เฟิงจิงเหยาได้ยินเช่นนี้ นิ่งอึ้งไปชั่วขณะแต่ไม่นานก็หายมาเป็นปกติ
“ฉันไม่ได้กำลังปกป้อง แค่จะบอกความจริงเรื่องทั้งหมด!”
เขาเม้มปากและมองไปที่คุณนายเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวนด้วยสายตาเย็นชา
“เมื่อวานฉางซินไปพบลูกค้าจริง ทั้งหมดก็ทำเพื่อบริษัท เธอเองก็ได้ส่งข่าวรายงานทุกสถานการณ์ ถ้าพวกเธอไม่เชื่อ ฉันก็มีข้อความยืนยันได้”
เขาพูดจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง เปิดข้อความที่กู้ฉางชิงรายงานให้เขาเมื่อวานและวางไว้บนโต๊ะ
เฟิงเทียนหรูเห็นวันที่ในข้อความตรงกับเมื่อวาน ข้อความทั้งหมดก็เกี่ยวกับบริษัท สีหน้าของเขาจึงกลับมานุ่มนวลอีกครั้ง
คุณนายเฟิงกับเฟิงจิ้งหยวนถึงกับหาคำพูดโต้แย้งไม่ออก
ในขณะเดียวกันเฟิงซู่ก็ถามขึ้นว่า: “ถึงแม้จะเป็นการคุยข้อตกลงร่วมงานกัน ที่จริงแล้วคุยที่ไหนก็ได้ ทำไมต้องไปที่โรงแรม?”
ทันทีที่คำนี้พูดออกไป คุณนายเฟิงที่หมดคำพูดแล้วก็กลับมาว่าร้ายอีกครั้ง
“จริงด้วย ถ้าเป็นการคุยงานจริงข้างนอกมีร้านกาแฟมากมาย ทำไมถึงต้องไปโรงแรม? ฉันว่าคงเป็นการเอางานมาอ้างแต่ลับหลังแอบทำอะไรไม่ดี!”
คำพูดของพวกเขาทำให้กู้ฉางชิงหัวเราะออกมา
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ แค่อยู่ในห้องด้วยกันทำไมถึงเป็นเรื่องไร้ยางอาย ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยบอกแล้ว ฉันกับคุณมู่รู้จักกันแล้วยังมีข้อตกลงร่วมมือกัน ฉันเลยไปเจรจาให้ และเขาก็เป็นดีไซเนอร์เหมือนกัน พวกเราไม่เพียงแต่คุยเรื่องบริษัทเท่านั้น ยังวาดออกแบบอีกด้วยนี่ยิ่งเป็นความลับ จะเลือกคุยที่ร้านกาแฟได้ยังไง ถ้าแม่ยืนยันว่าพวกเราทำอะไรลับๆล่อๆ ถ้าอย่างงั้นก็เรียกคนมาคุยซึ่งๆหน้าเลยก็ได้ แค่เพียงจะทำให้การร่วมมือของทั้งสองบริษัทมีปัญหา ก็อย่ามาโทษฉันอีกละกัน”
คำพูดของเธอทำให้คุณนายเฟิงโกรธมาก
“เหลวไหล!”
สุดท้ายเธอพูดออกแค่สองคำ ใบหน้าน่าเกลียดจนดูไม่ได้
เฟิงเทียนหรูหน้าตาเคร่งขรึม ราวกับว่ากำลังอดกลั้นบางสิ่งไว้และพูดว่า: “พอได้แล้ว เอาเป็นว่าเรื่องนี้จบกัน!”
คุณนายเฟิงและเฟิงจิ้งหยวนไม่พอใจ อยากจะพูดอะไรอีก
แต่ยังไม่มันเอ่ยปากก็ถูกเฟิงเทียนหรูขัดจังหวะและดุ!
“ฉันไม่สนว่าครั้งนี้พวกแกจะเอารูปพวกนี้มาจากไหน แต่ว่าครั้งหน้าถ้ามีเรื่องอะไรเอาให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยมาพูด”
ในขณะที่เขากำลังพูดสายตาก็มองไปที่คุณนายเฟิง
“โดยเฉพาะเธอ อายุก็มากแล้ว เอาแต่หาเรื่องฉางซินซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนอื่นเขาพูดกันให้ว่อน เธอลองดูแม่ยายบ้านไหนทำเหมือนเธอบ้าง ฉันว่าครั้งนี้คนที่น่าอายไม่ใช่ฉางซิน แต่คือเธอ สงบสันติสักวันก็ไม่ได้ เธออยากให้ตระกูลเฟิงขายขี้หน้าจนไม่มีที่ยืนเลยหรือไง?”
คุณนายเฟิงได้ยินคำตำหนินี้ สีหน้าซีดไปทั้งหน้า
หน้าอกรู้สึกหายใจไม่เป็นจังหวะ
ก็เพราะว่าคนที่ตำหนิเป็นเฟิงเทียนหรู เธอทำได้แค่น้อมรับไม่กล้าโต้ตอบ
เฟิงเทียนหรูรู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจ แต่เป็นลูกสะใภ้จึงต้องสั่งสอน
เขาหันไปมองกู้ฉางชิงกับเฟิงจิงเหยาที่ยืนอยู่อย่างสำรวมและพูดว่า: “เอาล่ะ พวกแกกลับไปเถอะ ต่อไปเรื่องพวกนี้ก็ระวังหน่อย”
กู้ฉางชิงรู้ว่านี่เป็นการเตือน พยักหน้าและตอบ:”รู้แล้วค่ะ คุณปู่วางใจได้เลยครั้งหน้าฉันจะระวังกว่านี้ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีกแน่นอน”
เฟิงเทียนหรูพยักหน้าและโบกมือให้พวกเขากลับไป
กู้ฉางชิงมองเฟิงจิงเหยา รอให้เฟิงจิงเหยาพยักหน้าจึงจากไป
หลังจากที่ทั้งสองคนกลับไป กู้ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
เฟิงจิงเหยาเห็นท่าทางของเธอก็หยุดเดิน
กู้ฉางชิงสังเกตเห็นว่าเขาหยุดเดินไปและมองเขา
“เป็นอะไรไป?”
“เมื่อกี้ที่แม่พูดทั้งหมดเธออย่าเอาไปใส่ใจเลยนะ”
กู้ฉางชิงเห็นเขาช่วยปลอบคำพูดของคุณนายเฟิง รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร
เพราะเธอเองก็เข้าใจดีที่คุณนายเฟิงพูดไม่ดีทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องในอดีตด้วย
ใครให้กู้ฉางซินหาเรื่องใส่ตัวเองล่ะ!
“ฉันไม่เป็นไร เอ้ออ วันนี้RCจัดงานเลี้ยงดินเนอร์ ฉันต้องไปร่วมงานด้วย เธอจะไปกับฉันไหม?”
เธอเปลี่ยนเรื่องและถาม เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว
“คืนนี้น่าจะไม่ได้ ตอนเย็นฉันต้องไปดูงานในเมืองคงกลับมาไม่ทัน”
กู้ฉางชิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ยับยั้งไม่แสดงออก
“โอเค ถ้าอย่างงั้นฉันไปคนเดียว เธอออกไปข้างนอกก็ระวังตัวด้วยนะ”
เฟิงจิงเหยาเห็นสายตาที่ผิดหวังของเธอ มองเธอแล้งก็แอบยิ้มมุมปาก อ้าปากจะพูดบางสิ่งแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ทำเพียงพยักหน้าถือว่ารับรู้แล้ว
……
คืนนั้น กู้ฉางชิงแต่งตัวเรียบร้อย ให้ผู้ดูแลบ้านเตรียมรถออกไปที่โรงแรม
เมื่อเธอไปถึงงานเลี้ยง ก็เห็นคนมากันไม่น้อยพนักงานบริษัทและบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นเสื้อผ้าหลายคนรวมไปถึงดีไซเนอร์ชื่อดัง
แน่นอนว่าโอกาสครั้งใหญ่แบบนี้ต้องไม่ขาดนักข่าวไปแน่นอน
กู้ฉางชิงมองไปรอบๆ เห็นมู่จินท่ามกลางผู้คนมากมาย ทำให้เธอดีใจตาเป็นประกาย
นอกจากบริษัทใหม่RCที่กำลังเป็นที่นิยมแล้ว มู่จินเองก็มีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ก็ว่าได้
ถ้าหากเธอไม่ได้บังเอิญรู้จักกับเขาที่เมืองนอก ตอนนี้แม้แต่โอกาสจะคุยด้วยก็คงไม่มี
ตอนแรกเขาจะเชิญเธอเข้าRC แต่ในตอนนนั้นเธอยังไม่ได้ตอบ กู้หงเซินก็หาเรื่องมาให้พอดี
เธอคิดถึงตรงนี้ก็เดินไปหยิบเครื่องดื่มและมองหาที่นั่งเงียบๆ รอให้คนน้อยลงก่อนจึงจะไปทักทาย
ใครจะคิดว่าเธอจะโชคร้ายขนาดนี้ ดันไปเจอกับฉินเป่ยหาน
จะว่าไปแล้ว ตระกูลฉินครอบคลุมบริษัทมากมาย แถมยังมีบริษัทเสื้อผ้าอีกด้วย
ถ้าจะเจอฉินเป่ยหานที่นี่ก็คงไม่แปลก
แต่ว่ายังมีเรื่องค้างคากับกู้ฉางชิง ฉินเป่ยหานเห็นเธอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เพราะว่าคืนนี้เป็นงานเลี้ยงเพื่อเจรจาทำงานร่วมมือกัน กู้ฉางชิงกลับไม่ได้ใส่กระโปรงเดรส แต่กลับใส่เสื้อสูท ทั้งตัวดูแล้วหล่อเท่ ไม่มีความเป็นผู้หญิงอยู่เลย ทั้งเท่และนุ่มนวล แต่งหน้าละเอียดอ่อนดูแล้วมีเอกลักษณ์โดดเด่น
“ฉางซิน ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่ เธอก็มาเพื่อจะร่วมมือกับRCเหมือนกันหรอ?”
กู้ฉางชิงมองผู้ชายตรงหน้า เม้มปากและพูดอย่างเฉยชา:” ทุกคนที่มาวันนี้ก็ล้วนแล้วแต่มาเพื่อทำข้อตกลงกันทั้งนั้น”
ฉินเป่ยหานดูเหมือนจะฟังไม่ออก หัวเราะและพูดว่า: “จริงด้วย ฉันนี่มันพูดไร้สาระจริงๆ”
ในขณะที่เขากำลังพูดก็เชิญ: “ฉางซิน เราไม่ได้คุยกันนานแล้ว เราไปนั่งคุยกันทางนุ้นดีไหม?”
กู้ฉางชิงมองไปทางที่เขาชี้ที่ห่างไกลทางนุ้น ไม่มีผู้คน
เธอไม่อยากไป ไม่อยากมีเรื่องอื้อฉาว ส่ายหัวและตอบว่า: “ไว้โอกาสหน้านะ ฉันมีธุระ……”
ในขณะที่เธอกำลังพูด สีหน้าก็เปลี่ยนไปและมองไปอีกที่
ก็เห็นตรงข้ามเธอคือจี้ฟงหยุน
สวมสูทออกแบบมาอย่างดี บวกกับรูปร่างที่งดงามของเขา เป็นที่ประจักษ์ในผู้คน
โดยเฉพาะอารมณ์นิสัยของเขาอ่อนโยนนุ่มนวล ทำให้เธอนึกถึงคำคมคำหนึ่ง ดุจดั่งเทวดา!