หลี่ม่านฟังคำพูดนี้แล้ว สีหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเธอ เธอจึงไม่ได้เสนอคำพูดโต้แย้งออกมา อมยิ้มแล้วกล่าวว่า: “นี่เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากเป็นปัญหาของพวกเรา จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับคุณสิงอย่างแน่นอน”
ถึงแม้ว่าเธอดูเหมือนจะตอบรับเงื่อนไขของสิงหย่าอัน แต่ก็เพิ่มคำเสริมเงื่อนไขไว้ข้างหน้าอีกคำ
สิงหย่าอันก็สังเกตเห็นได้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย อยากที่จะพูดอะไรอีก แต่ก็ถูกหลี่ม่านชิงตัดหน้าไปก่อน
“งั้นเอาอย่างนี้ พวกเรากลับไปปรึกษาหารือกันก่อนว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องครั้งนี้เป็นอย่างไร คุณสิงอยู่พักผ่อนให้ดีที่โรงพยาบาล รอให้มีผลสรุปในภายหลังแล้ว ฉันจะแจ้งให้คุณสิงทราบอีกที”
สิงหย่าอันเห็นเช่นนี้แล้ว ถึงแม้จะไม่ยินยอม แต่ก็กลัวว่าพูดมากไปแล้ว จะส่งผลกระทบถึงภาพลักษณ์ของเธอ ดังนั้นจึงทำได้เพียงกดคำที่อยากจะพูดเอาไว้ โบกมือให้พวกเขาออกไป
หลังจากคนทั้งสามออกไปแล้ว ลู่ซือหยี่เห็นกู้ฉางชิงเงียบเฉย อดไม่ได้ที่จะกล่าวเย้ยหยันว่า: “กู้ฉางชิง ดูเรื่องดีๆที่คุณทำสิ”
เธอพูดพลาง นึกถึงคำพูดกล่าวอ้างของกู้ฉางชืงก่อนหน้านี้เรื่องผ้าของตระกูลพวกเขา กล่าวถากถางว่า: “เหอะ ตอนแรกฉันก็บอกแล้วว่าไม่ควรใช้ผ้าของตระกูลคุณ ดูสิ ตอนนี้เกิดปัญหาแล้วจริงๆ เรื่องนี้ ฉัรจะรวบรวมข้อมูลรายงานต่อพี่จิงเหยา เงินชดเชยห้าล้าน ฉันจะคอยดูว่าคุณจะชดใช้ยังไง แล้วคุณก็อย่าคิดว่าจะให้พี่จิงเหยาช่วยคุณชดใช้ ไม่เช่นนั้นฉันจะบอกคุณน้าหมิง”
เธอยิ่งพูดก็ยิ่งลำพองใจ คล้ายกับเห็นจุดจบที่น่าเศร้าของกู้ฉางชิง
แต่กู้ฉางชิงไม่สบายใจกับคำพูดของเธออย่างมาก
“ลู่ซือหยี่ ฉันอยากรู้จริงๆว่าตกลงคุณอายุเท่าไรแล้ว ทำไมชอบขี้ฟ้องจัง?”
เธอยิ้มอย่างแค้เคืองเย็นชากลับไป เห็นลู่ซือหยี่โกรธ ก็ไม่ให้โอกาสเธอได้พูด กล่าวชิงตัดหน้าว่า: “ทำไมคิดว่าที่ฉันพูดมันไม่ถูกหรอ?”
ลู่ซือหยี่กัดฟัน หาคำโต้แย้งไม่ได้ชั่วขณะ
กู้ฉางชิงก็ไม่ใส่ใจ มองเธออย่างเยาะเย้ย: “อีกอย่าง เรื่องนี้ผู้จัดการใหญ่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร คุณจะกระตือรือร้นขนาดนี้ไปทำไมกัน? หรือว่าโรคของคุณกำเริบหรอ?”
พูดถึงสุดท้าย ในสายตากู้ฉางชิงก็อดไม่ได้ที่จะเย็นชาขึ้นมา
เธอทำเสื้อผ้า ในใจเธอเองเข้าใจชัดเจนดี
วัตถุดิบล้วนคือเธอคัดสรรมาด้วยตนเอง ถ้าหากมีปัญหา เธอก็สามารถมองออกได้ในพริบตา
อีกอย่างช่วงเวลานี้ ลู่ซือหยี่ก็มุ่งเป้ามายังเธอไม่น้อย
วางแผนใส่ร้ายกับการออกแบบของเธอก็ไม่น้อย ดังนั้นก็ไม่แปลกที่เธอจะคิดแบบนี้
ลู่ซือหยี่ก็ฟังออกถึงน้ำเสียงในคำพูดของเธอ หน้ามืดจนไม่มีอะไรเปรียบ
“เชอะ ฉันดูแล้วคุณคงไม่เป็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา ตนเองทำเรื่องผิดพลาด ก็ไม่ละอายใจไปปรักปรำคนอื่น”
เธอกัดฟันตำหนิด้วยความโกรธ คล้ายกับเดือดดาลไม่น้อย
ตรงกันข้ามกับกู้ฉางชิงข้างๆเธอที่สุขุมเยือเย็นไม่น้อย
หลี่ม่านมองคนทั้งสอง ก็ปวดหัวไม่หยุดไปชั่วขณะ
“พอๆ นี่จนถึงตอนนี้แล้ว พวกคุณยังมีอารมณ์มาทะเลาะกันอีกหรอ?”
เธอพูดพลาง ก็กวาดสายตามองคนทั้งสองอย่างไม่พอใจ
“ฉางชิง คุณกลับไปบริษัทอีกที ไปตรวจสอบผ้าที่เหลือเหล่านั้น ตรวจดูว่าเป็นปัญหาของผ้าหรือไม่”
กู้ฉางชิงได้ยิน ก็ไม่ใส่ใจลู่ซือหยี่ พยักหน้าอย่างสุขุม: “ค่ะ”
หลี่ม่านเห็นท่าทีที่ดีมากของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างกังวลใจออกมาว่า: “ถ้าเป็นปัญหาของผ้าของพวกเราจริงๆ เรื่องนี้ความรับผิดชอบของคุณจะหนักมาก ดังนั้นเวลาคุณตรวจสอบจะต้องละเอียดถี่ถ้วน รู้ไหม?”
“ฉันทราบ”
อันที่จริงไม่ต้องให้หลี่ม่านเตือนสติ กู้ฉางชิงก็รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรง
เธอคิดถึงตรงนี้ ก็เม้มปากบางๆแน่น
หลี่ม่านเห็นสีหน้าท่าทางที่กดดันนี้ของเธอ ในที่สุดก็อดไม่ได้ กล่าวปลอบโยนว่า: “เอาล่ะ พวกเราก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น ก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาของพวกเราก็ได้ พวกเราควรตรวจสอบเรื่องราวให้ชัดเจนก่อน รอหลังจากความจริงปรากฎ ทางด้านของบริษัทนั้นก็จะตัดสินใจเอง”
กู้ฉางชิงพยักหน้า
หลังจากนั้นคนทั้งสามก็กลับไปถึงบริษัท แล้วก็แยกกันทำงาน
กู้ฉางชิงเรียกชีเสี่ยวจิ่วมาถามโดยตรง
“เสื้อผ้าที่เรียกกลับคืนมาเป็นอย่างไร ทางด้านฝ่ายจัดซื้อนั้นตรวจสอบแล้วมีปัญหาอะไรไหม?”
“เอ่อ….เสื้อผ้าเพิ่งเรียกกลับคืนมา ยังไม่ทันส่งถึงทางด้านฝ่ายจัดซื้อ”
ชีเสี่ยวจิ่วตอบกลับอย่างระมัดระวัง
กู้ฉางชิงขมวดคิ้ว: “ทำไมถึงช้าอย่างนี้?”
ชีเสี่ยวจิ่วกำลังจะตอบกลับ แต่ถูกกู้ฉางชิงตัดบท
“เอาเถอะ คุณไปแจ้งคนของฝ่ายจัดซื้อให้ทราบ ให้คนรับผิดชอบของพวกเขานำผ้าไปที่โรงงานทอผ้าด้วยกันกับฉัน”
ในเมื่อยังไม่ตรวจสอบ เธอวางแผนที่จะประหยัดเรื่องเวลาเล็กน้อย โดยนำไปที่โรงงานทอผ้าโดยตรง
แบบนี้ถึงแม้ว่าถึงเวลาแล้วจะมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยตรง
“ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ชีเสี่ยวจิ่วกันตัวออกไป
ไม่นาน คนรับผิดชอบของฝ่ายจัดซื้อก็เข้ามาหาเธอในเวลาต่อมา
“หัวหน้าแผนก ต้องรบกวนคุณไปกับฉันครั้งนึง”
กู้ฉางชิงเห็นคน ก็ทักทายตามมารยาท
คนรับผิดชอบก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องถึงเขา
เขาฝากให้ผู้ช่วย หอบเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่เรียกกลับคืนและเศษผ้าที่เหลือตามกู้ฉางชิงไปที่โรงงานทอผ้า
ทางด้านโรงงานทอผ้า ได้รับข่าวก่อนหน้านี้แล้ว จึงรอคอยอยู่ที่หน้าประตู
“คุณหนู”
หัวหน้าโรงงานเห็นกู้ฉางชิง ก้าวมาข้างหน้ายิ้มทักทายอย่างประจบสอพลอ
กู้ฉางชิงกล่าวเสียงที่เคร่งขรึมสีหน้าเย็นชาว่า: “ฉันจะไม่พูดให้มากความแล้ว ต้องการมาเพื่อให้คุณรู้ถึงจุดประสงค์ที่พวกเรามาในครั้งนี้ พาฉันไปที่แผนกตรวจสอบคุณภาพเถอะ”
หัวหน้าโรงงานเห็นอย่างนี้แล้ว ก็เช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก พาคนไปที่แผนกตรวจสอบคุณภาพ
นี่คือสิ่งที่ทุกแผนกของโรงงานทอผ้าจำเป็นต้องเตรียมพร้อม พวกเขามีเครื่องมือตรวจสอบเฉพาะด้าน
พอถึงแผนกตรวจคุณภาพ กู้ฉางชิงก็ให้ฝ่ายจัดซื้อนำเสื้อผ้าสำเร็จรูปแล้วก็ผ้าส่งมอบให้เจ้าหน้าที่พนักงาน
“คุณหนู การตรวจสอบนี้ต้องใช้เวลาหน่อย ไปนั่งที่ห้องทำงานของฉันจะดีกว่า”
หัวหน้าโรงงานมองคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ เชื้อเชิญอย่าวยิ้มๆ
“คุณคิดว่าตอนนี้ฉันยังมีอารมณ์ดื่มชาอีกหรอ?”
กู้ฉางชิงชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา พูดจบก็ไม่ได้ให้ความสนใจเขาอีกจ้องมองเจ้าหน้าที่พนักงานในห้องทำงานอย่างใจจดใจจ่อ
สองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดผลรายงานการตรวจสอบก็ออกมา
“หัวหน้าโรงงาน ตรวจพบปัญหา ในผ้าเหล่านี้มีสารฟอร์มาลดีไฮด์แฝงอยู่สูงเกิน ส่งผลกระตุ้นต่อผิวหนังอย่างรุนแรง อีกทั้งสีย้อมอะโซก็เกินมาตรฐานที่กำหนด”
เจ้าหน้าที่พนักงานก็หยิบคำรายงานการตรวจสอบรายงานต่อผู้บังคับบัญชา
กู้ฉางชิงตามการรายงานของเธอ สีหน้าทั้งหมดก็จมลงไป จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
บางทีคนอื่นอาจไม่เข้าใจชัดเจนว่าเหล่านี้เป็นอันตรายเกินมาตรฐานกำหนด เธอในฐานะนักออกแบบจะไม่รู้ได้อย่างไร
ไม่ต้องพูดถึงฟอร์มาลดีไฮด์ สีย้อมอะโซเพียงอย่างเดียวก็แก้ไขยุ่งยากพอสำหรับพวกเขาแล้ว
สิ่งนี้สามารถย่อยสลายและสร้างอะโรมาติกเอมีนที่เป็นสารก่อมะเร็งได้มากกว่า 20 ชนิด หลังผ่านการทำปฏิกริยาแล้วมันสามารถเปลี่ยนโครงสร้างของ DNA ในร่างกายมนุษย์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโรคและก่อให้เกิดมะเร็งได้!
เธอคิดไม่ถึงว่ากู้หงเซินจะทำเพื่อผลประโยชน์ จนถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่ลดละกลอุบาย!
และหัวหน้าแผนกฝ่ายจัดซื้อที่อยู่ข้างๆเธอก็มีสีหน้าตื่นตระหนก
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”
กู้ฉางชิงดึงสติกลับมา มองเขาขมวดคิ้วแน่น: “ใช่ ฉันก็อยากจะรู้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ในตอนแรกที่พวกคุณจัดซื้อ ไม่ได้ตรวจวัดคุณภาพวัตถุดิบหรอ?”
หัวหน้าแผนกฝ่ายจัดซื้อได้ยิน สีหน้าก็ไม่น่าดูขึ้นมา
กู้ฉางชิงเห็นอย่างนี้แล้ว ยังจะมีอะไรไม่เข้าใจอีก เกรงว่าพ่อเธอนั้นจะใช้เงินติดสินบนคนเหล่านี้
เธอคิดถึงตรงนี้ ความโมโหก็พรั่งพรูขึ้นมาในใจ
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเธอไม่มาก แต่ท้ายทุ่ดเธอก็อยู่เบื้องหลังที่ให้บริษัทใช้ผ้าขิงตระกูลกู้ ขณะนี้เกิดเรื่องแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าเฟิงจิงเหยายังไง!
เธอยิ่งคิดยิ่งโมโห ในที่สุดเธอก็อดไม่ได้ที่จะหาข้ออ้างออกไปด้านนอกเพื่อหากู้หงเซินมาอธิบาย