เมื่อกู้หงเซินจากไป ห้องทำงานก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เฟิงจิ่งเหยาจัดการกับเอกสารที่ล้นมือต่อ
เพียงครู่เดียว ชวี่ยี่ก็เคาะประตู
“ท่านประธานครับ ส่งคนกลับไปแล้วครับ”
เขามารายงานเกี่ยวกับกู้หงเซิน แต่เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้สนใจ ดังนั้นเขาจึงพูดเรื่องอื่นขึ้นมา
“จริงสิ ท่านประธานครับ เมื่อสักครู่เพิ่งได้รับข่าวเกี่ยวกับสำนักข่าวที่ท่านให้ผมไปตรวจสอบมาครับ”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้น ก็หยุดงานในมือลง
“อ๋อ? เป็นสำนักข่าวไหนล่ะ?”
ชวี่ยี่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเขา
เขารู้ดีว่านี่เป็นสัญญาณว่าท่านประธานกำลังโกรธ
“เป็นเพียงนิตยสารเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง สำนักข่าวไม่ใหญ่ พนักงานก็มีไม่มาก เราตรวจสอบได้ว่าคนที่ทำข่าวเรื่องนี้เป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามคนหนึ่ง”
ในตอนท้ายท่าทีของเขาแสดงออกถึงความลังเลเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดต่อดี
“ยังมีอะไรอีก พูดออกมาเลย”
เฟิงจิ่งเหยาหน้านิ่วคิ้วขมวดเร่งเร้าอย่างไม่อดทน
“เอ่อ จากการสอบสวนผู้สื่อข่าวคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นของคุณลู่ซือหยี่ครับ ก่อนที่จะมีข่าวออกมาหนึ่งวันทั้งสองได้นัดพบกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงได้ไปพบนักข่าวคนนั้น และเธอยอมรับคุณลู่เป็นคนขอให้เธอเผยแพร่ข่าวนี้ครับ”
ชวี่ยี่ระมัดระวังในการพูดจนจบ
เขามองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างประหม่า เขาคิดว่าท่านประธานของเขาคงจะโกรธมากเมื่อรู้ว่าคุณลู่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้
แต่ท่านประธานของเขากลับไม่แสดงอาการใดใด
สีหน้าเรียบเฉย ดูไม่ออกเลยว่ากำลังโกรธอยู่หรือเปล่า
“ท่านประธานครับ จะให้จัดการอย่างไรต่อดีครับ?”
เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
เฟิงจิ่งเหยาเหลือบมองดูเขา ดวงตาของเขามืดมน
“เรื่องนี้หยุดไว้แค่นี้ก่อน ฉันจะจัดการภายหลังเอง”
หลังจากที่เขาพูดจบ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรได้ พลันลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน
“ไปโรงพยาบาลกับฉัน”
เมื่อสิ้นคำ เขาก็เดินหายตัวออกจากห้องทำงานแล้ว
ชวี่ยี่มองตามเบื้องหลังของเขา แววตาเต็มไปด้วยความสงสัย
เรื่องนี้จะให้จบเพียงเท่านี้หรือ?
แล้วเขาจะไปโรงพยาบาลเพื่ออะไร?
แม้ว่าเขาจะมีข้อสงสัยอยู่เต็มไปหมด แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะถามเฟิงจิ่งเหยา
เขาขับรถอย่างตั้งใจไปที่โรงพยายาม เมื่อถึงแล้วเฟิงจิ่งเหยาก็ตรงไปที่ห้องพักฟื้นของสิงหย่าอันทันที
“ท่านประธาน”
แน่นอนว่าสิงหย่าอันรู้จักเฟิงจิ่งเหยา ด้วยเหตุนี้เธอจึงตกตะลึงและงุนงงกับการมาของเขา
ไม่ทราบว่าท่านประธานเฟิงทำไมถึงมาได้คะ?”
เธอถามอย่างไม่แน่ใจ
เฟิงจิ่งเหยาเองก็ไม่ต้องการที่จะอ้อมค้อมจึงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมทราบว่าก่อนหน้านี้มีคนจากบริษัทได้มาคุยกับคุณสิงเกี่ยวกับการเข้าสู่บริษัทบันเทิงของเฟิงซื่อกรุ๊ป ไม่ทราบว่าคุณสิงพิจารณาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อสิงหย่าอันได้ยินดังนั้นเข้าก็ตกตะลึงนิ่งไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สนใจแต่กลับพูดอย่างตรงไปตรงมาต่อว่า “ถ้าหากคุณสิงเห็นด้วย ผมสามารถจัดการให้คุณเซ็นสัญญาได้ในทันที พร้อมข้อเสนออย่างดี และยกระดับตำแหน่งในวงการบันเทิงให้ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คุณสิงเองก็ต้องให้ความร่วมมือกับทางเราก่อน”
เมื่อพูดจบ แววตาของเขาก็รอคอยคำตอบของสิงหย่าอันอย่างหนักแน่น
ด้านสิงหย่าอันที่ยังคงไม่ได้สติจากการตะลึงงันถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
ยังดีที่มีเสี่ยวถงคอยสกิดเธออยู่ข้าง ๆ
นั่นถึงทำให้สิงหย่าอันดึงสติกลับมาได้
ใบหน้าของเธอหน้าเปี่ยมไปด้วยความดีใจอย่างปกปิดไม่ได้
“ประธานเฟิง นี่คุณพูดจริงใช่ไหมคะ?”
เธอถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
ในตอนแรกที่เธอได้ฟังจากดีไซน์เนอร์คนนั้นก็ไม่ได้เชื่ออย่างเต็มที่ คิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ธรรมดา ไม่เพียงทำให้เฟิงซื่อกรุ๊ปยอมตกลง แต่ยังสามารถทำให้บอสใหญ่มาขอร้องเธอด้วยตัวเองได้”
นี่ทำให้เธอรู้สึกราวกับฝันไป
“ผม เฟิงจิ่งเหยา ไม่เคยผิดคำพูดมาก่อน ไม่ทราบว่าคุณสิงหมายความว่าอย่างไร?”
เฟิงจิ่งเหยาเข้าใจความหมายของเธอดี จึงได้ให้คำมั่นสัญญาอีกครั้ง
สิงหย่าอันรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ตื่นเต้นจนลืมตัว พยักหน้าขึ้นลงซ้ำ ๆ
“ฉันรับข้อเสนอ!”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้รับคำตอบจากเธอแล้ว ก็รีบให้ชวี่ยี่ร่างสัญญาขึ้นทันที ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงพวกเขาก็เป็นอันลงนามในสัญญาแล้วเสร็จ
ในขณะเดียวกันก็ทำการวางแผนอย่างละเอียดเกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนี้
โดยที่ไม่มีคนภายนอกรู้เรื่องนี้
แต่ขณะนี้ข่าวก็ยังคงแพร่กระจายขยายอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าเฟิงจิ่งเหยาจะจัดให้มีคนสร้างกระแสหันเหความสนใจของชาวเน็ตแล้วก็ตาม
แต่ก็ยังมีคนคอยอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
เมื่อพบว่าความร้อนแรงในการแสดงความคิดเห็นของชาวเน็ตเริ่มลดลง ก็จะมีการปลุกกระแสขึ้นมาใหม่
จากการสร้างกระแสอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้ข่าวที่เฟิงจิงเหยาสร้างเพื่อให้เบี่ยงเบนความสนใจจึงไม่มีผล ความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตยังคงรุนแรงเช่นเดิม
กู้ฉางฉิงรออยู่ที่บ้านด้วยความกังวลใจ
เธอตั้งใจรอจนเฟิงจิ่งเหยากลับมาแล้วจึงรีบแจ้งสถานการณ์บนโลกอินเทอร์เน็ตให้เขารับรู้
แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“คุณไม่กังวลเลยเหรอคะ? ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป คงกระทบไปถึงสำนักงานใหญ่แน่”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยามองเห็นท่าทางเป็นห่วงของเธอ ใจก็อ่อนลงก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องกังวลนะ เรื่องนี้จะจบลงในวันพรุ่งนี้”
เมื่อเขาพูดจบก็โอบร่างเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก วางคางไว้บนบ่าของกู้ฉางฉิง ดมกลิ่นหอมที่แผ่ซ่านออกจากเรือนร่างของเธอและสูดหายใจเข้าไปลึก ๆ
กู้ฉางฉิงที่กำลังจดจ่ออยู่กับเรื่องโลกออนไลน์ จึงไม่ได้ใส่ใจกับการกระทำของเขามากนัก
“แน่ใจว่าพรุ่งนี้ก็จะจบลงได้แน่นะ? คุณทำอะไรลงไปคะ?”
เธอถามคำถามติดต่อกัน
เฟิงจิ่งเหยารู้ดีว่าหากไม่อธิบายให้เธอเข้าใจชัดเจน ผู้หญิงคนนี้คงจะวางใจลงไม่ได้แน่ ดังนั้นจึงบอกเธอเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาเมื่อตอนเย็น
และในความเป็นจริงก็เป็นไปตามที่เฟิงจิ่งเหยาได้พูดไว้ เช้าวันต่อมาเหตุการณ์นี้ก็สงบลง
ในเช้าวันรุ่งขึ้นสิงหย่าอันได้อัพเดทโพสต์บนเวยป๋อตามเวลาที่พวกเขาได้ตกลงกัน
“ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกคนด้วย ในสองวันที่ผ่านมาฉันเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจึงไม่ทันเห็นข่าวที่เกิดขึ้น จึงทำให้แฟน ๆ พากันเป็นกังวล ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงว่า อาการแพ้ที่เกิดขึ้น เกิดจากการไม่ทันระวังแพ้อาหารทะเลที่ทานเข้าไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข่าวลือที่กำลังแพร่ว่าแพ้ผ้าแต่อย่างใด สำหรับเสื้อผ้าแบรนด์ ZARY ฉันเพียงอยากจะบอกว่า เสื้อผ้าสวยมาก ฉันชอบมาก และยังอยากจะซื้ออีก และในโอกาสนี้ก็อยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้ในการกล่าวขอโทษคุณมู่เฉาเกอด้วยเช่นกัน ขอโทษจริง ๆ ที่แฟนคลับของฉันทำให้คุณต้องลำบาก สุดท้ายนี้ ยังมีข่าวดีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากมาประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ นั่นก็คือ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันได้เข้าสู่ครอบครัวใหญ่อย่างบริษัทบันเทิงเฟิงซื่ออย่างเป็นทางการแล้วค่ะ!”
หลังจากที่โพสต์ยาว ๆ นี้เผยแพร่ออกไป เวยป๋อก็ระเบิดทันที
“ไม่เข้าใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่เข้าใจ+1 ไหนบอกว่าแพ้เสื้อผ้า ทำไมกลายเป็นแพ้อาหารทะเลไปได้?”
“ฉันไม่สน ขอเพียงหย่าอันปลอดภัย พวกเราก็สบายใจ”
“ใช่แล้ว หย่าอันของเราก็ออกมาขอโทษแล้ว พวกเราในฐานะที่เป็นแฟนคลับก็จะทำให้ไอดอลของเราเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ได้ คุณมู่เฉาเกอ ขอโทษนะคะ!”
……
เมื่อมีผู้นำคนหนึ่ง แฟนคลับคนอื่น ๆ ก็พากันขอโทษตาม
อีกทั้งในเวลานี้ยังมีคนวงในได้ออกมาให้ข่าวว่า กระแสความคิดเห็นอย่างรุนแรงของชาวเน็ตที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เกิดจากการที่เฟิงซื่อสร้างกระแสให้กับสิงหย่าอันนั่นเอง
เมื่อรวมเข้ากับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่เฟิงจิ่งเหยาให้ชวี่ยี่ซื้อตัวมา หลังจากที่ข่าวของสิงหย่าอันถูกเผยแพร่ออกไป หัวข้อสนทนาออนไลน์ทั้งหมดก็ถูกนำเข้าสู่บรรยากาศที่ผ่อนคลายลง
ส่วนในด้านความคิดเห็นแง่ลบเหล่านั้น แรกเริ่มยังคงมีความพยายามเคลื่อนไหวอยู่ แต่เมื่อไม่มีแฟนคลับของสิงหย่าอันเข้าร่วมด้วย ประกอบกับการผลักดันของเหล่าผู้ทรงอิทธพลบนโลกโซเชียลก็ทำให้ข่าวไม่เป็นที่สนใจ และกลับมาอยู่ในกระแสต่อไปไม่ได้