สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – บทที่ 140 ปัดแข้งปัดขา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สไตล์การทำงานของเฟิงจิงเหยาที่รวดเร็ว ทำให้คนทั้งหมดได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

หลี่ม่านและชวี่ยี่ก็ถูกเขาขานชื่อหลังจากกำชับสั่งงานเสร็จ รับสั่งแล้วจะออกไป ก็ถูกลู่ซือหยี่เรียกไว้

“เดี๋ยวก่อน!”

เธอกัดฟันมองเฟิงจิงเหยา กล่าวเน้นอีกครั้งว่า: “ท่านประธาน คุณลืมไปแล้วหรอว่าเรื่องนี้ยังมีอีกคนนึงที่ยังไม่ได้รับการลงโทษตามที่ควรจะเป็น”

เฟิงจิงเหยาได้ยิน มองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึม

ลู่ซือหยี่ถูกมองก็รู้สึกเย็นไปถึงก้นบึ้งของหัวใจทันที แต่ก็ยังอดกลั้นความกลัวไว้ กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: “ถึงแม้ว่าเรื่องครั้งนี้โรงงานทอผ้ามีความรับผิดชอบที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็คือกู้ฉางชิงอยู่เบื้องหลัง เธอจะต้องรู้ถึงปัญหาในนั้นอย่างแน่นอน ฉันเห็นว่าเรื่องนี้เธอก็ควรจะรับผิดชอบ!”

กลุ่มคนตำแหน่งสูงได้ยินคำพูดนี้ ก็กระซิบกระซาบกันขึ้นมาอย่างเซ็งแซ่

“ผู้จัดการแผนกลู่พูดไม่เลว คนแบบนี้จำเป็นต้องลงโทษอย่างเฉียบขาด เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นๆเอาเป็นแบบอย่าง”

“ฉันก็เห็นด้วย”

หลี่ม่านและชวี่ยี่ฟังการพูดคุยกันของพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเฟิงจิงเหยา

เห็นสายตาเฟิงจิงเหยาหงุดหงิดแล้ว

“ฉันจำได้ว่าในตอนแรกที่จัดซื้อผ้าคืออำนาจสิทธิ์ขาดมอบให้ฝ่ายจัดซื้อโดยสมบูรณ์ แล้วยังมีคุณเป็นผู้จัดการแผนก ทำไมก่อนหน้านี้คุณไม่ตรวจสอบให้ดีๆล่ะ?”

พูดจบ เธอก็กวาดสายตามองไปรอบห้องประชุม สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

“ตามลำดับความรับผิดชอบ เรื่องนี้ ทั้งบริษัททุกระดับชั้น ใครก็ล้วนหนีความรับผิดชอบไม่ได้!”

เขาพูดจบ ใบหน้าที่เย็นชาลุกขึ้นยืนมุ่งตรงออกจากห้องทำงาน

หลี่และชวี่ยี่เห็นสถานการณ์ ก็รีบตามไป

บุคคลตำแหน่งสูงคนอื่นมองกันไปมาอยู่ที่เดิม เพ่งสายตาอย่างระมัดระวังไปยังลู่ซือหยี่ แต่ละคนก็ออกตามเฟิงจิงเหยาไป

ไม่นาน คนในที่ประชุมทั้งหมดก็เหลือไว้เพียงลู่ซือหยี่ที่โมโหจนสั่นไปทั้งตัว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหน้าเขียวหน้าขาวไม่น่าดู

……

ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าทางด้านกู้ฉางชิงนี้จะถูกตกเป็นเป้าของเหล่าเพื่อนร่วมงาน ปัดแข้งปัดขา

เพียงแต่ความคิดของเธอไม่ได้อยู่ที่คนเหล่านี้ เธอนึกถึงเนื้อหาของการประชุม

ถึงแม้เรื่องครั้งนี้จะร้ายแรงมา แต่ก็ไม่มีวิธีเยียวยา

เพียงขณะนี้เธอต้องการรอให้การประชุมจบสิ้น ดูว่าบริษัทจะวางแผนอย่างไร

กำลังคิดพลาง เธอก็เห็นเฟิงจิงเหยาพาชวี่ยี่แล้วก็หลี่ม่านเดินออกมาจากห้องประชุม

คนทั้งสามสีหน้าไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะเฟิงจิงเหยา สีหน้ามืดครึ้มจนจะกลั่นเป็นหยดน้ำได้

ทำให้กู้ฉางชิงที่อยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามผลสรุปการประชุมต้องหยุดการก้าวย่างชั่วขณะ ทำได้เพียงมองพวกเขาโดยสารลิฟต์ออกไป

และเมื่อพวกเขาออกไปได้ไม่นาน บุคคลตำแหน่งสูงแต่ละคนก็เดินออกมาจากห้องประชุม แต่ละคนสีหน้าห่อเหี่ยว

ลู่ซือหยี่ออกมาเป็นคนสุดท้าย

เธอเห็นกู้ฉางชิงยืนอยู่ด้านข้าง ตาทั้งคู่จ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยม

กู้ฉางชิงสังเกตเห็นถึงสายตาที่โหดร้ายนี้

เมื่อเธอกำลังคิดว่าลู่ซือหยี่จะโจมตีเธออีก แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ทำเพียงจ้องมองเธอแล้วหันเดินออกไป

กู้ฉางชิงมองภาพเธอออกไป ในสายตาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เธอมองห้องประชุมที่ว่างเปล่า คิดถึงสีหน้าที่ไม่น่าดูที่ออกไม่ของเฟิงจิงเหยาเมื่อกี้ ในที่สุดก็ไม่วางใจ อยากจะรู้การตัดสินใจของบริษัท

เมื่อเธอวางแผนที่จะไปสอบถามข่าวคราวจากห้องทำงานผู้จัดการใหญ่ มือถือก็ดังขึ้น

คือโทรศัพท์ของเฟิงจิงเหยา เธอกดรับโดยไม่ต้องคิด

“มาที่ที่จอดรถชั้นใต้ดิน”

น้ำเสียงที่เย็นชาของเฟิงจิงเหยาดังขึ้นในโทรศัพท์

ยังไม่รอให้กู้ฉางชิงตอบสนองอะไรทั้งหมด ก็ได้ยินเสียง’ตู๊ด’ โทรศัพท์ถูกวางสายไปแล้ว

กู้ฉางชิงมองมือถือที่ถูกตัดสายไป เม้มปากแล้วเดินไปยังลิฟต์

ไม่ถึงห้านาที เธอก็มาถึงที่จอดรถชั้นใต้ดิน ก็เห็นรถยนต์พิเศษที่เป็นของเฟิงจิงเหยา

เธอวิ่งเหยาะๆเข้าไป ชวี่ยี่ในรถก็สังเกตเห็นเธอ

“ท่านประธาน คุณนายรองมาแล้ว”

ชวี่ยี่เตือนสติเขา เงยหน้าจากเอกสาร ก็เห็นเด็กผู้หญิงที่หอบเล็กน้อยยืนอยู่หน้าประตู

“ขึ้นรถ”

เขาขมวดคิ้วสั่ง

กู้ฉางชิงเปิดประตูขึ้นรถตามคำสั่ง

หลังจากรอเธอนั่งลง เธอก็พบว่าผู้ชายข้างๆคล้ายกับไม่ได้มีแนวโน้มที่จะเอ่ยปาก ในที่สุดเธอก็ทำได้เพียงกล่าวถามด้วยตนเอง

“เรื่องครั้งนี้ พวกคุณได้ปรึกษาหารือว่าจะแก้ปัญหายังไงแล้วหรือยัง?”

เฟิงจิงเหยาได้ยิน ชำเลืองมองเธอเบาๆ อธิบายการวางแผนง่ายๆในที่ประชุม

“เสื้อผ้าทั้งหมดที่เรียกกลับคืนนำมาทำใหม่แล้วส่งให้ลูกค้า เกี่ยวกับผ้าโรงงานเดิม ดำเนินการทางกฎหมายสถานเดียว”

เขาพูดถึงตรงนี้ ก็มีสีหน้าแสดงออกอย่างละเอียดรอบคอบ

ก็เห็นสีหน้ากู้ฉางชิงสงบเงียบ คล้ายกับไม่ได้สนใจ

“คุณไม่มีอะไรอยากจะพูดหรอ? หรือว่าไม่โมโห? นั่นคืออุตสาหกรรมของพ่อคุณ”

กู้ฉางชิงรับรู้ถึงความหมายของคำนี้ที่เขาถาม ส่ายๆหน้า

“ฉันไม่มีความคิดเห็น”

เธอพูดพลาง ดวงตาฉายแววเย็นชา: “แรกเริ่มเดิมทีครั้งแรกที่ตรวจสอบสินค้า ก็เคยเตือนสติเขาแล้ว เขาก็ไม่สำนึกกลับตัว ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ ก็พูดได้เพียงว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง”

เฟิงจิงเหยาฟังคำพูดของเธอจบ รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ แต่ก็พูดไม่ได้เป็นส่วนไหน

ยังไม่รอให้เขาคิดให้ละเอียดรอบคอบ ทางด้านกู้ฉางชิงก็เก็บอารมณ์ความรู้สึก ใบหน้าความรู้สึกเสียใจมองมายังเขา

“ขอโทษด้วย ครั้งนี้สร้างความยุ่งยากให้บริษัทไม่น้อย”

เฟิงจิงเหยากล่าวขอโทษด้วยความจริงใจ สายตาคลุมเครือ

“ถ้าเธอรู้สึกผิดและเสียใจจริงๆ ก็สร้างสรรค์ผลงานให้ดี พยายามที่จะนำผลงานศิลปะที่ดีขึ้นมาสู่บริษัท ส่วนเรื่องนี้ คุณก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจ ฉันจะจัดการเอง”

กู้ฉางชิงเห็นเขาไม่ได้ตำหนิกล่าวโทษตนเอง ทันใดก้นบึ้งของหัวใจก็มีกระแสไออุ่นหลั่งไหลมา

ถึงอย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นนานแล้ว คนทั้งหมดล้วนตำหนิกล่าวโทษเธอ มีเพียงเขาที่ปลอบโยน

“อื้ม ฉันรู้!”

เธออมยิ้มพยักหน้า

รอยยิ้มที่สวยงามนั้นทำให้เฟิงจิงเหยาไม่มีสมาธิไปชั่วขณะ อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปที่ริมฝีปากแดงของคนนั้น

กู้ฉางชิงเดิมทีที่ตกใจ ยังไม่คืนสติ ก็ถูกทักษะการจูบอันยอดเยี่ยมของเฟิงจิงเหยาทำให้จิตใจสับสนงุนงง ตอบสนองเขาโดยสัญชาตญาณ

ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน คนทั้งสองก็แยกออกอย่างหายใจหอบ

“คุณกลับไปบริษัท ฉันยังต้องไปจัดการธุระ”

เฟิงจิงเหยามองแก้มกู้ฉางที่แดงระเรื่อ เอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง

กู้ฉางชิงพยักหน้าอย่างงุนงง หันลงจากรถ

รอให้เธอเดินไปไกลแล้ว สติปัญญาที่สับสนงุนงงก็ค่อยๆกลับมา

เธอทั้งเขินอายทั้งหงุดหงิดกับจูบเมื่อกี้นี้

เพียวเพราะเธอคิดขึ้นมาได้ว่าเวลานั้นบนรถยังมีชวี่ยี่อีกคนนึง!

เธอกลับไปที่ทำงานอย่างหงุดหงินและเขินอาย แต่ไม่รู้ว่าทุกๆการกระทำของเธอถูกลู่ซือหยี่จ้องมองอยู่

ลู่ซือหยี่มองความเบิกบานในสายตาของเธอ ในใจก็โมโหอย่างรุนแรง

เธอรู้ว่าพี่จิงเหยามีเจตนาที่จะสกัดเรื่องครั้งนี้ ต้องการปกปิดความผิดกู้ฉางชิงหญิงชั่วคนนั้น

ก็คือเพราะสาเหตุนี้ เธอก็ยิ่งไม่อยากจะอดทนอีกต่อไป

รอถึงเลิกงานตอนเย็น เธอก็นัดเพื่อนคนนึงที่เป็นนักข่าวออกมา

“ซือหยี่ ทำไมวันนี้นึกอยากเรียกฉันออกมาล่ะ?”

เพื่อนนักเรียนมองเธอ ถามด้วยความดีใจ

ลู่ซือหยี่หลบความมืดสลัวในสายตากล่าวตอบกลับว่า: “ฉันรู้ว่าช่วงนี้เธอกำลังวิ่งหาข่าว พอดีในมือมีข่าวเปิดเผยเรื่องนึงที่สามารถให้คุณได้”

เธอพูดจบ ก็นำเรื่องที่สิงหย่าอันนอนโรงพยาบาลพูดออกมาสั้นๆ ฟังแล้วเพื่อนนักเรียนคนนั้นก็ตื่นเต้นไม่น้อย

“ที่คุณพูดนี่จริงหรอ?”

“แน่นอน คุณไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบได้เลย เพียงแต่เงื่อนไขคือห้ามเปิดโปงฉัน ให้คนรู้ว่าฉันเปิดเผยข่าวให้คุณ”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท