เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินคำนี้ก็โกรธจนตัวสั่น
“กู้หงเซิน นอกจากใช้เรื่องแม่มาขู่ฉันทุกครั้งไปแล้วไม่คิดจะมีวิธีอะไรใหม่ ๆ บ้างหรืออย่างไร?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่กู้หงเซินกลับยิ้มเยาะ
“เพราะเรื่องนี้มีผลต่อแกมากที่สุดอย่างไงล่ะ ฉันถามแกอีกครั้งจะช่วยหรือไม่ช่วย?”
กู้ฉางฉิงขบฟันแน่น “ทั้งที่ฉันเตือนคุณอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าใช้ผลิตภัณฑ์ด้อยคุณภาพ แต่คุณยืนยันที่จะทำเอง ตอนนี้เกิดเรื่องแล้วคุณก็มาให้ฉันช่วย”
เมื่อเธอพูดจบก็สูดหายใจเข้าลึก และโดยไม่เปิดโอกาสให้กู้หงเซินได้เปิดปากพูดอะไรเธอก็พูดขึ้นต่อว่า “ต่อให้ฉันจะมีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมให้เฟิงจิ่งเหยาไม่เอาความกับเรื่องนี้ แต่ฉันก็ไม่มีความสามารถพอที่จะโน้มน้าวผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ คุณควรรู้ไว้ว่าครั้งนี้บริษัทสูญเสียเงินไปหลายสิบล้าน เป็นไปไม่ได้ที่บรรดาผู้ถือหุ้นจะไม่ถามอะไร”
“เพราะฉะนั้นเธอจึงหมายความว่าจะไม่ช่วย?”
กู้หงเซินไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้ เขาสนเพียงว่าเธอจะช่วยหรือไม่เท่านั้น
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฉันจะช่วยหรือไม่ช่วย แต่ฉันทำไม่ได้!”
กู้ฉางฉิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและสิ่งที่เธอพูดมานั้นก็เป็นความจริง
เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็เป็นเพียงดีไซน์เนอร์เล็ก ๆ ของบริษัทในเครือเฟิงซื่อกรุ๊ปเท่านั้น ไม่มีความสามารถที่จะไปสั่นคลอนการตัดสินใจของบริษัทได้
แต่กู้หงเซินกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เขารู้สึกว่ากู้ฉางฉิงตั้งใจแน่วแน่ที่จะต่อต้านเขา
ตอนนี้เธอเป็นถึงสะใภ้ที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกลูเฟิง พ่อหนุ่มเฟิงจิ่งเหยานั่นก็ถือว่าให้ความสำคัญกับเธออยู่ไม่น้อย ยังมีหน้ามาบอกว่าทำไม่ได้
“ดี ดีมาก กู้ฉางฉิง ฉันประเมินแกต่ำไปหน่อย”
เขาพูดพลางหัวเราะเยาะ และไม่เปิดโอกาสให้กู้ฉางฉิงพูดอะไรกลับก็วางสายไป
กู่ฉางฉิงมองไปที่โทรศัพท์ที่เพิ่งถูกวางสายไป และรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
เธอรู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่ของกู้หงเซินนั้นแฝงเจตนาไม่ดี
แน่นอนว่าสิ่งที่เธอกังวลมากกว่าก็คือกู้หงเซินจะลงมือกับแม่ของเธอ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็บังคับตัวเองให้สงบใจลง
ถ้าคน ๆ นั้นทำอะไรกับแม่ของเธอจริง ๆ เธอก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่ อย่างมากก็สู้จนตัวตายไปพร้อมกัน
เมื่อเธอคิดได้เช่นนี้ ก็ได้ละเรื่องนี้ไว้ และออกแบบงานต่อไป
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์ข้างกายเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นสายจากโรงพยาบาล
ความกังวลที่ถูกเธอกดไว้ในตอนแรกก็กลับมาอีกครั้ง
“คุณหมอห่าว เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของฉันเหรอคะ?”
“คุณกู้ครับ ทางโรงพยาบาลให้ผมมาแจ้งคุณว่า จะมีการยุติการรักษาคุณแม่ของคุณ รวมถึงหยุดให้ยาด้วย”
เธอฟังเสียงสงบของคุณหมอห่าวที่ดังอออกมาจากโทรศัพท์
กู้ฉางฉิงเด้งตัวลุกขึ้นมา ทั้งตกใจทั้งโมโห
“ทำไมต้องหยุด ใครสั่งให้พวกคุณหยุด?”
“ต้องขออภัยด้วยครับคุณกู้ นี่เป็นคำสั่งของประธานกู้”
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินคำนี้ก็โกรธเคืองอย่างมาก
กู้หงเซิน เขากล้าดียังไง
แต่ไม่ว่าเธอจะโกรธแค่ไหน ก็จะให้ทางโรงพยาบาลมาหยุดยาแม่ของเธอในตอนนี้ไม่ได้
“คุณหมอห่าว คุณต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ฉันต่างหากที่เป็นญาติทางสายเลือดโดยตรงของผู้ป่วย พวกคุณกล้าแตะต้องแม่ของฉันก็ลองดู!”
เธอพูดจาข่มขู่ แต่คุณหมอห่าวก็ไม่ได้สนใจ
“ต้องขอโทษคุณกู้ด้วย พวกเราก็ทำงานแลกกับเงิน หากคุณกู้ต้องการจะช่วยคนก็ลองปรึกษากับประธานกู้ดูดีกว่าครับ”
เมื่อเขาพูดจบก็วางสายไปทันที
กู้ฉางฉิงมองดูโทรศัพท์ที่เพิ่งถูกวางสายไป แววตามีประกายไฟลุกโชน พร้อมกำหมัดแน่น
ทันใดนั้นเธอก็หมุนตัวเดินออกไปที่ประตูด้วยความโกรธทันที
คิดไม่ถึงว่าตอนที่เธอกำลังเดินลงมาชั้นล่างนั้นก็พบเข้ากับเฟิงจิ่งเหยาที่เพิ่งกลับมาถึงพอดี
ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติเธอคงจะหยุดและกล่าวทักทายแน่นอน
แต่ในขณะนี้เธอกังวลใจเกี่ยวกับแม่ของเธอเป็นอย่างมาก จึงเดินผ่านเฟิงจิ่งเหยาไป
เฟิงจิ่งเหยามองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธของกู้ฉางฉิง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและรีบคว้าตัวเธอไว้
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วนี่คุณจะไปที่ไหน?”
กู้ฉางฉิงถูกจับตัวไว้ แต่ด้วยความรีบ จึงคำรามกลับเบา ๆ ว่า “ปล่อยค่ะ!”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นดังนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่ปล่อยมือแล้วยังจับให้แน่นขึ้นไปอีก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เขามองไปที่กู้ฉางฉิงด้วยสายตาแน่วแน่ ถ้าไม่ยอมพูดให้ชัดเจนก็จะไม่ปล่อยมือเธอแน่
ด้วยเหตุนี้กู้ฉางฉิงจึงรีบเก็บอาการวู่วามไร้เหตุผลของเธอ
เธอมองดูผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ เม้มริมฝีปากและพูดว่า “มีเรื่องนิดหน่อยที่จะต้องออกไปข้างนอกค่ะ”
เมื่อเธอพูดจบก็พยายามจะออกไปอีกครั้ง
แต่เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้คิดจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ ยังคงถามซักไซ้
“เรื่องอะไร?”
กู้ฉางฉิงมองดูเขาที่ตั้งใจจะเค้นถามจนรู้ความจริงให้ได้ ก็กังวลใจนัก
จะให้เธอบอกเฟิงจิ่งเหยาว่าจะไปโรงพยาบาลหรืออย่างไร?
เธอจะพูดเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ต่อให้บอก แล้วถ้าเขาถามต่อว่าใครรออยู่ที่โรงพยาบาล แล้วจะให้เธอตอบเข้าได้อย่างไร?
ในตอนนั้น คำพูดทั้งหมดของเธอก็จุกอยู่ที่คอ
และเธอก็ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง
แม้ว่าเธอจะรีบร้อนไปที่โรงพยาบาลในเวลานี้ แต่จากนิสัยของกู้หงเซินแล้วก็คงจะไม่ยินยอมให้เธอย้ายโรงพยาบาลให้แม่แน่
ในตอนนี้ที่เขาได้สร้างปัญหาขึ้นมา ก็เพียงแค่ต้องการบังคับให้เธอช่วยเขาให้พ้นผิด พูดกล่อมเฟิงจิ่งเหยาให้เรียกคืนจดหมายจากทนายความเท่านั้น
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แล้วมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาที่อยู่ตรงหน้าซึ่งยังรอคำตอบของเธออยู่ เธอก็สูดหายใจเข้าและพูดข่มอารมณ์ว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”
เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้ว และจ้องไปที่เธอ ไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกมา
กู้ฉางฉิงเองก็รู้ แต่เมื่อคิดถึงแม่ของเธอที่รอความช่วยเหลืออยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอจึงกัดฟันแล้วพูดออกมา
“คุณพ่ออยากให้ฉันมาเกลี้ยกล่อมให้คุณเรียกคืนจดหมายทนายความ ยกเลิกค่าปรับให้เขา”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็เย็นชาลงทันที ในขณะเดียวกันเขาก็ปล่อยมือกู้ฉางฉิง
“ทำไม? คุณเองก็ลงนามเห็นด้วยแล้ว ตอนนี้จะมากลับคำหรือไง?”
กู้ฉางฉิงพูดไม่ออกเมื่อเห็นเฟิงจิ่งเหยามีท่าทีโมโหอย่างชัดเจน เธอกัดริมฝีปากและพูดว่า “ไม่ว่าจะพูดยังไง เขาก็คือพ่อของฉัน คุณจะ……เห็นแก่หน้าของฉันได้ไหม……”
เธอยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเฟิงจิ่งเหยาพูดตัดบทอย่างไม่มีเยื่อใย “ไม่ได้ คุณไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น มูลค่าความเสียหายตั้งหลายสิบล้าน!”
เมื่อเขาพูดจบก็สบัดแขนเสื้อแล้วจากไป
กู่ฉางฉิงยืนมองตามแผ่นหลังที่โกรธเกรี้ยวของเขา รู้สึกชาไปทั้งมือและเท้า
สีหน้าซีดเผือก
เฟิงจิ่งเหยาไม่เห็นด้วย ส่วนด้านคุณแม่ก็ถูกกู้หงเซินคุกคามอยู่ แล้วเธอควรจะทำอย่างไรดี?
หรือจะยอมแพ้เพียงเท่านี้?
ไม่ ไม่ได้
เธอจะยอมแพ้ไม่ได้!
เธอทำใจให้สงบลงอีกครั้ง มองไปยังทิศทางที่เฟิงจิ่งเหยาเพิ่งจากไปและไล่ตามเขาไป
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเสียงที่ตามมาข้างหลัง แต่เขาก็ตรงไปที่ห้องหนังสือโดยไม่ได้สนใจ
กู้ฉางฉิงตามมาถึงข้างนอกห้องหนังสือ เธอมองดูประตูที่ปิดสนิทอยู่ เธออยากที่จะเคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ได้เคาะเสียที
เธออ้อยอิ่งอยู่นาน คิดวนไปมา จนในที่สุดก็ตัดสินใจเคาะประตูอีกครั้ง
ในไม่ช้าประตูก็ถูกเปิดออกและมีเฟิงจิ่งเหยายืนอยู่ที่หลังประตูนั้น
“คือว่า เราคุยกันหน่อยได้ไหมคะ?”
กู้ฉางฉิงฝืนยิ้มที่ดูน่าเกลียดกว่าร้องไห้ พยายามที่จะขอเจรจา
“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อกี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกัน”
เฟิงจิ่งเหยาชำเลืองมองเธอพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อพูดจบ เขาก็จะปิดประตู
ยังดีที่กู้ฉางฉิงนั้นว่องไว จึงขวางประตูไว้ได้
“เฟิงจิ่งเหยาคะ ฉันคิดว่าเราคุยกันได้”
เธอพูดพลางมองไปที่ชายตรงหน้าอย่างอ้อนวอน
“จริง ๆ นะคะ ถ้าหากฉันพูดจบแล้วคุณไม่เห็นด้วย ฉันก็จะยอมแพ้ ตกลงไหมคะ?”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้นดวงตาทั้งคู่ของเขาก็เพ่งมองที่เธอ
พบว่าภายในดวงตาสีเข้มของเธอนั้นเต็มไปด้วยความพยายาม……มันทำให้เขาอ่อนไหวเล็กน้อย
กู้ฉางฉิงไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรตอบกลับ เธอก็เข้าใจว่าถูกปฏิเสธเสียแล้ว
เมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรเพิ่มอีก ก็พบว่ามือที่จับประตูไว้แน่นของเฟิงจิ่งเหยานั้นค่อย ๆ ละออก