กู้หงเซินถูกคำพูดนี้ของกู้ฉางฉิงยั่วให้โมโหจนอยู่ไม่สุข แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเธอจริง ๆ
แสดงว่าเขาก็มีความกังวลอยู่บ้าง
เกรงว่าหากบังคับกู้ฉางฉิงนังตัวแสบนั่นมากเกินไปจนเธอทนไม่ไหวไปฟ้องคนที่บ้านตระกูลเฟิง เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงแค่เขาที่จะถูกทำลาย แต่ยังเป็นการดับอนาคตของฉางซินลงอีกด้วย
“แกคอยดูก็แล้วกัน!”
แม้ว่าตอนนี้จะทำอะไรนังตัวแสบนี่ไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจัดการเธอไม่ได้ในอนาคต
เขาสบถทิ้งท้ายก่อนจะวางสายไป
กู้ฉางฉิงมองไปที่โทรศัพท์ที่ถูกวางสายไป รู้ดีว่ากู้หงเซินไม่มีวันปล่อยเธอไปง่าย ๆ
แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคต
ตอนนี้เธอยังมีประโยชน์กับเขา ผู้ชายคนนั้นก็จะไม่กล้าแตะต้องตัวเธอ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็อดที่จะรู้สึกเหนื่อยใจไม่ได้
โดยเฉพาะเมื่อเธอสังเกตว่า ทุกครั้งที่มีโอกาสสนทนากับกู้หงเซินก็มักจะจบไม่สวยนัก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะจบสิ้นเสียที
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเวลาจะผ่านไปเร็วกว่านี้ ขอให้ปีนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว
และเธอก็จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตของตัวเองได้ ไม่ต้องมาทนรับความไม่พอใจเหล่านี้อีก
เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะพาแม่ของเธอไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเธอ
ในขณะที่เธอวาดฝันว่ามันควรจะเป็นภาพที่มีความสุขอยู่นั้น กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ ๆ ก็รู้สึกใจโหวง ๆ หดหู่ ราวกับอัดอั้น
และในห้วงความคิดของเธอก็มีภาพใบหน้าที่สมบูรณ์แบบของเฟิงจิ่งเหยาปรากฎขึ้น
เมื่อเธอจากไป กู้ฉางซินก็จะกลับมา
ถึงเวลานั้นผู้ชายคนนี้ก็คงจะไม่รู้ว่าภรรยาของเขาได้สลับเปลี่ยนตัวกันไปแล้วล่ะมั้ง?
เธอคิดอย่างเจ็บปวด ในใจราวกับมีไฟแผดเผาทำให้เธอรู้สึกทุกข์ทรมาน
เธอต้องการที่จะระบายออกมา แต่การกระทำหลายอย่างก็ถูกฐานะตัวตนของเธอจำกัดไว้ ท้ายที่สุดเธอเดินไปที่ตู้เก็บไวน์และหยิบออกมาขวดหนึ่ง
บางทีถ้าเมาแล้วก็อาจจะไม่คิดถึงเรื่องไม่สบายใจเหล่านี้
และด้วยเหตุนี้ เมื่อเฟิงจิ่งเหยากลับมาจากห้องหนังสือก็พบกับกู้ฉางฉิงที่พวงแก้มทั้งสองข้างแดงก่ำฟุบไม่ได้สติอยู่บนโต๊ะ
เขาขมวดคิ้วขึ้น มองไปที่ขวดเหล้ากับแก้วที่อยู่ข้างเธอ
แค่นี้ก็เมาแล้วเหรอ?
เขาไม่ค่อยกล้ามั่นใจนัก เพราะปริมาณเหล้าที่ลดลงจากขวดก็เพียงแค่สองสามแก้วเท่านั้น
ในขณะที่เขากำลังจะอุ้มเธอขึ้นเตียงนั้น ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ซึ่งนั่นทำให้คิ้วของเขาขมวดขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้ในหัวของเขาเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับอดีตของกู้ฉางซิน
ตามข้อมูลระบุว่า กู้ฉางซินนั้นเป็นคนหยิ่งยโสไม่เห็นแก่ใครในสายตา ดื่มไม่รู้เมา
แต่เมื่อเขากลับมาก็พบว่าคนที่เขาเห็นกลับไม่ใช่คนแบบนั้น
ผู้หญิงคนนี้นอกจากเรื่องที่ไม่ยอมให้ถูกกลั่นแกล้งง่าย ๆ แล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรตรงกับที่ตรวจสอบมาเลย
ถ้าจะบอกว่าเธอเสแสร้างแกล้งแสดง แต่ต่อให้จะแสดงเก่งแค่ไหนก็ตาม ก็คงต้องมีอะไรหลุดเปิดเผยออกมาบ้าง
แต่ที่เขารู้สึกต่อผู้หญิงคนนี้คือราวกับเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
เมื่อเขาคิดเช่นนี้ แววตาของเขาก็ดูเข้มขึ้น สีหน้าของเขาให้ความรู้สึกที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไร
จากนั้นเขาก็วางกู้ฉางฉิงลงบนเตียง แล้วหันตัวเข้าไปที่ห้องอาบน้ำ
เมื่อเขาออกมาแล้ว แอลกอฮอล์ในตัวกู้ฉางฉิงก็เริ่มทำงาน
“ร้อนจัง……”
เห็นเธอลุกพรวดขึ้นนั่ง แววตาสะลึมสะลือ มือไม้สะเปะสะปะทำท่าจะถอดเสื้อผ้า
เดิมทีเธอก็สวมเพียงชุดนอนอยู่แล้ว ถ้าถูกเธอถอดออกก็จะไม่เหลืออะไรเลย
เฟิงจิ่งเหยารู้ดีจึงรีบเข้าไปหยุด จับมือไม้ที่สะเปะสะปะของกู้ฉางฉิงเอาไว้
โดยคาดไม่ถึงว่าเมื่อร่างที่ร้อนผ่าวของกู้ฉางฉิงสัมผัสเข้ากับมือเย็น ๆ ของเขาแล้ว ราวกับปลาที่เกยตื้นได้พบกับแหล่งน้ำอีกครั้ง เธอจึงแนบมือเข้าหาเขาทันที
“สบายจัง!”
เธอที่กำลังอยู่ในอาการมึนเมาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ รู้เพียงว่าสัมผัสใต้ฝ่ามือนั้นเย็น สบาย และทำให้เธอต้องการมากกว่านั้นอีก
เธอกระแทกตัวไปแนบกับร่างของเฟิงจิ่งเหยา ชุดนอนบนเรือนร่างถูกเธอดึงจนคลายออกนานแล้ว และเมื่อเธอยิ่งทำท่าเช่นนี้อีก ทำให้หน้าอกของเธอแผ่หราออกมาโชว์เต็มที่
เฟิงจิ่งเหยาถูกกระตุ้นหนักไม่เบา อีกทั้งยังมีมือเล็ก ๆ ที่ยังคงยุ่งอยู่บนร่างกายของเขา ทำให้ราชสีห์ที่หลับใหลอยู่ในร่างของเขาก็ค่อย ๆ ตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ
ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง เขารวบมือที่วุ่นวายของกู้ฉางฉิงเอาไว้
หลังจากที่พัลวันกันสักครู่ เขาโน้มตัวไปข้างหน้าจุมพิตเข้ากับริมฝีปากแดงที่ช่างเย้ายวนอย่างแม่นยำ
ลมหายใจที่หอมหวานแซมด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ทำให้เฟิงจิ่งเหยาที่แม้จะอยากหยุดก็ไม่สามารถหยุดรั้งตัวเองได้ มีเพียงต้องการมากขึ้น
เขาบุกเข้าพิชิตดินแดน
กู้ฉางฉิงถูกเขาทำให้ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว เธอครางขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน
และด้วยเสียงที่เย้ายวนนี้ ทำให้สติอันหนักแน่นของเฟิงจิ่งเหยาขาดผึง ราวกับหมาป่าที่หิวโหย อยากจะกลืนกินผู้หญิงที่อยู่ใต้เขานี้เข้าไปทั้งตัว
แน่นอนว่าเขาก็ได้ทำเช่นนั้น
เขาแทงทะลุคนที่อยู่เบื้องล่าง อ้อมกอดที่อบอุ่นได้โอบรัดเขาแน่น กระตุ้นให้เขากระแทกเข้าอย่างต่อเนื่อง ราวกับได้รับรางวัลใหญ่ในสนามรบ
กู้ฉางฉิงที่ตกอยู่ภายใต้แรงกระแทกของเขา ราวกับเรือลำน้อยกลางมหาสมุทรที่ถูกคลื่นซัดขึ้นสูงแล้วตกลงมา ส่งเสียงครางกระเส่าออกมาโดยไม่รู้ตัว
ยิ่งเสียงเหล่านี้ถูกเปล่งออกมาก็ดูเหมือนจะยิ่งทำให้แววตาของเฟิงจิ่งเหยาล้ำลึกขึ้นเรื่อย ๆ
ดูเหมือนเขาจะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ต้องการเพิ่มขึ้นอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
จนกระทั่งท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มเปลี่ยนเป็นแสงขาว ทั้งสองถึงได้ผลอยหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน
……
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้ฉางฉิงตื่นขึ้นพร้อมกับร่างกายที่ระบมไปทั้งตัว และความทรงจำของเมื่อคืนก็แล่นเข้ามาฉายภาพซ้ำในหัวของเธอราวกับภาพยนตร์
เมื่อเธอนึกถึงความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งตัวก็แดงขึ้นเหมือนกุ้งที่ถูกต้มจนสุก
โดยเฉพาะเมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตู เธอจึงรีบซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความตกใจ รู้สึกไม่กล้ามีหน้าไปเจอใคร
เฟิงจิ่งเหยามองไปที่เจ้าก้อนที่ม้วนตัวอยู่บนเตียง ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ และอดไม่ได้ที่จะล้อเล่นว่า “เคยทำตั้งหลายครั้งแล้ว เพิ่งจะมาอายเอาตอนนี้ สายไปหรือเปล่า?”
กู้ฉางฉิงกัดฟันซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
เรื่องเมื่อคืนกับก่อนหน้านี้จะเหมือนกันได้อย่างไร?
เมื่อคืนนั้นเธอ……เป็นคนเริ่มก่อน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็ยิ่งไม่อยากออกไปข้างนอก ขณะเดียวกันเธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไม่ดื่มอีกในอนาคต
ต่อให้มีเรื่องไม่สบายใจก็จะไม่ดื่มอีก!
เฟิงจิ่งเหยาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่เมื่อเห็นว่าเธอไม่กล้าออกมา ก็รู้ว่าเธอคงรำคาญจึงหยุดแกล้ง เขายิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ผมลงไปทานอาหารก่อน ถ้าคุณเหนื่อย ก็พักต่ออีกหน่อยเถอะ”
เมื่อสิ้นคำ เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
กู้ฉางฉิงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแอบฟังอยู่นาน เมื่อพบว่าไม่มีเสียงเคลื่อนไหวอะไรในห้องแล้วจึงได้ยื่นศรีษะออกมา
ก็พบว่าเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
เธอเม้มริมฝีปาก นอนพักบนเตียงสักพักก่อนจะลุกขึ้นและลงไปชั้นล่าง
ณ ห้องอาหาร เฟิงจิ่งเหยากำลังรับประทานอาหาร
เขาเห็นกู้ฉางฉิงเดินเข้ามา รอจนเธอรับประทานได้พอประมาณแล้ว เขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า “คนที่รับผิดชอบ RC จะมาที่ถึงที่นี่ตอนบ่ายสองโมง คุณอยากให้ผมไปด้วยกันไหม?”
กู้ฉางฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร
ไม่ไว้ใจให้เธอไปคนเดียวหรือ?
เธอมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างลังเลและส่ายหัวตอบว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปคนเดียวได้ คุณวางใจเถอะ ฉันรู้ดีว่าควรต้อนรับอย่างไร จะไม่ทำให้เสียเรื่องแน่นอนค่ะ”
เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้น เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องเข้าใจอะไรเขาผิดแน่
แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไร พยักหน้าพูดว่า “ก็ได้ คุณไปคนเดียวก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน มีเรื่องอะไรให้รีบโทรศัพท์หาผม”
กู้ฉางฉิงผงกหัว “ฉันรู้ค่ะ”
จากนั้นเฟิงจิ่งเหยาก็ลุกขึ้นและไปบริษัท
หลังจากที่กู้ฉางฉิงทานอาหารเช้าเสร็จก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องต่ออีกสักพัก ก่อนที่จะเริ่มเตรียมตัว
เที่ยวบินบ่ายสองโมง แต่เธอมาถึงสนามบินก่อนครึ่งชั่วโมงแล้ว
บุคคลที่ RC ส่งมาสำรวจในครั้งนี้คือ มู่จิ่น หัวหน้าดีไซน์เนอร์ และยังเป็นผู้ที่ถูกขนานนามในวงการว่าเป็นปรมาจารย์ดีไซน์เนอร์
และคนที่คอยติดต่อทางออนไลน์กับกู้ฉางฉิงมาตลอดก็คือเขาคนนี้ ถือได้ว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ไม่เลว
อย่างน้อยกู้ฉางฉิงก็สามารถจำเขาได้ในพริบตา