ขณะที่กู้ฉางชิงและพวกเขากำลังเดินทางไปโรงพยาบาล ที่บ้านใหญ่คุณนายเฟิงก็ได้รับข่าวเช่นกัน
“คุณว่ายังไงนะ?กู้ฉางซินท้องแล้ว?”
เธอมองคนใช้ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ด้วยความไม่เชื่อเธอจึงถามอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าเมื่อวานเย็นคุณนายรองทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา เช้านี้คุณชายเลยพาเธอไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เป็นไปได้ว่าเธออาจจะท้อง
คนรับใช้ตอบอีกครั้ง แต่คุณนายเฟิงรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ถึงอย่างไรเธอก็ส่งซุปไปให้ผู้หญิงคนนั้นทุกวัน ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางท้องได้!
เมื่อเธอเข้าใจแล้วก็โบกมือให้คนรับใช้ออกไป แล้วพ่อบ้านก็เดินเข้ามา
“คุณนาย นายท่านมาแล้ว”
ขณะที่พูดเฟิงเทียนหรูก็เดินถือไม้เท้าเข้ามา
“คุณพ่อ มาได้ยังไงคะ?”
เมื่อคุณนายเฟิงเห็นก็ยิ้มทักทาย
“ฉันได้ยินมาว่าฉางซินทานอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมา จิ่งเหยาพาเธอไปโรงพยาบาล ดังนั้นฉันจึงมารอฟังข่าวดี”
เฟิงเทียนหรูไม่ปิดบังเจตนาที่เขามาที่นี่ ได้ยินแล้วสีหน้าคุณนายเฟิงก็หยุดชะงัก
“เหอๆ อย่างนี้นี่เอง นั้นฉันรอเป็นเพื่อนคุณพ่อค่ะ”
เธอยิ้มตาม และนายท่านก็ไม่ได้ปฏิเสธ
……
ในเวลาเดียวกัน กู้ฉางชิงพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล
เธอเดินตามเฟิงจิ่งเหยาไป เดิมทีคิดว่าจะไปที่แผนกระบบทางเดินอาหาร แต่พบว่าเขาจะพาเธอไปที่ห้องตรวจแผนกสูตินารีเวช
“เฟิงจิ่งเหยา พวกเราเดินมาผิดที่รึเปล่า?”
เธออดไม่ได้ที่จะเรียกให้เขาหยุด
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินอย่างนั้นก็หยุดเดินและมองไปที่เธอ
“ไม่ผิดนะ ตามฉันมา“
พูดจบเขาก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของคุณหมอ
กู้ฉางชิงมองไปที่ด้านหลังของเขาที่เดินไปไกลแล้วด้วยความตกตะลึง
ไม่นานเธอก็ได้สติ และเดาได้คร่าวๆว่าเขาอาจเข้าใจผิดเรื่องเมือวานเย็น
เธอกลัวว่าอาการคลื่นไส้ของเธอเมื่อวานเย็น ทำให้เขาคิดว่าเธอท้อง
ตอนนี้เธอมีความซับซ้อนที่ยากจะบรรยายเป็นคำพูด
เธออยากจะอ้าปากเรียกให้เขาหยุด บอกเขาว่าเธอไม่ได้ท้อง
แต่เธอก้รู้ว่าต่อให้เธอบอกเขาก็ไม่เชื่อ ไม่สู้ยอมให้เขาพาไปตวรจจะดีกว่า
คิดอย่างนี้แล้ว เธอก็รีบเดินตามเฟิงจิ่งเหยาไป
หมอได้ทำการนัดล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงเข้าไปตรวจไปเลย
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผลตรวจก็ออกมาแล้ว
“ประธานเฟิง น่าเสียดายมาก คุณนายเฟิงเธอไม่ได้ตั้งครรภ์ การอาเจียนน่าจะเกิดจากระบบทางเดินอาหารไม่ปกติ ฉันขอแนะนำให้ไปที่แผนกระบบทางเดินอาหาร”
หมอดูผลตรวจแล้วแจ้งให้ทราบ และรายงานเฟิงจิ่งเหยาอย่างละเอียด
เฟิงจิ่งเหยาฟังจบก็ดูเหมือนว่าจะไมค่อยพอใจกับผลตรวจ เขาขมวดคิ้ว
“ไม่ได้ท้อง เพราะอะไร?”
หมอจ้องมองสีหน้าไม่พอใจของเขา และพูดอย่างสั้นๆว่า:“ถ้าคุณต้องการพูดถึงสาเหตุ อาจจะต้องได้รับการตรวจเพิ่มเติม”
ในขณะที่เธอพูดก็มองไปที่กู้ฉางชิง และถามตามหน้าที่ว่า:“ไม่ทราบว่าคุณนายเฟิงมีปัญหาสุขภาพรึเปล่า?”
กู้ฉางชิงได้ยินอย่างนั้นก็พูดไม่ออก
ทำไมฟังดูเหมือนเป็นปัญหาของเธอ?
“ร่างกายฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร”
เธอตามอย่างไม่ต้องคิด
“ถ้าอย่างนั้นเคยตรวจสุขภาพไหม?ตรวจก่อนตั้งครรภ์?”
หมอไม่หยุดที่จะถาม
กู้ฉางชิงขมวดคิ้วและตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่เคยค่ะ”
เมื่อหมอได้ยินอย่างนั้นความตึงเครียดบนใบหน้าก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก:“ถ้าคุณนายเฟิงยังไม่เคยตรวจ อย่างนั้นจะไม่ทราบปัญหาที่แน่ชัด”
ความหมายคือให้พวกเขาทำการตรวจก่อน
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินก็เข้าใจ และสั่งให้ชวี่ยี่ไปจัดการทันที
เมื่อกู้ฉางชิงเห็นอย่างนั้น แม้ว่าจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผลตรวจก็ออกมา
“ตัวบ่งชี้ของคุณนายเฟิงอยู่ในระดับมาตรฐาน ไม่มีปัญหาเลย”
หลังจากอ่านรายงานการตรวจแล้วหมอก็อธิบายให้ทั้งสองคนฟัง
เฟิงจิ่งเหยาฟังจบ สีหน้าก็เคร่งขรึม
“ตามที่คุณพูด คนที่มีปัญหาคือฉันหรอ?”
หมอได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
เธอมองเฟิ่งจิ่งเหยาอย่างอึดอัดวางตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรพูดยังไง ดังนั้นเธอจึงได้แต่มองไปที่กู้ฉางชิงเพื่อขอความช่วยเหลือ
ขณะที่กู้ฉางชิงกำลังช่วยเธอพูด ชวี่ยี่ก็ไม่ได้สังเกต
เขาก็หวังดีจะช่วยสลายบรรยากาศตึงเครียด:“คุณหมอท่านวางใจได้ ท่านประธานของพวกเราตรวจร่างกายเป็นประจำทุกไตรมาส สุขภาพแข็งแรงและไม่มีปัญหาอะไร”
เมื่อหมอได้ฟังแล้วก็ขยี้จมูกเพื่อแสดงว่าเขารู้แล้ว
แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่คิดที่จะปล่อยเธอไปง่ายๆ
“ถึงอย่างไรตอนนี้สุขภาพของพวกเราสองคนก็ไม่มีปัญหา ทำไมถึงไม่ตั้งครรภ์?”
หมอได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้าเขาแล้วไม่ได้พูดอะไร
ดูจากหน้าเขาแล้วถ้าไปได้คำตอบเขาก็ไม่ไป ทำได้แค่เก็บไว้ในใจ และเอาความเป็นมืออาชีพมาอธิบาย
“ประธานเฟิง เรื่องการตั้งครรภ์ อันที่จริงไม่ต้องรีบร้อน บางทีคุณอยากให้มันมา แต่มันไม่มา”
เธอเม้มริมฝีปากตอบ เมื่อเห็นเฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว ดุเหมือนว่าจะไม่พอใจกับคำตอบ เธอจึงทำได้เพียงพยายามอย่างไม่ลดละ:“ไม่อย่านั้นประธานเฟิงกับคุณนายก็ต้องขยันทำการบ้าน ไม่แน่ว่าอาจจะทำสำเร็จ แน่นอนว่าบำรุงสุขภาพก็เป็นเรื่องสำคัญ ใส่ใจกับการใช้ชีวิตและทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะสามารถช่วยได้”
เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินคำพุดที่ตรงไปตรงมาอย่างนั้น ก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ใบหน้าเธอแดงกล่ำ คนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ไม่กล้าที่จะพูด เธอจ้องไปที่เฟิงจิงเหยาอย่างขมขื่น
เรื่องที่เขาทำจะให้อภัยได้อย่างไร
แต่ก็ไม่รู้ว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ดีตรงไหน
เขาก็ไม่คิดว่าหมดจะพูดได้อย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
เขาหันหน้าหนี ไม่อยากมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆด้วยความเขินอาย จู่ๆก็นึกถึงคำพูดของหมอเมื่อตะกี้
ต้องทำการบ้านบ่อยแค่ไหน?
ดูท่าเขาต้องการจะพยายามขึ้นอีก!
กู้ฉางชิงไม่รู้แผนในใจของเขา รอจนหมอพูดข้อควรระวังจบ เธอก็รีบออกจากห้องทำงานและเดินไปที่ประตูโรงพยาบาลราวกับวิ่งหนีเอาตัวรอดยังไงยังงั้น
เฟิงจิ่งเหยามองเธอเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ก็รู้ว่าเธอเขินอายและรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆขยายออก
ชวี่ยี่ก็เห็นเช่นกัน และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า:“ท่านประธาน ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคุณกับคุณนายก็ไม่เลวเลยนะ ดูท่าคุณเองก็ไม่น่ารังเกียจการแต่งงานครั้งนี้”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มของเขาก็หุบลง
และก็ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงอะไร เขาเหลือบมองซูยี่อย่างเย็นชาและถามว่า:“คุณว่างมากหรอ?”
ชวี่ยี่เห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา และไม่ได้โต้ตอบอะไร
“ไม่ว่างครับ อีกเดี๋ยวต้องไปเตรียมการประชุมที่บริษัท”
เขาตอบด้วยความตกตะลึง เฟิงจิ่งเหยากอย่างเย็นชา
“ถ้าอย่างนั้นยังไม่รีบไปอีก หรือว่าคุณอยากทำงานเพิ่มเป็นสองเท่า?”
“เอ่อ……งั้นฉันไปเดี๋ยวนี้เลย”
ชวี่ยี่พูดจบก็เดินจากไป
เขาไม่อยากได้งานเพิ่ม ไม่อย่างนั้นคงเหนื่อยแย่
เพียงแต่พวกเขาออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว เขาเพิ่งจะมานึกขึ้นได้ว่า
ท่าทีของท่านประธานชัดเจนจนยากที่จะปกปิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เขารู้สึกว่าท่านประธานไม่เป็นปกติ เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจเรื่องของคุณนายรอง ไม่อย่างนั้นจะเป็นห่วงว่าเธอจะทำอะไรทำไม?
และยังกังวลว่าเธอจะเป็นเหมือนกับในข้อมูลนั้น
คิดอย่างนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าต่อไปต้องมีละครอะไรดีๆมาให้ดูแน่
อีกอย่างเฟิงจิ่งเหยาก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้นต้องเพิ่มงานให้เขาอย่างแน่นอน
หลังเขาออกจากโรงพยาบาลก็พากู้ฉางชิงกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง