กู้ฉางชิงไม่รู้ว่าตัวเองโดนแอบถ่าย หยิบกระเป๋าแล้วจากไปทันที
เธอขึ้นรถและกลับไปที่บ้านเฟิง
เฟิงจิงเหยากลับมาถึงบ้านใหม่นานแล้ว กำลังจะทานมื้อค่ำพอดี
เมื่อเห็นกู้ฉางชิง จึงเอ่ยถามว่า: “ข้อตกลงวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
กู้ฉางชิงนิ่งอึ้งไปสักครู่และตอบว่า: “ผ่านไปด้วยดี คุณมู่ยินดีที่จะร่วมงานกับเรากระบวนการขั้นตอนเราต้องเสนอราคาพร้อมกับบริษัทอื่นแต่โอกาสที่เราจะชนะเราต้องเสนอมากกว่าคนอื่น”
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วและไม่ได้ออกความคิดเห็นใดๆ
กู้ฉางชิงเห็นเช่นนี้ ทำได้เพียงพูดต่อว่า: “เอออ……ถึงเราจะมั่นใจแต่เราก็ต้องระมัดระวังเมื่อถึงเวลาต้องอย่าให้ถูกหลอก”
เฟิงจิงเหยาได้ยินเช่นนี้ ดวงตากระพริบไปด้วยยอมยิ้ม
เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้มีความมั่นใจเต็มร้อย แต่ไม่คิดว่าก็ยังมีความระแวงอยู่
“ดีมาก ถ้าอย่างงั้นเรื่องนี้เธอก็ดูและจัดการตามสมควรเลย”
กู้ฉางชิงพยักหน้า
ในขณะที่เธอกำลังจะกลับห้อง เฟิงจิงเหยาก็สังเกตเห็นสายตาที่เหนื่อยล้าของเธอ พูดด้วยความเป็นห่วงว่า: “ถึงแม้เรื่องมันจะเร่งด่วน แต่ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยล้ามากไป”
พูดจบ เฟิงจิงเหยาก็เดินไปห้องทำงาน
กู้ฉางชิงยืนงุนงงอยู่ที่เดิม ดูเฟิงจิงเหยาที่กำลังเดินจากไป เธอได้สติกลับคืนมา นี่เขากำลังเป็นห่วงฉัน
ทันใดนั้น ในใจเธอราวกับว่ากินน้ำผึ้งไปทั้งขวด ทั้งหวานและละมุม มุมปากของเธอฟินจนแทบทนไม่ไหว
หนึ่งคืนผ่านไปด้วยดี
……
เช้าวันที่สอง กู้ฉางชิงและเฟิงจิงเหยาตื่นมาพร้อมกัน
ในขณะที่ทั้งสองกำลังทานมื้อเช้า ผู้ดูแลบ้านก็พาคุณอาหวางเดินเข้ามา
“คุณชาย คุณนายรอง คุณนายเชิญทั้งสองคนไปที่บ้านหลัก”
กู้ฉางชิงได้ยินเช่นนี้ก็มองไปที่เฟิงจิงเหยา
เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้วและถาม: “คุณแม่มีธุระอะไรหรอ?”
คุณอาหวางทำไม่รู้ไม่ชี้และตอบว่า: “คุณชายไปถึงก็รู้เอง”
เฟิงจิงเหยาสงสัยและตอบกลับไปว่า: “ฉันรู้แล้ว เธอบอกแม่ว่าเดี๋ยวพวกเราทานข้าวเช้าเสร็จจะรีบไป”
คุณอาหวางพยักหน้าและเดินกลับไป
เวลาผ่านไปทั้งคู่ก็ทานเสร็จเรียบร้อย เดินไปที่บ้านหลัก
ทันทีที่เข้าไปห้องรับแขก ก็เห็นคุณนายเฟิง ยังมีเฟิงจิ้งหยวน เฟิงซู่และเฟิงเทียนหรู
สีหน้านายท่านและเฟิงซู่เคร่งขรึมและจริงจัง โดยเฉพาะเฟิงจิ้งหยวน มองไปที่กู้ฉางชิงด้วยสายตาที่มุ่งร้ายลุกเป็นไฟ
กู้ฉางชิงและเฟิงจิงเหยาเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แม่ หาฉันมีเรื่องอะไรหรอ?”
กู้ฉางชิงเก็บความกังวลไว้ในใจและถาม
คุณนายเฟิงเห็นสีหน้าของเธอที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไปจึงโมโหออกมา
“ยังมีหน้ามาถามฉันอีกหรอ แกนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”
เธอชี้ไปที่กู้ฉางชิงและดุด่าเธอ
กู้ฉางชิงรู้สึกสับสนกับการถูกด่า ยิ่งทำให้เธอไม่ไหว
แต่ว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ กู้ฉางชิงจึงระงับอารมณ์เก็บความโกรธไว้ ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า: “ฉันไม่รู้ว่าฉันไปทำอะไรอีกทำให้คุณต้องมาฉีกหน้าฉันแบบนี้”
คุณนายเฟิงเห็นว่าขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีก โมโหและหยิบรูปถ่ายบนโต๊ะโยนใส่หน้าเธอ
“ทำอะไรงั้นหรอ? ยังจะมีหน้ามาถามฉันอีก!”
เธอชี้ไปรูปที่ตกลงพื้นและด่าว่า: “ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกมันไม่รักดี เมื่อก่อนก็สำส่อนแบบนี้ จิงเหยายังจะบอกแกเปลี่ยนไปแล้ว นี่หรอคือเปลี่ยนแล้ว ฟ้าดินเป็นพยาน ไปเปิดห้องกับผู้ชาย! แกเห็นตระกูลเฟิงเป็นอะไร!”
กู้ฉางชิงเห็นรูปถ่ายที่ตกอยู่บนพื้น นิ่งอึ้งไปทั้งตัว
ก็เห็นรูปภาพ มันน่าแปลกใจเป็นภาพที่เธอเข้าไปในห้องของมู่จิงเพื่อเอากระเป๋า
และมู่จินใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ความจริงเป็นยังไง แต่ถ้าดูในภาพก็ทำให้เข้าใจผิดได้
เฟิงจิงเหยาเมื่อเห็นรูปก็ขมวดคิ้ว สายตาจ้องไปที่กู้ฉางชิงเต็มไปด้วยคำถามนี่มันอะไรกัน
กู้ฉางชิงเม้มฝีปาก ในใจรู้โจ่งแจ้ง
ว่ามีคนตั้งใจจะแอบถ่ายให้ออกมาเป็นแบบนี้เพื่อใส่ร้ายเธอ
เธอไม่ได้สนใจตอบเฟิงจิงเหยา แต่หันไปหาคุณนายเฟิงและถามว่า: “แม่เอาภาพพวกนี้มาจากไหน?”
ในขณะที่คุณนายเฟิงกำลังจะตอบ เฟิงจิ้งหยวนก็พูดขึ้นมาว่า: “ไม่ต้องสนว่ารูปพวกนี้มาจากไหน แกไปคิดดีกว่าว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ตระกูลเฟิงของเราไม่เคยมีผู้หญิงไร้ยางอายแบบเธอมาก่อน ถ้าเรื่องนี้พร่างพรายออกไป ไม่รู้คนอื่นจะมองตระกูลเฟิงยังไง”
เธอพูดจบ พูดต่อด้วยสายตาดูถูก: “ฉันบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าเอาผู้หญิงที่ไม่มีฐานะ ตาต่ำ ไม่มีกาลเทศะ แถมตอนนี้ความซื่อสัตย์ก็ไม่มีแล้ว ไม่สิ ไม่เคยมีอยู่แล้ว เมื่อก่อนอยู่ข้างนอกก็แอบกินข้างนอกลับๆล่อๆ ตอนนี้ทำตัวโจ่งแจ้ง ต่ำต้อย ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ยอมรับแกเข้ามาตั้งแต่แรกได้ยังไง!”
คุณนายเฟิงได้ยินเช่นนี้ก็ตอบกลับด้วยความไม่พอใจว่า:” คุณน้องพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ฉันเองก็ไม่ได้เห็นด้วยแต่แรกอยู่แล้ว คุณพ่อนุ้นยืนยันจะเอาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านให้ได้”
เฟิงจิ้งหยวนได้ยินเช่นนี้ ดูเหมือนจะนึกอะไรออก สีหน้าไม่ดีและมองไปที่เฟิงเทียนหรู
” พ่อ ดูสิลูกสะใภ้ที่พ่อเลือก ขนาดเฟิงจิงเหยายังอยู่เธอยังออกไปมั่ว ดูก็รู้ว่าเป็นพวกของต่ำ ไร้ยางอาย ตระกูลเฟิงของเราคงไม่มีผู้หญิงแบบนี้หรอกนะ พาออกไปข้างนอกทำให้ขายขี้หน้าไม่พอ ยังจะทำให้เสียชื่อตระกูลเฟิงยังมีชื่อเสียงของฉันอีก”
คุณนายเฟิงฟังเธอพูดจนจะจบก็ออกมาพูดอีกเสียงว่า: “จริงค่ะพ่อ เรื่องนี้ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ถ้าเกิดแพร่ออกไปข้างนอก ตระกูลเฟิงของเราก็จะตกเป็นที่นินทาของคนอื่นได้ ฉันหมายถึงต้องให้เฟิงจิงเหยาหย่ากับนังผู้หญิงคนนี้ทันที”
เฟิงเทียนหรูที่กำลังฟังพวกเธอพูด รู้สึกมึนงงและตึงเครียดไปทั้งใบหน้า
กู้ฉางชิงมองเขาด้วยใบหน้าที่กังวล
“คุณปู่คะ มันไม่ใช่อย่างที่คิด”
เธอกำลังจะพูดอธิบาย แค่กำลังจะอ้าปากก็ถูกเฟิงจิ้งหยวนตะโกนขัดจังหวะ
“พอเถอะ กู้ฉางซิน หลักฐานมัดตัวขนาดนี้ยังจะมาแก้ตัวอีกหรอ เห็นพวกเราเป็นพวกโง่หรือยังไง?”
กู้ฉางชิงเหลือบมองไปด้วยสายตาที่เย็นชา ไม่สนใจและมองเฟิงเทียนหรูยืนกรานที่จะอธิบาย
“ไม่ว่าคุณปู่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ เรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่อย่างที่คิด ฉันอยู่กับผู้ชายคนนี้จริงแต่แค่ไปคุยข้อตกลงที่จะทำงานร่วมกัน”
ในขณะที่เธอกำลังพูดก็พูดข้อตกลงที่ไปเจรจาเมื่อวานออกมา
ใบหน้าของเฟิงเทียนหรูก็เปลี่ยนไป
คุณนายเฟิงเห็นเช่นนี้เริ่มรู้สึกกระวนกระวาย
วันนี้ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรก็ปล่อยให้รอดไปไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะกำจัดผู้หญิงคนนี้ออกจากตระกูลเฟิงต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน
“พูดจาเหลวไหล ถ้าเกิดเป็นการคุยข้อตกลงกันจริงทำไมต้องใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ? ดูก็รู้ว่าเพิ่งมีอะไรกันเสร็จ……”
เธอพยายามที่จะใส่ร้ายต่อ แต่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเฟิงจิงเหยาขัดจังหวะไว้
“พอแล้ว!”
เขามองไปที่คุณนายเฟิงและเฟิงจิ้งหยวนที่กำลังส่งเสียงดัง
“สมใจพวกเธอหรือยัง?”
คุณนายเฟิงและเฟิงจิ้งหยวนต่างก็ตกใจและรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“เฟิงจิงเหยา นี่แกหมายความว่าอะไร? จนถึงป่านนี้แล้วแกยังจะปกป้องผู้หญิงที่ไร้ยางอายแบบนี้อยู่หรอ?”
เฟิงจิ้งหยวนยืนขึ้นและถามด้วยความโมโห
คุณนายเฟิงก็พูดขึ้นด้วยว่า: “ไม่เข้าใจจริงๆว่านังนี่เอายาอะไรใส่ให้แกกินถึงได้หลงมันขนาดนี้ แกอยากมีเขาบนหัวหรือยังไง!”