เมื่อกู้หงเซินรับโทรศัพท์ ยังไม่รู้ปัญหาของวัตถุดิษผ้า
เขาถามอย่างเฉยชาว่า : “มีเรื่องอะไร?”
“มีเรื่องอะไรนะหรอ? คุณก็รู้อยู่แก่ใจแล้วไหม?”
กู้ฉางชิงไม่สามารถซ่อนความโกรธไว้ได้ : “ในตอนแรกก็บอกแล้ว ผ้าขาดคุณภาพ อย่าส่งไปที่เฟิงซื่อกรุ๊ป ตอนนี้เป็นไง เกิดเรื่องแล้ว คนตรวจสอบพบปัญหาของเรา ฉันบอกคุณแล้ว หากว่าฉันต้องแบกรับความสูญเสียครั้งนี้ ฉันไม่ถือสาที่จะขายสินค้าฟุ่มเฟือยทั้งหมดของกู้ฉางซินเพื่อชำระหนี้!”
หลังจากที่เธอคำรามด้วยความโกรธ ก็ไม่สนใจการโต้ตอบของกู้หงเซิน วางสายไปโดยตรง
ถึงอย่างนั้น ความโกรธในใจของเธอยังไม่ลดลง กลับเพิ่มหนักขึ้น
เธอจับโทรศัพท์แน่น หายใจเข้าลึกๆสองสามครั้ง ฝืนให้สงบลงและกลับไปที่แผนกตรวจสอบคุณภาพ
“นักออกแบบกู้”
หัวหน้าฝ่ายจัดซื้อเห็นเธอ เรียกเธออย่างไม่สบายใจ
กู้ฉางชิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “กลับบริษัท”
พูดจบ เธอหันหลังและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อเธอกลับมาที่บริษัท ลู่ซือหยี่ก็ได้รับข่าวสารทางด้านนั้นแล้ว
“ข่าวจริงหรอ?”
เธอถามอีกครั้งด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าคนในโทรศัพท์พูดอะไร ลู่ซือหยี่ถึงได้หัวเราะขึ้นมาทันที
“ฮ่าฮ่า พยายามแทบตายแต่ไม่ได้แต่พอเลิกสนใจกลับได้มาง่ายๆจริงๆ กู้ฉางซิน ครั้งนี้พี่จิงเหยาจะปกป้องคุณอย่างไร!”
เธอหัวเราะเยาะแล้ววางสายไป รีบลุกเดินออกจากห้องทำงานทันที
ก็บังเอิญเห็นกู้ฉางชิงกลัยมาพอดี ก็เรียกให้หยุด
“กู้ฉางซิน รู้ผลของวัตถุดิบผ้าแล้วนะ เรื่องนี้ร้ายแรงมาก ฉันได้รายงานต่อผู้บริหารระดับสูงแล้ว ส่วนชุดนักออกแบบอื่นๆที่เหลือ ฉันเริ่มให้คนถอนออกไปแล้ว คิดๆดูแล้วทางด้านสำนักงานใหญ่นั่นก็มีคนมาเร็วมาก คุณทำตัวเองให้ดีๆเถอะ!”
เธอพูดจบ แววตาเต็มไปด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
เมื่อเธอเดินผ่านกู้ฉางชิง เธอหยุดเดินเล็กน้อย พูดด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน : “ครั้งนี้ ฉันอยากเห็นว่าคุณจะเอาตัวรอดอย่างไร!”
พูดจบแล้ว เธอก็จากไป
กู้ฉางชิงยืนอยู่ที่เดิม สะท้านไปทั้งตัว
เพราะเธอรู้ว่าตนเองในครั้งนี้เกรงว่าจะจบแล้วจริงๆ
เธอเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างกระวนกระวายใจ รอให้บริษัทเรียกตัว
ก็ไม่ว่าผ่านไปนานมากแค่ไหน เดิมทีห้องทำงานที่เงียบฉับพลันก็มีเสียงดังขึ้นมา เสียงทำความเคารพดังขึ้นไม่หยุด
“ท่านประธาน สวัสดีตอนบ่าย”
“สวัสดีท่านประธาน”
เห็นเฟิงจิงเหยาปรากฏตัวที่ทางเดินเหมือนดวงดาวโอบล้อมดวงจันทร์ ใบหน้าไร้ความรู้สึก คนอื่นๆก็ระมัดระวังตัว
กู้ฉางชิงเห็นเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความตึงเครียด ร่างกายเกร็งขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
เฟิงจิงเหยาเห็นเธออยู้ในมุมของเธอ แต่เพียงแค่เหลือบมองเงียบๆ และนำคณะผู้บริหารระดับสูงเข้าสู่ห้องประชุม ปล่อยให้คนอื่นรอข้างนอก
แน่นอนว่าการนินทาและความอยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
“แปลกนะ เหตุใดบริษัทจึงให้รีไซเคิลการออกแบบของเรา เรื่องครั้งนี้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกเราด้วยหรอ?”
มีนักออกแบบพูดคุยนินทากันอย่างสงสัย
“ไม่แน่ใจ เพียงแต่ดูว่าเรื่องน่าจะร้ายแรงมาก แม้แต่ประธานก็มาออกหน้าเอง”
“ใช่ ก็ไม่รู้ว่ามีผลกระทบกับเราไหม”
ชวี่ชิงหยุนได้ฟังคำพูดคุยของพวกเขา กวาดสายตาไปมองกู้ฉางชิงที่ไม่สบายใจอยู่ ก็ยกยิ้มขึ้นมา
“ทำไม พวกคุณยังไม่รู้หรอ? คราวนี้ที่บริษัทเรียกคืนเสื้อผ้าที่เราออกแบบ มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักออกแบบกู้ของเรามาก ฉันได้ยินมาว่าผู้ผลิตผ้าที่เธอแนะนำให้รู้จักกับบริษัทนั้นมีปัญหาด้านคุณภาพอย่างมาก”
ทุกๆคนฟังคำนี้ ต่างพากันมองไปทางกู้ฉางชิง มีบางคนถามว่าเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร
ชวี่ชิงหยุนเห็นเช่นนั้น ก็พูดตามที่ลู่ซือหนี่จัดการคำพูดให้เธอ
“โรงงานวัตถุดิบผ้าขายผ้าเกินมาตราฐานกำหนดให้บริษัท มีประโยชน์มากหรือน้อย เพื่อไม่ให้บริษัทขาดทุนไปมากกว่านี้ จึงเรียกคืนเสื้อผ้ากลับมาทั้งหมด”
หลังจากฟังทุกคนยากที่จะซ่อนความโกรธไว้ในดวงตาได้
“นักออกแบบกู้ นี่จริงๆหรอ?”
กู้ฉางชิงเห็นเช่นนี้ เดิมทีไม่รู้จะตอบอย่างไร ยืนอยู่กับที่
แต่ชั่วขณะทุกคนก็เข้าใจได้ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
แม้แต่มู่ฉิงคงที่ธรรมดาจะสุภาพกับเธอก็โมโห
“ไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ เมื่อก่อนฉันควรจะสนับสนุนผู้จัดการลู่เพื่อป้องกันไม่ให้คนอย่างคุณเข้ามาในบริษัท ตอนนี้ล่ะ ได้ทำลายผลงานทั้งหมดของพวกเรา!”
“ใช่ โลภมากจนขาดสติ เรื่องแบบนี้ก็ทำได้ ไม่สมควรจะเป็นนักออกแบบ”
ทุกๆคนต่างตำหนิ ชวี่ชิงหยุนได้ฟังในใจก็มีความสุข
……
และเวลานี้ ในห้องประชุมหลี่ม่านรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทและการจัดการต่อมา
“ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าปัญหาคือวัตถุดิบผ้าของทางเรา ฉันให้คนลงมือตรวจสอบแล้ว เวลาเดียวกันก็ติดต่อโรงงานย้อมสีอื่นๆด้วย ส่งวัตถุดิบผ้ามา ถ้าตามที่พูด ก็ภายในหนึ่งสัปดาห์ สามารถทำออกมาใหม่ แล้วจำหน่ายได้ตามปกติ”
เฟิงจิงเหยาค่อนข้างพอใจกับแนวทางวิธีจัดการนี้ของเธอ ไม่ได้คัดค้าน
แต่ลู่ซือหยี่ไม่เห็นด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เรื่องนี้เหมือนจะเป็การจัดการแบบเงียบๆ แต่หญิงชั่วกู้ฉางซินนั้นไม่ได้รับการลงโทษใดๆ
เธอจะยอมได้อย่างไร?
เวลานี้เธอยืนขึ้นพูดว่า : “ผู้จัดการใหญ่ วิธีอย่างนี้ก็ไม่ผิด แต่ว่าเรื่องครั้งนี้ เราก็ควรมีทัศนะคติด้วยหรือเปล่า?”
เธอพูดจบ ก็มองไปที่เฟิงจิงเหยา
“เดิมทีบริษัทเชิญมู่เฉาเกอมาเป็นตัวแทน เพื่อเปิดตลาดที่ดีให้กับบริษัท ผลก็เพราะว่าเหตุของวัตถุดิบผ้า ตอนนี้สูญเสียให้สิงหย่าอันไปกว่าห้าล้านแล้ว แล้วก็ชื่อเสียงบริษัทของเรา กระทั่งกระทบไปที่มู่เฉาเกอด้วย ควรรู้ว่า การก่อตั้งแบรนด์ใหม่ของเรา ยอดจำหน่ายดีขนาดนี้ แต่ลูกค้าซื้อเพราะเห็นแก่มู่เฉาเกอเท่านั้น”
เฟิงจิงเหยาเข้าใจอย่างเป็นธรรมชาติว่าเธอหมายถึงอะไร ใบหน้าจมลงทันที
ลู่ซือหยี่มอง แม้ว่าจะกลัวเล็กน้อย แต่ก็ยังอดกลั้นต่อ : “ไม่หยุดสิ่งเหล่านี้ แม้แต่การลงทุน บริษัทก็ขาดทุนไม่น้อย แล้วก็การออกแบบอื่นๆ ผลงานเหล่านั้นออกแบบโดยพวกเขาด้วยความพยายามอย่างสูง ขณะนี้การขายถูกระงับและรีไซเคิลทั้งหมด จะไม่ชี้แจงกับพวกเขาเลยหรอ?”
เธอชี้จุดเริ่มต้นของปัญหา และความหมายก็ชัดเจน แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงหลายคนยังถูกโน้มน้าวจากเธอ
“จริงๆ เรื่องนี้น่าจะชี้แจงให้คนข้างล่างได้ฟัง”
“ฉันก็เห็นด้วย ไม่งั้นเกรงว่าจะทำให้คนแตกตื่น”
“เห็นด้วย”
ลู่ซือหยี่ได้ยินคำสนับสนุนเหล่านี้ มุมปากยกยิ้มไม่หยุด
เฟิงจิงเหยามองไปรอบๆ สุดท้ายก็ไปสบตากับเธอ ตาทั้งคู่หรี่เล็กน้อย
“ที่ลู่ซือหยี่พูดก็ไม่ผิด หลี่ม่าน เรื่องสิงหลี่อันให้คุณจัดการ จำเป็นต้องปรึกษาหารือร่วมกันให้ดี”
“ค่ะ!” หลี่ม่านพยักหน้า
เฟิงจิงเหยาหยุดชั่วขณะก่อนที่จะสั่งต่อว่า : “สำหรับปัญหาด้านคุณภาพ ยังไม่กระจายออกไป ชวี่ยี่คุณจัดการต่อ ให้คนอื่นบล็อกข่าวสาร อย่าให้มีปัญหาใดๆกับมู่เฉาเกอและบริษัท”
“รับทราบ”
ชวี่ยี่พยักหน้าตอบรับ
พูดคำนี้จบ เฟิงจิงเหยากล่าวอย่างเย็นชาอีกครั้ง : “เกี่ยวกับการเรียกคืนเสื้อผ้า เรียกคืนราคาเดิม ในขณะดียวกันก็บอกลูกค้าด้วย รอวัตถุดิบผ้าใหม่กลับมา จัดทำเสื้อผ้าใหม่ให้เสร็จ ทางบริษัทเราจะส่งให้พวกเขาโดยไม่ทีเงื่อนไข”
ด้วยคำพูดนี้ ทุกคนก็มองหน้ากัน เมื่อลู่ซือหยู่อยากจะพูดอะไร แต่ทว่าไม่รอให้เธอได้เอ่ย ก็ถูกเฟิงจิงเหยาตัดบท
“สุดท้าย ชวียี่ ให้ฝ่ายกฎหมายร่างจดหมายให้ทนายความ ส่งไปยังโรงงานย้อมสี ให้พวกเขารอรับหมายศาล!”