สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 130 ผมเชื่อใจเธอ

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

วันต่อมา กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นอย่างเต็มอิ่ม

เธอมองแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา คิดว่าเวลานี้เฟิงจิ่งเหยาคงไปที่บริษัทแล้ว

แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นจากที่นอน ก็เห็นชายที่แต่งตัวอย่างเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว

เฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอ ก็ชะงักฝีเท้าลง “ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว คุณแม่ให้พวกเราไปพบท่านสักหน่อย”

กู้ฉางฉิงเม้มปาก ไม่ได้สนใจคําพูดของเขา เมื่อลงจากเตียงแล้วก็ตรงเข้าไปยังห้องน้ำเลย

แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะถูกผู้ชายคนนี้ลากกลับมา แต่ความคับแค้นในใจก็ยังไม่ได้หายไป

ขณะที่แปรงฟัน จู่ ๆ เธอก็คิดถึงสิ่งที่ชายคนนั้นพูด

คุณนายเฟิงบอกให้พวกเธอไปหา……

เกรงว่าคงจะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น ใจของเธอก็หดหู่ลง

ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทําอะไรกับเธอ

เธอเดินตามเฟิงจิ่งเหยาไปทานอาหารด้วยความวิตกกังวล จากนั้นจึงเดินไปบ้านใหญ่ด้วยกัน

ยิ่งใกล้ถึงบ้านใหญ่เท่าไหร่ เธอก็รู้สึกประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น

แม้แต่เธอเองก็ไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าของเธอกลายเป็นซีดมาก

เฟิงจิ่งเหยามองแล้วขมวดคิ้วแน่น

ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เห็นเขาเข้าไปจับมือกู้ฉางฉิงที่ห้อยอยู่ข้างขา แล้วพูดขึ้นเสียงเข้มว่า “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างมีผมอยู่”

กู้ฉางฉิงที่ยังคงจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จู่ ๆ เมื่อได้ยินคําพูดนี้ขึ้นมา ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดใด

จนกระทั่งสัมผัสอันร้อนแรงได้ส่งผ่านมาในมือ จึงทําให้เธอได้สติกลับคืนมา

เธอเม้มปาก สายตาจับจ้องชายที่อยู่ข้าง ๆ อย่างซับซ้อน

เพราะคําพูดเมื่อครู่ของเขา ทำให้ความกังวลที่รบกวนเธอตลอดทางนั้นมลายหายไปอย่างประหลาด และยังรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

ทําไมถึงเป็นเช่นนี้ได้?

เขาไม่โกรธแล้วเหรอ?

ขณะที่เธอกําลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ก็ได้มาถึงบ้านใหญ่

ทันทีที่ทั้งสองเข้าประตูมา ก็เห็นคนมากมายอยู่ในห้องนั่งเล่น

เหมือนจะไม่ขาดใครสักคนที่ควรอยู่เลย

คุณนายเฟิง เฟิงจิ้งหยวน และยังมีกู้หงเซิน

“ทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเรามาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกัน”

คุณนายเฟิงกวาดตามองไปที่คนที่เดินจับมือกันเข้ามา สายตาจ้องเขม็งไปที่มือที่จับกันไว้ของทั้งสอง กัดฟันแล้วพูดว่า “จิ่งเหยา มานี่! ”

ตอนนี้เธอจะต้องไม่ให้โอกาสนังตัวแสบนี่มาเป่าหูให้ลูกชายเธอสับสนได้อีก

เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วแน่น เม้มปากแล้วพูดว่า “แม่ครับ ถ้ามีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ เลย พวกเรารอฟังกันอยู่”

เขาหมายถึงเขาจะไม่เดินเข้าไป

คุณนายเฟิงโกรธจนทนไม่ไหว แต่ก็ไม่สามารถทําอะไรลูกชายตัวเองได้ ทําได้เพียงสาดความโกรธใส่กู้ฉางฉิง

เธอกลอกตาใส่กู้ฉางฉิงอย่างมาดร้าย ก่อนจะหันไปพูดกับกู้หงเซิน

“ที่วันนี้เรียกให้คุณกู้มา คิดว่าคุณกู้ก็คงรู้ดี ฉันเองก็ไม่อยากพูดอะไรให้มันน่าอึดอัดใจ แต่ฉางซินของพวกคุณทำเรื่องวุ่นวาย สอนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ถ้าให้พวกเขาอยู่ด้วยกันอีกก็เห็นทีจะไม่เหมาะสม ตระกูลเฟิงของเราขายหน้ากับเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ คุณกู้น่าจะเข้าใจได้ใช่ไหมคะ”

กู้หงเซินเข้าใจความหมายของเธอ

แต่เขาจะยอมสูญเสียที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่อย่างตระกูลเฟิงไปได้อย่างไรกัน ดังนั้นเขาจึงแก้ต่างขึ้นว่า “คุณนายเฟิง ผมเข้าใจความหมายของคุณดี แต่เกรงว่าคุณจะไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้”

เมื่อเขาพูดจบ ก็เหลือบมองใบหน้าที่จมลงของคุณนายเฟิง แล้วกล่าวต่อว่า “การแต่งงานในครั้งนี้มีนายท่านเฟิงเป็นผู้ตัดสินใจ ถ้าต้องการจะยุติการแต่งงาน ก็ควรจะเป็นนายท่านเฟิงที่มาพูดกับผม”

“คุณคิดว่ายกนายท่านออกมาอ้างแล้วกู้ฉางซินจะยังอยู่ต่อได้งั้นเหรอ? ลูกสาวของคุณลักลอบคบชู้กับกับชายอื่นหลายต่อหลายครั้ง คุณคิดว่าถ้านายท่านรู้เข้ายังจะชอบเธอได้อีกเหรอ?”

คุณนายเฟิงรู้ว่ากู้หงเซินนั้นคิดอะไรอยู่ จึงพูดดักความคิดของเขาไว้

เมื่อกู้หงเซินได้ยินคําพูดนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไรดี

ก็จริง หากเรื่องนี้รู้เข้าถึงหูนายท่าน เกรงว่าคงจะไม่ให้เธออยู่ต่อแน่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่กู้ฉางฉิงอย่างโกรธเกรี้ยว และส่งสายตาข่มขู่บอกให้เธอคิดหาวิธี

กู้ฉางฉิงเข้าใจความหมายของเขา ความกังวลก็เกิดขึ้นมา และเธอก็ครุ่นคิดถึงแผนรับมือ

“คุณแม่คะ คุณแม่พูดหลายครั้งว่าหนูลักลอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่น หนูสงสัยมากว่าเราทำอะไรให้คุณแม่รู้สึกแบบนั้น?”

เธอคิดอย่างกระวนกระวาย และมีความคิดบางอย่างเกิดในใจ

เธอมองคุณนายเฟิงด้วยแววตาหนักแน่น กล่าวขึ้นว่า “ครั้งที่แล้วคุณอาเล็กเป็นคนพาหนูไปที่คลับเฮ้าส์ ตอนนั้นในห้องมีคนสิบกว่าคน แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายทำไมถึงกลายเป็นมาลงเอยที่หนูทำเรื่องไม่ดีอีก?”

เมื่อพูดจบ เธอก็มองไปที่เฟิงจิ้งหยวนด้วยแววตาคลุมเครือ ก็เห็นเฟิงจิ้งหยวนทำหน้าสำนึกผิด

กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้สนใจและพูดต่อว่า “และครั้งนี้ หนูก็แค่พักผ่อนอยู่ในเลานจ์ ฉินเป่ยหานมาหาหนูก็เพราะอยากมาปลอบใจที่หนูถูกใส่ร้ายก่อนหน้านี้ แต่พอเขาเข้ามาได้เพียงไม่กี่นาทีก็ถูกคนขังไว้ข้างใน ตอนนั้นหนูก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และตั้งใจจะกระโดดหนีทางหน้าต่าง แต่ฉินเป่ยหานกลัวว่าหนูจะตกอยู่ในอันตรายก็เลยดึงหนูไว้ แต่แล้วในเวลานี้เองที่พวกคุณก็บุกเข้ามา”

แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรชัดเจน แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็เข้าใจว่าเธอหมายความว่าอะไร

มีคนจงใจใส่ร้ายเธอ

เฟิงจิ้งหยวนและคุณนายเฟิงมีสีหน้าที่ดูไม่สบายใจนัก

เพราะพวกเธอรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นพวกเธอจึงไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไรกับคําพูดนี้

สีหน้าของเฟิงจิ่งเหยาก็ไม่สู้ดีเช่นกัน

เขากวาดสายตามองทุกคน เดินขึ้นหน้าและพูดว่า “เอาล่ะ เรื่องนี้ก็ให้มันจบลงแค่นี้ ห้ามใครพูดถึงอีก ให้ถือเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”

เมื่อคุณนายเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวนได้ยินคําพูดนี้ก็เงยหน้าขึ้นทันที

“จิ่งเหยา เธอบ้าไปแล้วเหรอ? คําพูดด้านเดียวแบบนี้ยังเชื่อได้อีก นี่เธอไม่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรลับหลังเธอหรือไง?”

เฟิงจิ้งหยวนถามขึ้นอย่างไม่พอใจโดยมีคุณนายเฟิงสมทบอยู่ข้าง ๆ

“ใช่ เรื่องนี้จะจัดการแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนนอกจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับบ้านตระกูลเฟิง ดูลูกสิ!”

เธอไม่อยากพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้

กู้ฉางซินไม่คู่ควรกับลูกชายของเธอเลย!

นอกจากนี้ทางตระกูลลู่ยังรอข่าวดีจากเธออยู่

กู้ฉางฉิงเฝ้าดูพวกเธอพยายามเกลี้ยกล่อมเฟิงจิ่งเหยา แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เธอยังหันไปยิ้มเยาะให้กับกู้หงเซิน

ชายคนนี้มักจะคิดว่าเธออยู่ในตระกูลเฟิงอย่างราบรื่นปลอดภัย และมักจะร้องขอให้เธอทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้เขาน่าจะเข้าใจชัดเจนถึงสถานการณ์ของเธอได้สักที

ที่จริงกู้หงเซินก็เห็นชัดเจนแล้ว แต่เขาเป็นห่วงตัวเองกับกู้ฉางซินมากกว่า

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนในครอบครัวตระกูลเฟิงที่นอกจากนายท่านเฟิงกับเฟิงจิ่งเหยาแล้ว จะไม่มีใครยอมรับฉางซินเลย ถ้าฉางซินกลับมา เธอจะทนกับสภาพนี้ได้อย่างไร

ในขณะที่ความคิดของเขากำลังล่องลอยไป เสียงตะโกนอย่างรุนแรงของเฟิงจิ่งเหยาทำให้สติเขากลับสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

“พอได้แล้ว ฉางซินเป็นภรรยาของผม ผมไม่เชื่อเธอ จะให้ไปเชื่อใคร? เรื่องนี้ให้ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว!”

เมื่อเขาพูดจบก็หันหลังกลับ จับมือของกู้ฉางฉิงที่ตะลึงนิ่งอยู่และพาเธอออกไป

กู้ฉางฉิงที่ไม่ทันตั้งตัวถูกเขาดึงจนเซไปหลายก้าว ก่อนที่จะทรงตัวได้และเดินตามเขาไป

เธอมองแผ่นหลังของร่างสูงตรงหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน และยิ่งไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่มีในตอนนี้ได้

เธอคิดไม่ถึงว่าชายคนนี้ที่โหดร้ายเวลาอยู่กับเธอตามลำพัง แต่กลับคอยปกป้องเธอเวลาอยู่ข้างนอกเสมอ

แม้แต่เรื่องที่เข้าใจผิดของเมื่อคืน ทั้งที่เธอยังไม่ได้อธิบายอะไรให้เขา แต่เขาก็ยังคงปกป้องเธอ

สักพัก เธอรู้สึกแสบร้อนขึ้นที่ทรวงอก แล้วก็รู้สึกเหมือนถูกยัดเข้าไปด้วยสายไหม มันทั้งหวาน ทั้งอบอุ่น

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท