สไตล์การทำงานของเฟิงจิงเหยาที่รวดเร็ว ทำให้คนทั้งหมดได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
หลี่ม่านและชวี่ยี่ก็ถูกเขาขานชื่อหลังจากกำชับสั่งงานเสร็จ รับสั่งแล้วจะออกไป ก็ถูกลู่ซือหยี่เรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน!”
เธอกัดฟันมองเฟิงจิงเหยา กล่าวเน้นอีกครั้งว่า: “ท่านประธาน คุณลืมไปแล้วหรอว่าเรื่องนี้ยังมีอีกคนนึงที่ยังไม่ได้รับการลงโทษตามที่ควรจะเป็น”
เฟิงจิงเหยาได้ยิน มองเธอด้วยสายตาเคร่งขรึม
ลู่ซือหยี่ถูกมองก็รู้สึกเย็นไปถึงก้นบึ้งของหัวใจทันที แต่ก็ยังอดกลั้นความกลัวไว้ กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า: “ถึงแม้ว่าเรื่องครั้งนี้โรงงานทอผ้ามีความรับผิดชอบที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็คือกู้ฉางชิงอยู่เบื้องหลัง เธอจะต้องรู้ถึงปัญหาในนั้นอย่างแน่นอน ฉันเห็นว่าเรื่องนี้เธอก็ควรจะรับผิดชอบ!”
กลุ่มคนตำแหน่งสูงได้ยินคำพูดนี้ ก็กระซิบกระซาบกันขึ้นมาอย่างเซ็งแซ่
“ผู้จัดการแผนกลู่พูดไม่เลว คนแบบนี้จำเป็นต้องลงโทษอย่างเฉียบขาด เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นๆเอาเป็นแบบอย่าง”
“ฉันก็เห็นด้วย”
หลี่ม่านและชวี่ยี่ฟังการพูดคุยกันของพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเฟิงจิงเหยา
เห็นสายตาเฟิงจิงเหยาหงุดหงิดแล้ว
“ฉันจำได้ว่าในตอนแรกที่จัดซื้อผ้าคืออำนาจสิทธิ์ขาดมอบให้ฝ่ายจัดซื้อโดยสมบูรณ์ แล้วยังมีคุณเป็นผู้จัดการแผนก ทำไมก่อนหน้านี้คุณไม่ตรวจสอบให้ดีๆล่ะ?”
พูดจบ เธอก็กวาดสายตามองไปรอบห้องประชุม สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ตามลำดับความรับผิดชอบ เรื่องนี้ ทั้งบริษัททุกระดับชั้น ใครก็ล้วนหนีความรับผิดชอบไม่ได้!”
เขาพูดจบ ใบหน้าที่เย็นชาลุกขึ้นยืนมุ่งตรงออกจากห้องทำงาน
หลี่และชวี่ยี่เห็นสถานการณ์ ก็รีบตามไป
บุคคลตำแหน่งสูงคนอื่นมองกันไปมาอยู่ที่เดิม เพ่งสายตาอย่างระมัดระวังไปยังลู่ซือหยี่ แต่ละคนก็ออกตามเฟิงจิงเหยาไป
ไม่นาน คนในที่ประชุมทั้งหมดก็เหลือไว้เพียงลู่ซือหยี่ที่โมโหจนสั่นไปทั้งตัว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นหน้าเขียวหน้าขาวไม่น่าดู
……
ในขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าทางด้านกู้ฉางชิงนี้จะถูกตกเป็นเป้าของเหล่าเพื่อนร่วมงาน ปัดแข้งปัดขา
เพียงแต่ความคิดของเธอไม่ได้อยู่ที่คนเหล่านี้ เธอนึกถึงเนื้อหาของการประชุม
ถึงแม้เรื่องครั้งนี้จะร้ายแรงมา แต่ก็ไม่มีวิธีเยียวยา
เพียงขณะนี้เธอต้องการรอให้การประชุมจบสิ้น ดูว่าบริษัทจะวางแผนอย่างไร
กำลังคิดพลาง เธอก็เห็นเฟิงจิงเหยาพาชวี่ยี่แล้วก็หลี่ม่านเดินออกมาจากห้องประชุม
คนทั้งสามสีหน้าไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะเฟิงจิงเหยา สีหน้ามืดครึ้มจนจะกลั่นเป็นหยดน้ำได้
ทำให้กู้ฉางชิงที่อยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามผลสรุปการประชุมต้องหยุดการก้าวย่างชั่วขณะ ทำได้เพียงมองพวกเขาโดยสารลิฟต์ออกไป
และเมื่อพวกเขาออกไปได้ไม่นาน บุคคลตำแหน่งสูงแต่ละคนก็เดินออกมาจากห้องประชุม แต่ละคนสีหน้าห่อเหี่ยว
ลู่ซือหยี่ออกมาเป็นคนสุดท้าย
เธอเห็นกู้ฉางชิงยืนอยู่ด้านข้าง ตาทั้งคู่จ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยม
กู้ฉางชิงสังเกตเห็นถึงสายตาที่โหดร้ายนี้
เมื่อเธอกำลังคิดว่าลู่ซือหยี่จะโจมตีเธออีก แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ทำเพียงจ้องมองเธอแล้วหันเดินออกไป
กู้ฉางชิงมองภาพเธอออกไป ในสายตาก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เธอมองห้องประชุมที่ว่างเปล่า คิดถึงสีหน้าที่ไม่น่าดูที่ออกไม่ของเฟิงจิงเหยาเมื่อกี้ ในที่สุดก็ไม่วางใจ อยากจะรู้การตัดสินใจของบริษัท
เมื่อเธอวางแผนที่จะไปสอบถามข่าวคราวจากห้องทำงานผู้จัดการใหญ่ มือถือก็ดังขึ้น
คือโทรศัพท์ของเฟิงจิงเหยา เธอกดรับโดยไม่ต้องคิด
“มาที่ที่จอดรถชั้นใต้ดิน”
น้ำเสียงที่เย็นชาของเฟิงจิงเหยาดังขึ้นในโทรศัพท์
ยังไม่รอให้กู้ฉางชิงตอบสนองอะไรทั้งหมด ก็ได้ยินเสียง’ตู๊ด’ โทรศัพท์ถูกวางสายไปแล้ว
กู้ฉางชิงมองมือถือที่ถูกตัดสายไป เม้มปากแล้วเดินไปยังลิฟต์
ไม่ถึงห้านาที เธอก็มาถึงที่จอดรถชั้นใต้ดิน ก็เห็นรถยนต์พิเศษที่เป็นของเฟิงจิงเหยา
เธอวิ่งเหยาะๆเข้าไป ชวี่ยี่ในรถก็สังเกตเห็นเธอ
“ท่านประธาน คุณนายรองมาแล้ว”
ชวี่ยี่เตือนสติเขา เงยหน้าจากเอกสาร ก็เห็นเด็กผู้หญิงที่หอบเล็กน้อยยืนอยู่หน้าประตู
“ขึ้นรถ”
เขาขมวดคิ้วสั่ง
กู้ฉางชิงเปิดประตูขึ้นรถตามคำสั่ง
หลังจากรอเธอนั่งลง เธอก็พบว่าผู้ชายข้างๆคล้ายกับไม่ได้มีแนวโน้มที่จะเอ่ยปาก ในที่สุดเธอก็ทำได้เพียงกล่าวถามด้วยตนเอง
“เรื่องครั้งนี้ พวกคุณได้ปรึกษาหารือว่าจะแก้ปัญหายังไงแล้วหรือยัง?”
เฟิงจิงเหยาได้ยิน ชำเลืองมองเธอเบาๆ อธิบายการวางแผนง่ายๆในที่ประชุม
“เสื้อผ้าทั้งหมดที่เรียกกลับคืนนำมาทำใหม่แล้วส่งให้ลูกค้า เกี่ยวกับผ้าโรงงานเดิม ดำเนินการทางกฎหมายสถานเดียว”
เขาพูดถึงตรงนี้ ก็มีสีหน้าแสดงออกอย่างละเอียดรอบคอบ
ก็เห็นสีหน้ากู้ฉางชิงสงบเงียบ คล้ายกับไม่ได้สนใจ
“คุณไม่มีอะไรอยากจะพูดหรอ? หรือว่าไม่โมโห? นั่นคืออุตสาหกรรมของพ่อคุณ”
กู้ฉางชิงรับรู้ถึงความหมายของคำนี้ที่เขาถาม ส่ายๆหน้า
“ฉันไม่มีความคิดเห็น”
เธอพูดพลาง ดวงตาฉายแววเย็นชา: “แรกเริ่มเดิมทีครั้งแรกที่ตรวจสอบสินค้า ก็เคยเตือนสติเขาแล้ว เขาก็ไม่สำนึกกลับตัว ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ ก็พูดได้เพียงว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง”
เฟิงจิงเหยาฟังคำพูดของเธอจบ รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ แต่ก็พูดไม่ได้เป็นส่วนไหน
ยังไม่รอให้เขาคิดให้ละเอียดรอบคอบ ทางด้านกู้ฉางชิงก็เก็บอารมณ์ความรู้สึก ใบหน้าความรู้สึกเสียใจมองมายังเขา
“ขอโทษด้วย ครั้งนี้สร้างความยุ่งยากให้บริษัทไม่น้อย”
เฟิงจิงเหยากล่าวขอโทษด้วยความจริงใจ สายตาคลุมเครือ
“ถ้าเธอรู้สึกผิดและเสียใจจริงๆ ก็สร้างสรรค์ผลงานให้ดี พยายามที่จะนำผลงานศิลปะที่ดีขึ้นมาสู่บริษัท ส่วนเรื่องนี้ คุณก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจ ฉันจะจัดการเอง”
กู้ฉางชิงเห็นเขาไม่ได้ตำหนิกล่าวโทษตนเอง ทันใดก้นบึ้งของหัวใจก็มีกระแสไออุ่นหลั่งไหลมา
ถึงอย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นนานแล้ว คนทั้งหมดล้วนตำหนิกล่าวโทษเธอ มีเพียงเขาที่ปลอบโยน
“อื้ม ฉันรู้!”
เธออมยิ้มพยักหน้า
รอยยิ้มที่สวยงามนั้นทำให้เฟิงจิงเหยาไม่มีสมาธิไปชั่วขณะ อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปที่ริมฝีปากแดงของคนนั้น
กู้ฉางชิงเดิมทีที่ตกใจ ยังไม่คืนสติ ก็ถูกทักษะการจูบอันยอดเยี่ยมของเฟิงจิงเหยาทำให้จิตใจสับสนงุนงง ตอบสนองเขาโดยสัญชาตญาณ
ก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน คนทั้งสองก็แยกออกอย่างหายใจหอบ
“คุณกลับไปบริษัท ฉันยังต้องไปจัดการธุระ”
เฟิงจิงเหยามองแก้มกู้ฉางที่แดงระเรื่อ เอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง
กู้ฉางชิงพยักหน้าอย่างงุนงง หันลงจากรถ
รอให้เธอเดินไปไกลแล้ว สติปัญญาที่สับสนงุนงงก็ค่อยๆกลับมา
เธอทั้งเขินอายทั้งหงุดหงิดกับจูบเมื่อกี้นี้
เพียวเพราะเธอคิดขึ้นมาได้ว่าเวลานั้นบนรถยังมีชวี่ยี่อีกคนนึง!
เธอกลับไปที่ทำงานอย่างหงุดหงินและเขินอาย แต่ไม่รู้ว่าทุกๆการกระทำของเธอถูกลู่ซือหยี่จ้องมองอยู่
ลู่ซือหยี่มองความเบิกบานในสายตาของเธอ ในใจก็โมโหอย่างรุนแรง
เธอรู้ว่าพี่จิงเหยามีเจตนาที่จะสกัดเรื่องครั้งนี้ ต้องการปกปิดความผิดกู้ฉางชิงหญิงชั่วคนนั้น
ก็คือเพราะสาเหตุนี้ เธอก็ยิ่งไม่อยากจะอดทนอีกต่อไป
รอถึงเลิกงานตอนเย็น เธอก็นัดเพื่อนคนนึงที่เป็นนักข่าวออกมา
“ซือหยี่ ทำไมวันนี้นึกอยากเรียกฉันออกมาล่ะ?”
เพื่อนนักเรียนมองเธอ ถามด้วยความดีใจ
ลู่ซือหยี่หลบความมืดสลัวในสายตากล่าวตอบกลับว่า: “ฉันรู้ว่าช่วงนี้เธอกำลังวิ่งหาข่าว พอดีในมือมีข่าวเปิดเผยเรื่องนึงที่สามารถให้คุณได้”
เธอพูดจบ ก็นำเรื่องที่สิงหย่าอันนอนโรงพยาบาลพูดออกมาสั้นๆ ฟังแล้วเพื่อนนักเรียนคนนั้นก็ตื่นเต้นไม่น้อย
“ที่คุณพูดนี่จริงหรอ?”
“แน่นอน คุณไม่เชื่อก็ไปตรวจสอบได้เลย เพียงแต่เงื่อนไขคือห้ามเปิดโปงฉัน ให้คนรู้ว่าฉันเปิดเผยข่าวให้คุณ”