไง”
เธอเม้มริมฝีปากและตอบกลับ
แล้วทั้งสองก็ลงไปข้างล่าง ทันทีที่พวกเขานั่งลงคนรับใช้ก็วางอาหารลงบนโต๊ะ
ในระหว่างมื้ออาหารทั้งสองก็รับประทานอาหารอย่างเงียบ ๆ
หลังอาหารคนรับใช้นำซุปบำรุงมาอีกครั้ง และวางไว้ตรงหน้ากู้ฉางชิง
กู้ฉางชิงก็ยกขึ้นมาและดื่มตามปกติ
เพียงแต่ครั้งนี้เธอจิบแล้วได้กลิ่นยาที่รุนแรงกระจายอยู่ในปากของเธอ จนทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้
“อึ๋ม……”
ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความยากลำบาก เธอเอามือปิดปากแล้วลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องน้ำ
“คุณนายรอง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เมื่อคนรับใช้เห็นอย่างนั้นก็ตามไปด้วยความเป็นห่วง
เฟิงจิ่งเหยามองดูพวกเขาจากไปพร้อมกับกะพริบตาสลัวๆ และลุกขึ้นเดินตามไป
ก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้ เขาก็ได้ยินเสียงอาเจียนจากในห้องน้ำ
หลังจากนั้นไม่นานเสียงนั้นก็หยุดลง กู้ฉางชิงเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าซีดเซียว
ไม่โทษที่เธอดูยากลำบาก เป็นเพราะกลิ่นยาที่รุนแรงที่ทำให้เธอท้องไส้ปั่นป่วน
เฟิงจิ่งเหยามองหน้าที่ซีดเซียวของเธอ และเม้มริมฝีปาก:“เดี๋ยวฉันจะให้ชวี่ยี่นัดหมอให้ เธอลองไปตรวจร่างกายดูหน่อย”
“รบกวนคุณแล้ว”
กู้ฉางชิงคิดว่าเขาจะให้เธอไปตรวจเรื่องกระเพาะอาหารและลำไส้ เธอจึงยิ้มขอบคุณ
แต่ไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาคิดต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ก็คือ เกือบจะหนึ่งเดือนแล้วที่ผู้หญิงคนนี้ประจำเดือนไม่มา เป็นไปได้ว่าเธออาจจะท้อง
และผู้หญิงคนนี้ยังอาเจียนอีก นี่เป็นสัญญาณของคนท้อง จึงทำให้เขาต้องคิดใครครวญ
กู้ฉางชิงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เธอผ่อนคลายสักพัก และกินอะไรอีกนิดหน่อย จากนั้นก็กลับห้องไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้นเธอก็ตื่นมาตามปกติ และลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหาร แต่พบว่าเฟิงจิ่งเหยายังอยู่ที่บ้าน
ดูเหมือนว่าเขากำลังรอเธอมาทานอาหารเช้าด้วยกัน
“ร่างกายคุณดีขึ้นรึยัง?”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตสายตาที่ดูแปลกใจของเธอ เมื่อเห็นเธอเดินลงมาก็เลยถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็ปกติดี”
แม้ว่ากู้ฉางชิงจะรู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากและนั่งลง
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเจ้านาย อาจจะอยากให้เธอมีวันหยุด
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วเธอก็ทานอาหารอย่างสบายใจ
ในขณะที่ทานอาหาร คำพูดของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นในหูของเธออีกครั้ง
“ทานอาหารเสร็จแล้วเธอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
กู้ฉางชิงตกตะลึงและมองเฟิงจิ่งเหยาด้วยความประหลาดใจ ราวกับไม่ได้คิดว่าเขาจะทำอย่างนี้
“ไม่ต้องหรอกเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ไม่อยากให้คุณต้องลำบากพาไป ฉันไปเองได้ คุณไปทำงานที่บริษัทเถอะ?”
เธอไม่อยากให้เฟิงจิ่งเหยาไปด้วย
หรือพูดได้ว่าเธอไม่อยากได้รับความหวังดีจากผู้ชายคนนี้ เพราะถ้ารับไว้มากๆ เธอก็มักจะลืมสถานะของตัวเอง และทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกๆกับตัวเองด้วย
เฟิ่งจิ่งเหยาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของเธอก็หยุดการเคลื่อนไหวและมองไปที่เธออย่างเย็นชา
เดิมทีกู้ฉางชิงยังอยากที่จะยืนยัน แต่เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ลึกล้ำจนรู้สึกว่าเสียวซ่าไปถึงหนังศีรษะ
สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว จึงกัดริมฝีปากและตอบตกลง
“ก็ได้ คุณอยากพาไปก็พาไป”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นว่าเธอตอบตกลง ก็ทำเสียงฮึออกจากจมูก และทานอาหารต่อ
กู้ฉางชิงรู้สึกว่าอาหารไม่ค่อยถูกปากนิดหน่อย
ไม่นานเฟิงจิ่งเหยาก็ทานอาหารในจานจนหมด และเห็นว่าในจานของเธอยังมีอาหารเหลืออยู่เยอะ เขาก็ขมวดคิ้วเป็นการเร่งรัด
“คุณค่อยๆกิน ฉันจะรอคุณที่รถด้านนอก!”
เขาพูดจบก็หันหลังเดินออกจากประตูไป
กู้ฉางชิงมองเขาเดินจากไปจาก ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความยุ่งยาก และก็ยิ่งไม่อยากอาหาร
แต่เมื่อนึกถึงเฟิงจิ่งเหยาที่รออยู่นอกประตู เธอกินอาหารไม่กี่คำก็หมด แล้วก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างบน
“ฉันเสร็จแล้ว ไปกัน”
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองที่สะดวกในการตรวจร่างกาย และขึ้นรถไปพลางพูดไปพลาง
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้บอกคนขับรถในทันที แต่หันไปมองเธออย่างละเอียดอีกครั้ง
“ทำไมหรอ?”
กู้ฉางชิงจ้องมองและพูดด้วยความสับสน คิดว่าตัวเองมีอะไรผิดปกติจึงก้มสำรวจดู
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้บอกเธอว่าเขากำลังดูว่าเธอใส่รองเท้าส้นสูงที่เป็นอันตรายหรือไม่
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นอันตรายต่อคนท้อง อาจจะทำให้เกิดอันตรายได้