กู้ฉางฉิงเดินเข้าไปหาชายร่างสูงเพรียวคนหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้มอย่างสำรวมที่มุมปาก
“คุณมู่”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินเสียงจึงหันตัวกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
อายุราวยี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปดปี ผมสั้น สวมเสื้อกั๊กสูทสีเทากระดุมสองแถวแนบลำตัว ขับให้เห็นไหล่กว้างกับเอวที่คอดอย่างชัดเจน
คอเสื้อเชิ้ตสีขาวแหวกออกเล็กน้อย แขนเสื้อเชิ้ตพับขึ้นถึงกลางลำแขน เผยให้เห็นผิวสีข้าวสาลี
ดวงตาคู่นั้นดูลึกล้ำและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ดั้งจมูกสูงโด่ง เรียวปากเซ็กซี่ โดยเฉพาะเมื่อดูรวม ๆ แล้วราวกับเป็นผลงานสร้างสรรค์อันล้ำเลิศของพระเจ้า
“คุณกู้”
เนื่องจากต่างก็เคยพบกันทางออนไลน์มาแล้ว มู่จิ่นจึงจำกู้ฉางฉิงได้ ขณะเดียวกันก็มีแววประหลาดใจในดวงตาของเขา
เมื่อเห็นกู้ฉางฉิงในชุดเครื่องแบบสีเทาอ่อน ดูปราดเปรียวเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่สูญเสียเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิง โดยเฉพาะใบหน้าที่สวยงามนี้ ทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกเจริญตา
“คิดไม่ถึงว่าคุณกู้ตัวจริงจะดูดีกว่าที่เห็นทางหน้าจออย่างมาก”
เขาสรรเสริญชื่นชมเธอ ส่วนกู้ฉางฉิงนั้นถ่อมตัว
“คุณมู่กล่าวชื่นชมเกินไปแล้วค่ะ”
ขณะที่เธอพูดก็พรางคิดอะไรบางอย่างได้ จึงชวนว่า “จะว่าไป คุณมู่เดินทางมาเหนื่อย ๆ ฉันได้จองโรงแรมไว้แล้ว ถ้ายังไงเราเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมก่อนดีไหมคะ?”
มู่จิ่นไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าเพื่อบอกให้กู้ฉางฉิงนำทางไป
จากนั้นทั้งสองก็มาถึงโรงแรม กู้ฉางฉิงได้พามู่จิ่นไปที่ห้องพร้อมกับคีย์การ์ด
“ห้องนี้เป็นห้องที่แสงดีที่สุดของโรงแรม คุณมู่ลองดูก่อนหากมีตรงไหนที่ไม่พอใจ ฉันจะรีบจัดการให้ค่ะ”
มู่จิ่นมองสำรวจไปรอบ ๆ และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ผมพอใจมาก ลำบากคุณกู้แย่เลย”
“นี่คือสิ่งที่ฉันสมควรทำค่ะ คุณมู่อาบน้ำพักผ่อนก่อน ฉันจะลงไปรอที่ข้างล่างนะคะ”
กู้ฉางฉิงพูดขึ้นอย่างรู้จักมารยาทการเข้าออก มู่จิ่นพยักหน้าและส่งเธอจากไปด้วยสายตา
รอจนคนจากไปแล้ว มู่จิ่นจึงนั่งลงบนเตียงและหัวเราะออกมา
ความประทับใจที่มีต่อกู้ฉางฉิงนั้นมีมากขึ้นไปอีก
แต่กู้ฉางฉิงนั้นไม่รู้ถึงสิ่งเหล่านี้เลย
เมื่อเธอลงไปที่ชั้นล่างแล้ว ก็ได้ส่งข้อความถึงเฟิงจิ่งเหยา รายงานสถานการณ์ทางนี้อย่างคร่าว ๆ
แต่เมื่อข้อความถูกส่งออกไปแล้วก็เหมือนโยนหินลงทะเล ไม่มีการตอบกลับใด ๆ
แต่เธอก็ไม่สนใจ หยิบนิตยสารที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาอ่านไปพลาง ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน มู่จิ่นที่พักผ่อนเสร็จแล้วก็ลงไปที่ชั้นล่าง และมองเห็นหญิงงามที่นั่งอยู่ในบริเวณที่นั่งเล่นของโถงใหญ่จึงเดินไปเข้าไปหาอย่างยิ้มแย้ม
“คุณกู้ ผมพร้อมแล้ว”
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้นจึงรีบวางนิตยสารในมือลงทันทีและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราไปทานอาหารกันดีไหม?”
มู่จิ่นยักไหล “ที่นี่เป็นถิ่นของคุณกู้ คุณว่าอย่างไรก็ตามนั้นเลยครับ”
กู้ฉางฉิงหัวเราะ “คุณไม่กลัวว่าฉันจะพาคุณไปขายหรือไง?”
“ผมไม่คิดว่าผมจะโง่ขนาดนั้นนะ”
ทั้งสองเดินหยอกล้อกันเข้าร้านอาหาร ต่างก็ค่อย ๆ เข้ากันได้ดีมากขึ้น ไม่เหลือคราบความไม่คุ้นเคยที่มีในตอนแรก
เมื่ออาหารถูกเสิร์ฟจนครบแล้ว กู้ฉางฉิงก็แนะนำอาหารจีนขึ้นชื่อให้แก่เขา เป็นการต้อนรับที่ละเอียดพิถีพิถันครบครัน ทำให้ความสึกรู้ดีที่มู่จิ่นมีต่อกู้ฉางฉิงนั้นยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
แน่นอนเขารู้ดีถึงสาเหตุที่กู้ฉางฉิงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
เมื่อรับประทานอาหารกันไปได้พอสมควรแล้ว เขาก็ค่อย ๆ เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดเป็นการเป็นงาน
“คุณกู้ครับ ผมได้อ่านข้อความที่คุณส่งมาทางอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านี้แล้ว พูดตามตรง ตัวผมเองนั้นชื่นชมผลงานของคุณเป็นอย่างมาก แต่คุณก็เข้าใจดีว่า บริษัทมีระบบและกระบวนการของบริษัท ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะตัดสินใจได้เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นผมไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาอะไรกับคุณได้”
เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปครู่นึง และเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร
“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว อีกอย่างฉันก็เชื่อมั่นว่าบริษัทของเราจะได้รับความร่วมมือจากบริษัทของคุณอย่างแน่นอน”
เธอกล่าวอย่างมั่นใจ จนมู่จิ่นอดไม่ได้ที่จะมองเธออย่างชื่นชม
“ถ้าเช่นนั้น ก็หวังว่าบริษัทของคุณจะได้รับรางวัลชนะเลิศในงานเลี้ยงคืนพรุ่งนี้”
เขาพูดถึงงานเลี้ยงในคืนพรุ่งนี้ ดวงตาของกู้ฉางฉิงเป็นประกายเปล่งแววว่าจะต้องชนะให้ได้
“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว!”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอจะต้องได้รับความร่วมมือนี้ให้ได้
เมื่อมู่จิ่นเห็นดังนั้น ก็ยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นผมก็ขออวยพรให้คุณกู้ได้รับชัยชนะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณกู้”
เมื่อพูดจบเขาก็ชูแก้วไวน์ขึ้น
กู้ฉางฉิงก็ยกตอบ
เป็นมื้ออาหารที่ทั้งแขกและเจ้าภาพต่างมีความสุข
เมื่อพวกเขาออกมาจากร้านอาหารท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
เมื่อกู้ฉางฉิงนึกถึงมู่จิ่นที่นั่งเครื่องบินมาทั้งวัน จึงพูดขึ้นอย่างใส่ใจว่า “คุณมู่คะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะค่ะ คุณนั่งเครื่องบินมาทั้งวันแล้วคงจะเหนื่อยน่าดู พรุ่งนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่รอให้คุณจัดการ ให้ฉันพาคุณกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อน รอวันหลังที่คุณไม่ยุ่งแล้วฉันจะพาคุณเที่ยวชมบรรยากาศทั่วเมืองเองนะคะ”
มู่จิ่นก็เหนื่อยล้าจริง ๆ จึงไม่ได้พูดปฏิเสธ พยักหน้าและกลับโรงแรมไปกับกู้ฉางฉิง
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเข้าไปในโรงแรมนั่นเอง ก็ถูกลู่ซือหยี่ที่กำลังผ่านมาเห็นเข้าพอดี
หลายวันมานี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดี เนื่องจากถูกเฟิงจิ่งเหยาไล่ออก จึงนัดเพื่อนสาว ๆ ออกมาระบายอารมณ์ด้วยการเที่ยวช็อปปิ้ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะได้เห็นเข้ากับฉากนี้
“หยุดรถ หยุดรถ!”
เธอทุบประตูรถพร้อมร้องตะโกน เพื่อนสาวที่นั่งด้านหน้าก็งง
“ซือหยี่ เกิดอะไรขึ้น?”
แม้จะถามขึ้นด้วยความงุนงง แต่เธอก็หยุดรถให้
ลู่ซือหยี่ไม่สนใจ กลับเปิดประตูรถและวิ่งตรงเข้าไปที่โรงแรม
เมื่อเธอเข้าไปถึงข้างใน กู้ฉางฉิงก็ไม่ได้อยู่ที่ล็อบบี้แล้ว
เธอกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจและรีบเดินไปที่หน้าฟร้อนท์
“ฉันขอถาม ผู้หญิงที่ใส่เครื่องแบบสีเทาที่เพิ่งเดินเข้ามาที่นี่เมื่อกี้นี้ สูงประมาณนี้ มัดผมไว้ เธอพักอยู่ที่ชั้นไหน?”
เธอแสดงท่าทางถึงกู้ฉางฉิง ตาจ้องเขม็งไปที่พนักงานต้อนรับ
พนักงานต้อนรับสาวถูกเธอจ้องจนรู้สึกชาไปถึงหนังศีรษะ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงรักษาความเป็นมืออาชีพและยิ้มตอบว่า “ต้องขออภัยคุณผู้หญิงท่านนี้ด้วยค่ะ ในส่วนของข้อมูลลูกค้านั้น พวกเราไม่สามารถเปิดเผยได้ค่ะ”
เมื่อขาดคำ เพื่อนสาวของลู่ซือหยี่ก็ได้ตามเข้ามา
“ซือหยี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ลู่ซือหยี่มองไปที่พวกเธอและไม่ตอบอะไร แต่กลับถามขึ้นว่า “พวกเธอมีใครรู้จักเจ้าของโรงแรมนี้บ้าง?”
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าลู่ซือหยี่จะหาวิธีให้ได้ข้อมูลการเปิดห้องของกู้ฉางฉิงมาได้อย่างไร
หลังจากที่กู้ฉางฉิงส่งมู่จิ่นถึงห้องแล้ว ทั้งสองก็คุยกันต่อถึงปัญหาด้านการออกแบบในห้องอยู่พักหนึ่ง
จากนั้น เมื่อกู้ฉางฉิงพบว่าเริ่มดึกแล้ว จึงรีบขอตัวกลับก่อน
และในขณะเดียวกัน ลู่ซือหยี่เองก็ได้หมายเลขห้องมาจนได้และกำลังขึ้นไปที่ห้องเพียงคนเดียว
หลังจากที่กู้ฉางฉิงออกจากห้องไปแล้วนั้น ก็สังเกตเห็นว่าเธอลืมกระเป๋าถือไว้ในห้องของมู่จิ่น จึงหันหลังกลับไป
ในตอนนี้มู่จิ่นได้เปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ เมื่อเห็นกู้ฉางฉิงกลับมาก็รู้สึกประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
“ฉันลืมกระเป๋าไว้น่ะค่ะ”
กู้ฉางฉิงพูดด้วยความเกรงใจ มู่จิ่นหัวเราะออกมาแล้วเบี่ยงตัวให้กู้ฉางฉิงเข้าไปในห้อง
และในเวลานี้เองที่ลู่ซือหยี่กดชัตเตอร์กล้องรัว ๆ อย่างดุเดือด
รู้อยู่แล้วว่านังสารเลวกู้ฉางซินนี่จะต้องคิดไม่ซื่อ ครั้งนี้ถูกเธอจับได้คาหนังคาเขาจนได้
รอเธอส่งรูปถ่ายนี้ให้พี่จิ่งเหยาก่อนเถอะ ดูสิว่าจะยังเล่นลิ้นไม้ไหนได้อีก
เธอกำลังคิดอย่างได้ใจ จากนั้นก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
รูปถ่ายนี้ให้พี่จิ่งเหยาไปก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนหน้านี้เคยให้เขาตั้งหลายครั้ง แต่พี่จิ่งเหยาก็ถูกนังสารเลวกู้ฉางซินนี่พูดเกลี้ยกล่อมจนหลงเชื่อไปซะทุกที สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อคิดได้อย่างนี้ เธอจึงมีตัวเลือกใหม่ขึ้นในใจ
คุณป้าหมิงต้องการที่จะหาความผิดของนังสารเลวนี่ตลอดไม่ใช่หรือ?
ด้วยรูปถ่ายพวกนี้ ป้าหมิงคงจะบังคับให้พี่จิ่งเหยาหย่ากับนังสารเลวคนนี้แน่นอน
นี่แหละโอกาสของเธอมาถึงแล้ว!